บอกเลยว่าตอนแรกที่เริ่มอ่าน 'ลำนำ
บุปผาพิษ' ฉันถูกดึงเข้าไปด้วยบรรยากาศที่หวานปนขมจนแทบไม่รู้ว่าจะหายใจอย่างไรดี
เรื่องราวเล่าถึงหญิงสาวชื่อ เยว่หลิน ผู้เติบโตท่ามกลางสวนดอกไม้ลึกลับที่ผลิบานด้วยดอกไม้มีพิษ ทุกดอกมีชื่อเสียงและความทรงจำของคนปลูกในตัวเอง เยว่หลินไม่ได้เป็นแค่ผู้ดูแลสวน เธอมีพรสวรรค์แปลกประหลาดในการอ่าน
ภาษาดอกไม้และปรับแต่งพิษให้กลายเป็นยาหรือกับดัก ความเป็นมาในอดีตทำให้เธอต้องหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงเพราะชาวบ้านและชนชั้นสูงต่างตื่นกลัวดอกไม้ของเธอ
เรื่องดำเนินด้วยเส้นเรื่องหลายชั้น—การแก้แค้น ความลับตระกูล และความรักที่ค่อยๆ โตขึ้นจากความเข้าใจผิด เยว่หลินต้องเผชิญทั้งอำนาจองค์หลวงที่ต้องการครอบครองสวนดอกไม้และกลุ่มนักปราชญ์ที่เห็นว่าพิษของเธอเป็นภัย แต่ผู้ที่เปลี่ยนสมดุลให้สั่นไหวคือชายลึกลับ หลี่อวี่ ผู้มีอดีตเชื่อมโยงกับสวนอย่างไม่คาดคิด ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ใช่การตกหลุมรักทันที แต่เป็นการค่อยๆ ถอดหน้ากากของกันและกัน เรียนรู้ว่าพิษไม่ได้มีเพียงด้านทำลายเสมอไป—มันยังเป็นเครื่องมือปกป้องและเยียวยาได้
สิ่งที่ทำให้ฉันชอบมากคือการใช้ดอกไม้เป็นทั้งสัญลักษณ์และอาวุธ ฉากหนึ่งที่จดจำได้ชัดคือการที่เยว่หลินใช้กลิ่นของดอกไม้ปลอมแปลงความทรงจำของผู้คน ทำให้บทสนทนาและการเผยความจริงมีความซับซ้อนเหมือนกลีบที่เป็นชั้น ๆ โทนเรื่องไม่ใช่หวานล้วน แต่มีความขมแบบทรงพลัง คล้ายกับงานที่เน้นสภาวะภายในของตัวละครอย่าง 'Violet Evergarden' แต่เอาไปผสมกับบรรยากาศวังหลวงและการเมืองที่ดุดัน ผลลัพธ์คือนิยายที่ทำให้ฉันทบทวนว่าพลังกับความรับผิดชอบผสมกันอย่างไร และว่าสถานะของความเป็นมนุษย์มักซ่อนอยู่ในสิ่งที่คนอื่นเรียกว่าเป็น 'พิษ' มากกว่าเป็นข้ออธิบายสิ่งเลวร้ายอย่างเดียว