เวลากลางคืนมักเปิดประตูให้บทกวีเดินเข้ามาในจังหวะเงียบ ๆ ของฉัน
ฉันชอบเริ่มจากภาพเฉพาะหน้าที่จับต้องได้ เช่นแสงจันทร์ที่ตกกระทบบน
กิ่งไผ่หรือขอบหน้าต่าง แทนที่จะพูดว่า 'ดวงจันทร์สวย' ให้เปลี่ยนเป็นการกระทำหรือผลกระทบ—มันกระซิบ มันเผาไหม้ มันห่มผ้าคนที่หลับ—เพื่อให้ไวพจน์กลายเป็นประสบการณ์ที่ผู้อ่านร่วมรู้สึกได้ ในบางครั้งการนำเสียงและกลิ่นเข้ามาช่วยจะทำให้คำไวพจน์ไม่แห้งและไม่ไกลจากภาพจริง เช่น แสงจันทร์ที่ทำให้กลิ่นเกลือทะเลเย็นลง ขบวนคำสั้นๆ สลับกับวลียาวๆ ยังช่วยสร้างจักรริทึมที่เหมาะกับอารมณ์
การอ้างอิงเชิงวัฒนธรรมหรือเรื่องเล่าก็มีพลังมาก ฉันชอบยกฉากจาก 'Sailor Moon' ที่ใช้ดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความรัก แต่จะไม่ยืมตรง ๆ เสมอไป—จะนำเอาโทนหรือความหมายมาแปรเป็นภาพใหม่ในบทกวี เช่นเปลี่ยนจากเจ้าหญิงบนดวงจันทร์เป็นคนเฝ้าตะเกียงริมท่าเรือ การเล่นกับความขัดแย้งระหว่างแสงกับความมืดหรือความเย็นกับความอบอุ่นจะทำให้ไวพจน์นี้ไม่กลายเป็นคำฟุ่มเฟือย แต่กลายเป็นสะพานที่พาไปสู่ความรู้สึกของผู้อ่านได้จริงๆ