3 Answers
ความเงียบและเสียงกีตาร์อะคูสติกแบบอินดี้ในบริบทของราเชลจาก 'Life Is Strange' ทำให้ฉากบางฉากมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดหลายย่อหน้า เพลงอย่างที่แฟน ๆ ชอบอ้างถึงมักเป็นแทร็กอินดี้ช้า ๆ ที่มีเสียงร้องแผ่ว ๆ และเนื้อเพลงที่เปิดช่องให้คนฟังเติมความหมายเอง ฉันมักจะจับใจท่อนบรรเลงสั้น ๆ ที่ใช้เป็นบริดจ์ระหว่างฉาก เพราะมันทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมอารมณ์ระหว่างปัจจุบันกับความทรงจำได้ดี
ในฐานะแฟนที่ชอบวิเคราะห์เพลงประกอบ ฉันเห็นว่าการเลือกใช้เพลงแบบนี้ช่วยให้การเล่าเรื่องมีชั้นเชิง — เลือกเพลงไม่ต้องอลังการ แต่ต้องตรงกับความรู้สึกของตัวละคร เพลงที่ไม่กระโจนแย่งซีนจะทำงานได้ดีกว่า เหมือนการให้พื้นที่ว่างให้ผู้ชมได้หายใจแล้วคิดตามฉาก ซึ่งนั่นแหละคือเสน่ห์ของเพลงที่เกี่ยวกับราเชลในบทนี้
เพลงธีมที่แฟนฉันชอบพูดถึงเกี่ยวกับราเชลจาก 'Tower of God' มักจะเป็นท่อนเมโลดี้ที่หวานปนเหงาซึ่งโผล่ตอนที่ตัวละครยืนอยู่คนเดียวบนฉากกว้าง ๆ
เสียงเปียโนและซินธ์ที่เรียงตัวกันแบบไม่รีบร้อนทำให้ภาพของราเชลในเรื่องนั้นชัดขึ้นกว่าการสื่อด้วยบทพูดเพียงอย่างเดียว ในความเห็นของฉัน ท่อนสั้น ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นซ้ำ ๆ กลายเป็นเครื่องหมายของความเปราะบาง — ตอนฟังทีไร มันจะดึงให้ฉันโฟกัสที่จิตใจของตัวละครมากกว่าการกระทำ
มุมที่ชอบที่สุดคือการผสมความเรียบง่ายกับแอมเบียนท์เบา ๆ ที่ไม่กลบเสียงฉาก ทำให้เพลงเป็นทั้งฉากรองรับและผู้เล่าเรื่องในเวลาเดียวกัน เพลงพวกนี้ไม่ได้ยุยงให้เราเห็นราเชลเป็นฮีโร่ แต่กลับทำให้เธอดูน่าทะนุถนอมและซับซ้อนขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันมักจะกลับไปฟังซ้ำเมื่อคิดถึงช่วงเวลาสำคัญของเรื่อง
มุมมืดของ 'Angels of Death' ทำให้เพลงที่เกี่ยวกับราเชลมีความโดดเด่นด้วยโทนเสียงเย็นและชวนสยดสยองมากกว่าความไพเราะเพียว ๆ เสียงซินธ์ต่ำ ๆ กับเสียงคอร์ดที่ยืดออกยาว ๆ มักจะถูกใช้เพื่อเน้นความเปราะบางและความไม่แน่นอนของเธอ
สไตล์เพลงแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงซาวด์แทร็กที่เป็นฉากหลังของห้องมืด ๆ หรือฉากที่ตัวละครกำลังเผชิญความจริงบางอย่าง ความน่าสนใจอยู่ที่วิธีการใช้ความเงียบเป็นเครื่องมือร่วมกับดนตรี — เว้นจังหวะให้เสียงหายใจหรือเสียงเอ็ฟเฟ็กต์ขนาดเล็กพาเราขึ้น ๆ ลง ๆ เพลงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องจำง่าย แต่พอผูกกับภาพแล้วจะติดอยู่ในความทรงจำ กลายเป็นตัวแทนบรรยากาศของราเชลไปเลย