พอพูดถึง '
badboy ii' ภาพแรกที่โผล่มาในหัวเป็นเรื่องของความขัดแย้งที่ขยายจากปมเล็ก ๆ ไปเป็นเรื่องชีวิตทั้งชีวิตของตัวละครหลัก ฉันมองว่าพลอตหลักคือการติดตามเส้นทางของตัวละครคนหนึ่งที่เคยอยู่ฝั่งมืดของเมือง แต่พยายามจะเลิกวงจรความรุนแรงโดยมีอดีตที่ตามมาหลอกหลอน เรื่องเล่าเดินด้วยจังหวะกลางๆ ระหว่างความดิบกับความเปราะบาง: มีฉากแก๊งและการประชันอำนาจ แต่ก็สอดแทรกช่วงเวลาส่วนตัวของการเข้าใจตัวเองและคนอื่นอย่างลึกซึ้ง
ฉากสำคัญที่ทำให้เรื่องเดินไปได้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นตอนที่ตัวเอกต้องเผชิญหน้ากับคนที่เคยไว้ใจ—ฉากบนดาดฟ้าระหว่างฝนตกที่ทั้งสองเปิดเผยความลับของกันและกันยังติดตาฉันอยู่ เส้นเรื่องรองเกี่ยวกับมิตรภาพแบบเลือดและการหาทางไถ่ถอนช่วยเติมมิติให้โลกของเรื่องไม่ใช่แค่ความรุนแรงลอยๆ ดนตรีประกอบและการใช้แสงเงาช่วยขับอารมณ์ ทำให้ฉากเงียบๆ มีพลังเท่ากับฉากบู๊
มุมมองส่วนตัวคือชื่นชมการเขียนตัวละครที่ไม่ใช่คนดีแบบสุดโต่งหรือคนร้ายไร้เหตุผล ทุกคนมีเหตุผลสำหรับการกระทำของตัวเอง และนั่นคือแกนกลางของ 'badboy ii' ที่ทำให้ฉากเล็กๆ อย่างการขอโทษหรือการยอมรับกลับมีค่าน้ำหนักมากกว่าการปะทะครั้งใหญ่ ๆ สรุปแล้วมันเป็นเรื่องของการเลือกทางเดิน ทิศทางของชีวิต และการยอมรับความผิดพลาดด้วยหัวใจที่ยังพอมีที่ว่างให้เปลี่ยนแปลง