มีตัวละครไม่กี่ตัวที่เข้ามาแล้วทำให้ทั้งเรื่องขยับไปในทิศทางใหม่—
เด็กชายรามี่เป็นหนึ่งในนั้นและทำหน้าที่เป็นจุด
ชนวนของพล็อตที่ชัดเจนมากกว่าที่หลายคนสังเกต
เมื่อลองมองจากมุมของคนที่อ่านและชมบ่อย ๆ, รามี่ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งที่ผลักดันตัวละครหลักให้ตัดสินใจทำสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉากที่รามี่โผล่มาในช่วงกลางเรื่องไม่ใช่แค่เซอร์ไพรส์ แต่มันเหมือนกับการวางช่องว่างให้ตัวเอกต้องตอบสนอง—ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระหว่างการปกป้องหรือการยอมปล่อย ในแง่นี้เขาทำหน้าที่เหมือนสวิตช์ที่เปิดการเปลี่ยนแปลงของโครงเรื่อง
นอกจากเป็นตัวเร่งแล้ว รามี่ยังเป็นเสมือนกระจกสะท้อนด้านมืดและด้านสว่างของโลกเรื่องนั้นด้วย ยกตัวอย่างฉากที่เขาเผชิญหน้ากับความจริงบางอย่าง—ฉากนั้นลากตัวเอกลงมาจากหอคอยแห่งความแน่นอนและบังคับให้ตัวเอกมองตัวเองใหม่ การเปลี่ยนแปลงเชิงจิตวิทยาที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นจึงกลายเป็นแกนหลักของบทสรุป
น้ำเสียงที่ฉันใช้พูดถึงรามี่มาจากการดูเรื่องอย่างตั้งใจหลายรอบ ผลลัพธ์ที่ได้คือรามี่ไม่ใช่แค่ตัวละครประกอบ แต่เป็นเสาหลักที่ทำให้พล็อตเดินต่อและทำให้การตัดสินใจของตัวละครอื่นมีความหมายจริง ๆ