พอพูดถึง Pyramid Head แล้ว ภาพชายใส่หมวกทรงพีระมิดกับดาบยาวยังคงติดตาเสมอ เหตุผลที่เขาทำหน้าที่แตกต่างกันในเกมและหนังมาจากแกนเรื่องและฟอร์มของสื่อที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ใน 'Silent Hill 2' เขาทำหน้าที่เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของบาป ความรู้สึกผิด และการลงโทษส่วนตัวของตัวเอก การเป็นศัตรูในเกมไม่ได้เป็นแค่ความน่ากลัวแบบผิวเผิน แต่เชื่อมโยงกับจิตใต้สำนึกของผู้เล่นผ่านการสำรวจ สภาพแวดล้อม และการเผชิญหน้าที่บีบให้ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวละคร ฉันรู้สึกว่าการที่ผู้เล่นต้องเดินเคียงข้างความเงียบและเสียงเอฟเฟกต์ ทำให้การพบเจอ Pyramid Head มีน้ำหนักทางอารมณ์มากกว่าความน่ากลัวเพียงอย่างเดียว
ในทางกลับกัน การ
ปรากฏตัวของเขาในภาพยนตร์อย่าง 'Silent Hill' ถูกปรับให้เป็นสัญลักษณ์ภาพยนตร์ที่ต้องเคลื่อนที่แบบชัดเจนและให้ผลทางสายตาได้ทันที เพื่อให้คนดูที่นั่งแบบพาสซีฟรับรู้ความน่ากลัวได้เร็วขึ้น ผู้กำกับต้องแปลงการตีความเชิงจิตวิทยาในเกมให้กลายเป็นฉากคอนกรีต เช่น การใช้ฉากไล่ล่า เสียงดนตรีและมุมกล้องที่กดจังหวะ ทำให้บทบาทของ Pyramid Head ในหนังกลายเป็นตัวแสดงที่แสดงออกถึงความคุกคามทางกายภาพและภาพลักษณ์แทนความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งเท่ากับในเกม ฉันเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บางองค์ประกอบของตัวละครสูญเสียความซับซ้อนไป แต่ก็มอบความทรงจำสายตาและฉากสยองขวัญที่แรงขึ้น
การออกแบบและการเคลื่อนไหวก็ถูกปรับตามความต้องการของสื่อด้วย ในเกมจะมีจังหวะของการเผชิญหน้า การนำเสนอเสียงจากภายใน ห้องที่อึมครึม และวิธีที่ตัวละครเดินหรือยืนเป็นสัญญะทางจิตใจ ขณะที่ภาพยนตร์เน้นคัตช็อตยาวและการเคลื่อนไหวของกล้องที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ Pyramid Head กลายเป็นสัญลักษณ์ไอคอนิกที่ทุกคนจดจำได้ทันที สิ่งนี้ทำให้การใช้งานตัวละครในสื่ออื่นๆ ขยายออกไป ทั้งในของสะสม งานศิลป์ หรือแม้กระทั่งการปรากฏตัวในเกมอื่นอย่าง '
dead by daylight' ซึ่งบทบาทของเขาถูกย่อให้เข้ากับระบบกฎใหม่ ๆ และกลายเป็นตัวร้ายที่เล่นได้มากขึ้น ฉันคิดว่านี่เป็นตัวอย่างของการที่แฟรนไชส์ต้องปรับตัวเมื่อไอคอนเชิงสัญลักษณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อป
สุดท้าย มุมมองส่วนตัวคือความแตกต่างระหว่างเกมและหนังทำให้ Pyramid Head มีมิติมากขึ้น ในเกมเขาเป็นเงาที่ทับซ้อนกับจิตใจของตัวเอก และการถูกบังคับให้เผชิญหน้าทำให้ผู้เล่นต้องคิดตามและรู้สึกผิดร่วมด้วย ในหนังเขากลายเป็นเครื่องหมายแห่งความหวาดกลัวที่ทุกคนสามารถจดจำได้ทันที ทั้งสองเวอร์ชันมีคุณค่าในแบบของตัวเอง—เกมให้ประสบการณ์ภายในแบบลึกและเคลื่อนอารมณ์ ส่วนหนังให้ภาพอันทรงพลังที่ฝังอยู่ในความทรงจำของคนดู นี่แหละที่ทำให้ตัวละครนี้ยังคงมีเสน่ห์และถูกพูดถึงเสมอโดยส่วนตัวแล้วฉันชอบการตีความที่ทำให้คิดตามได้ นั่นทำให้การเผชิญหน้ากับเขาไม่ใช่แค่การหนี แต่เป็นการสะท้อนกลับมาในใจด้วย