ท้ายที่สุดฉากจบของ '
ม่านฝันบ่วงวสันต์' ให้ความรู้สึกเหมือนการปิดม่านที่ค่อย ๆ ลงด้วยจังหวะช้า ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ตัวเรื่องพาเราไปสู่การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายซึ่งรวมทั้งความจริง ความทรงจำ และบาดแผลเก่า ๆ เข้าด้วยกัน ไม่ได้มีเพียงการแก้ปมแบบเปิดเผยทุกอย่าง แต่เลือกให้บางอย่างค่อย ๆ กระจ่างในแง่ของผลกระทบต่อชีวิตตัวละครมากกว่าจะเป็นคำอธิบายเชิงเหตุผลเดียว ๆ ฉากไคลแม็กซ์ใช้สัญลักษณ์ของ ‘ม่านฝัน’ อย่างชาญฉลาด — ม่านที่ฉีกออกเผยให้เห็นความจริง แต่ก็ทำให้เห็นว่าความฝันและความจริงยังคงอยู่เคียงข้างกันได้ เมื่อฉากหลังค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นภาพอีพิล็อกที่มีการข้ามเวลาเล็กน้อย เราเห็นตัวเอกและคนรอบข้างเดินหน้าต่อด้วยร่องรอยของอดีตที่ไม่หายไป แต่นำทางให้เติบโตแทนที่จะเป็นพันธนาการ
ฉันมองว่าความพึงพอใจจากตอนจบมาจากการให้คุณค่าแก่การเติบโตของตัวละครมากกว่าแค่การให้คำตอบครบถ้วน ตัวเอกไม่ได้กลายเป็นคนสมบูรณ์แบบทันที แต่มีการยอมรับ ความพังทลาย และการให้อภัยบางอย่างที่สัมผัสใจได้ การเลือกที่จะไม่อธิบายทุกปมอย่างละเอียดทำให้ตอนจบมีพื้นที่ให้ผู้อ่านเติมความหมายเอง ซึ่งถ้าคุณชอบงานที่ปล่อยให้คนดูคิดต่อแบบเดียวกับ 'Violet Evergarden' หรือฉากบีบอารมณ์ใน 'Your Lie in April' จะรู้สึกเข้าถึงอารมณ์นั้นได้ง่าย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็คลี่คลายความตึงเครียดในแบบที่ต่างออกไป ไม่ใช่ตอนจบที่
พร่ำเพรื่อหวานเกินเหตุหรือช็อคจนไม่มีความหมาย แต่เป็นการปิดเรื่องที่อบอุ่นแบบเปื้อนรอยแผล ความหวังยังมี แต่ไม่ใช่จบแบบนิทาน
โครงสร้างตอนจบยังเล่นกับเวลาสองชั้นอย่างน่าสนใจ — ส่วนหนึ่งเป็นการเผชิญหน้าปัจจุบันที่ตึงเครียด อีกส่วนเป็นช็อตสั้น ๆ ของอนาคตที่ย้ำว่าการตัดสินใจวันนี้มีผลต่อวันหน้าจริง ๆ นั่นทำให้ฉากสุดท้ายรู้สึกสะดุดใจและคงอยู่ในความทรงจำเหมือนฉากปิดหนังดี ๆ สักเรื่อง ฉากสั้น ๆ ของชีวิตประจำวันในอีพิล็อก เช่น การเดินแจกยิ้มเล็ก ๆ ให้กับเพื่อนเก่า หรือการเก็บของสมัย
วัยเยาว์ นำเสนอความเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่าการเยียวยาไม่ได้ต้องการดราม่าต่อเนื่อง แต่ต้องการความสม่ำเสมอในการใช้ชีวิตต่อไป ฉากเหล่านี้ทำให้ฉันนึกถึงความอบอุ่นในงานที่เน้นการเยียวยาอย่าง '
barakamon' แม้โทนของงานทั้งสองจะแตกต่างกัน แต่ความรู้สึกในบั้นปลายมีความใกล้เคียงกัน
โดยรวมแล้วตอนจบของ 'ม่านฝันบ่วงวสันต์' ให้ความพึงพอใจในระดับสูงสำหรับคนที่ชอบตอนจบแบบมีชั้นเชิงและอารมณ์ค่อย ๆ กระทบใจ ไม่ใช่การปิดปมด้วยลูกเล่นหวือหวา แต่เป็นการปิดด้วยความหมายและความจริงใจ เหมือนการได้จบหนังสือหน้าโปรดที่ทำให้เราอยากกลับไปอ่านย่อหน้าก่อนหน้าอีกครั้งเพื่อค้นหาเบาะแสที่ซ่อนอยู่ แล้วนอนคิดถึงตัวละครสักพักก่อนจะลุกไปทำอย่างอื่น — นี่แหละความพึงพอใจแบบที่ฉันชอบ