หลังจากอ่านประกาศของทีมงานแล้ว ผมอยากเล่าให้ฟังในมุมมองคนดูที่ติดตามเบื้องหลังโปรดักชันมานาน การประกาศบอกว่าโลเคชันถ่ายทำของ '
ไมตรี' กระจายตัวระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท เพื่อให้ภาพมีมิติทั้งความคึกคักของเมืองและความเงียบสงบของชนบท ซึ่งทำให้ฉากต่างๆ ดูสมจริงและมีน้ำหนักทางอารมณ์
ฉากในตัวเมืองส่วนใหญ่ถ่ายกันที่ย่านเก่าใกล้แม่น้ำ ริมท่าเรือ และตลาดโบราณที่ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ ทีมงานเน้นการใช้แสงจริงและเดินกล้องใกล้ชิดกับนักแสดง ทำให้บทสนทนาเล็ก ๆ ในฉากตลาดรู้สึกใกล้ชิดและมีรายละเอียดของชีวิตประจำวันมากขึ้น ในทางกลับกันฉากที่ต้องการความสงบและการเผชิญหน้าทางอารมณ์ถูกถ่ายที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดทางภาคกลางที่มีวัดเก่าและทุ่งนาเป็นฉากหลัง ฉากเหล่านี้เล่นกับเงาและเสียงธรรมชาติเพื่อสร้างโทนที่หนักแน่นและเปราะบาง
การเลือกโลเคชันแบบผสมยังช่วยให้การเล่าเรื่องของ 'ไมตรี' มีการไต่ระดับทางอารมณ์ได้ดีขึ้น—จากความพลุกพล่านสู่การตั้งคำถามส่วนตัวที่เงียบขึ้น ตัวอย่างเช่นฉากไคล์แมกซ์ที่ใช้สะพานไม้เก่าและแม่น้ำในตอนกลางคืน ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและย้อนอดีต ในฐานะคนที่ชอบสังเกต ผมเห็นเทคนิคเดียวกับที่ทีมงานของหนังไทยอย่าง 'ฉลาดเกมส์โกง' เคยใช้คือการจับองค์ประกอบโลเคชันเพื่อสะท้อนภาวะภายในของตัวละคร
บทสรุปคือ ทีมน่าจะตั้งใจให้โลเคชันเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่อง ไม่ได้เป็นแค่ฉากหลังเฉยๆ แม้จะไม่มีการเปิดเผยตำแหน่งจุดถ่ายทำแบบลงรายละเอียด ทีมงานให้ข้อมูลกว้าง ๆ ว่าเป็นพื้นที่เมืองเก่าและชนบทตอนกลาง ซึ่งก็เพียงพอให้คนดูนึกภาพได้และยังคงความเป็นส่วนตัวของชาวบ้านที่ถูกถ่ายทำไว้ ผมชอบการคุมโทนแบบนี้ เพราะทำให้หนังดูมีบริบทและเคารพสถานที่ในเวลาเดียวกัน