ฉากบู๊ใน 'ยาจกซู' สำหรับฉันคือบทเรียนเรื่องการใช้มุมกล้องเพื่อเล่าเรื่องราวการต่อสู้ ไม่ได้มีแค่การฟาดฟันกันสองคน แต่เป็นการวางแผนภาพทั้งเฟรมให้ผู้ชมรู้ตำแหน่ง การเคลื่อนไหว และผลลัพธ์ของแต่ละช็อต ฉันชอบที่ผู้กำกับเลือกใช้แช็ดยาว (long take) ในบางฉากเพื่อโชว์คิวบู๊แบบต่อเนื่อง—กล้องหมุนตามตัวละคร บีบเข้าบ้าง หลุดออกบ้าง ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันและความเหนื่อยจากการต่อสู้แบบเรียลไทม์ เหตุผลที่แช็ดยาวได้ผลคือมันสร้างความต่อเนื่องของพื้นที่ ทำให้เราเห็นการวางเท้า ทิศทางการโจมตี และการหลบ ซึ่งต่างจากการตัดเร็วที่อาจทำให้เกิดการหลุดของสภาพภูมิประเทศ
นอกจากแช็ดยาว ยังมีการใช้มุมกว้างเพื่อตั้งค่าฉากก่อน แล้วตัดเข้ามาเป็นมุมแคบตอนโจมตี ทำให้เราเข้าใจสเกลของการต่อสู้และรายละเอียดการเคลื่อนไหวพร้อมกัน ฉันสัมผัสได้ว่าเสียงดีไซน์มีบทบาทมาก เสียงลมหายใจ เสียงกระแทกโลหะ และการตัดเสียงเพื่อให้เหลือเพียงเสียงกระทบเดียว สร้างพลังปะทะได้อย่างน่าทึ่ง เทคนิคช็อตต่อตัดบนการกระทำ (cut on action) ถูกใช้เพื่อรักษา
อริยาบทของร่างกายระหว่างการตัด และมีการสอดแทรกสโลว์โมชั่นในช่วงสำคัญเพื่อเน้นความรู้สึกของแรงปะทะหรือการตัดสินใจที่เปลี่ยนทิศทางการต่อสู้
ผมชอบที่ทุกองค์ประกอบ—แสง เฉดสี ซาวด์ และคิวบู๊—ทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ผลลัพธ์คือฉากบู๊ที่ไม่ได้แค่โชว์ฝีมือนักแสดงแต่ยังเล่าเรื่องของตัวละครผ่านภาษาภาพ ทำให้ฉากดูมีน้ำหนักและมีเหตุผล ไม่ใช่แค่การตบตีเปล่า ๆ ประทับใจสุด ๆ จากสไตล์ที่ชัดเจนและมีรายละเอียดแบบเดียวกับฉากยาวใน 'Oldboy' ที่ยังคงติดตา