เขาแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน จำต้องแต่งงานกับองค์หญิง ที่ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ล่ำลือว่านางนิยมเลี้ยงบุรุษรูปงามเอาไว้ข้างกาย นางองค์หญิงกำพร้าที่เก็บซ่อนตัวตนเอาไว้ ภายใต้ความเสื่อมเสีย แล้วทั้งคู่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรเล่า
View More“เร็วอีกเจ้าค่ะ อ๊า...ท่านแม่ทัพแรง ๆ เจ้าค่ะ โอ้ววว...อ๊า ได้โปรดท่านแม่ทัพ ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ อะ...อีก อ๊า...”
เสียงเร่งเร้าจากร่างอวบอิ่ม ที่กำลังส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่าน จากบทรักของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ร่างสูงที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ด้านบน เร่งจังหวะตามคำขอโดยไม่รั้งรอ
“อื้อ...”
เสียงครางเบา ๆ ของชายหนุ่ม ดังขึ้นเมื่อสงครามบนเตียงกำลังจะสิ้นสุด ชายหนุ่มขยับเอวรุนแรงขึ้น เมื่อคนใต้ร่างกระตุกเกร็งพร้อมเส้นทางเล็กแคบตอดรัดท่อนมังกรของเขา
ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระแทกท่อนมังกรเข้าจนสุดทาง พร้อมกับเร่งจังหวะขับเคลื่อนให้กระชั้นถี่ขึ้น แม่ทัพหนุ่มกดท่อนมังกรแช่แน่นิ่งเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงคำรามในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน เมื่ออารมณ์เร้าร้อนได้รับการปลดปล่อย ชายหนุ่มขยับถอนแก่นกายออกในทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ
“ท่านแม่ทัพ”
ร่างอวบอิ่มขยับลุกนั่ง มือบางลูบไล้ยังแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ขอบเตียง ใบหน้างามกำลังที่จะซบลงด้วยความหลงใหลในกายของชายหนุ่ม จำต้องนิ่งค้าง เมื่อร่างสูงลุกพรวดก้าวตรงไปยังห้องอาบน้ำเสียอย่างนั้น ใบหน้างามที่ยิ้มยั่วในคราแรก เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจในทันที
เมื่อถูกมองข้ามจากชายหนุ่ม นางชื่นชอบในรสสวาทของเขาอย่างไม่อาจถอนตัวได้โดยง่าย ทั้งรูปร่างที่กำยำใบหน้าอันหล่อเหลา กลิ่นกายของบุรุษชั้นสูง ทุกอย่างหลอมรวมอยู่ในตัวแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ หญิงสาวกำลังจะลุกติดตามเข้าไปปรนนิบัติชายหนุ่มยังห้องอาบน้ำ ทว่า...
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน ทำให้หญิงสาวจำต้องลุกขึ้นแต่งกาย แทนที่จะได้เริ่มบทรักสวาทกับแม่ทัพหนุ่มอีกสักครั้ง ร่างงามก้าวตรงไปยังประตู ก่อนจะเปิดมันออกด้วยความไม่พอใจ
“ท่านแม่ทัพกำลังอาบน้ำอยู่ เจ้ามีสิ่งใดสั่งไว้ ข้าจะเรียนท่านแม่ทัพเอง”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจที่จะคุยกับอีกฝ่ายเท่าใดนัก และยิ่งสายตาของบ่าวรับใช้ของแม่ทัพหนุ่ม มองนางเสมือนอากาศธาตุ ความไม่พอใจยิ่งเพิ่มขึ้นอีกนับเท่าตัว
“แม่นางโปรดหลีกทางให้ข้าน้อยด้วยขอรับ เรื่องนี้มิอาจฝากผู้อื่นแจ้งแก่ท่านแม่ทัพได้ขอรับ”
หญิงสาวจำต้องหลีกทางให้แก่คนรับใช้ของแม่ทัพหนุ่ม นางยังไม่อยากให้เขากลับไป แม้จะรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นเพียงคณิกา ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งใด แต่ความหลงใหลที่นางมีในตัวของเขา ยังทำให้นางอยากที่จะรั้งเขาให้อยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อย
ภายในห้องอาบน้ำ
หวังลู่ฉงนั่งหลับตานิ่งในอ่างน้ำร้อน เขาไม่ได้ชื่นชอบสถานที่เช่นนี้เท่าใดนัก นอกจากยามที่ต้องการปลดปล่อยความเป็นชายในบางครั้งเท่านั้น
แต่ในค่ำคืนนี้เขาเพียงอยากจะดับอารมณ์กรุ่นโกรธ ที่อยู่ภายในใจเท่านั้น จึงเลือกออกมายังหอคณิกาชื่อดังของเมืองหลวง เพื่อที่ข่าวเรื่องนี้จะถึงหูใครบางคน ให้รู้ตัวว่าเขามิใช่สิ่งสะสมของผู้ใด แต่ดูเหมือนความร้อนแรงของยอดคณิกาที่อยู่บนเตียงเมื่อครู่ ยังไม่อาจบรรเทาความรู้สึกของเขาลงได้เลย
เมื่อห้าวันก่อนเขาได้รับราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ และมันไม่ต่างจากการสั่งประหารเขาเลยทีเดียว นั่นคือสมรสพระราชทานระหว่างเขากับองค์หญิงหานชิน
ไยต้องเป็นเขา ที่ต้องแต่งกับสตรีมากตัณหาเช่นนั้นด้วยเล่า บุรุษทั่วแผ่นดินมีมากมายเหตุใดทรงไม่เลือก หรือทรงคิดที่จะกำจัดเขาในทางอ้อม โดยการให้แต่งกับสตรีไม่บริสุทธิ์ องค์หญิงที่มีรอยด่างพร้อยจนเป็นที่น่าอับอายของราชวงศ์ มันมิใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือการจงใจของฝ่าบาทอย่างแน่นอน
ความงามขององค์หญิงหานชินนั้นเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน แต่นั่นมิใช่สิ่งที่น่ารังเกียจอันใด หากนางมิได้เลี้ยงดูบุรุษเอาไว้ในตำหนักมากมาย
จนเป็นที่ล่ำลือกันทั่วทั้งเมืองหลวง ว่านางชื่นชอบบุรุษรูปงาม ข้างกายมิว่าองครักษ์หรือบ่าวติดตาม ล้วนเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งนั้น นางไม่สนขนบธรรมเนียมประเพณีใด ๆ เลือกเอาแค่ความพอใจของตนเองเป็นที่ตั้ง
ฮ่องเต้เองก็มิเคยว่ากล่าวนาง ด้วยเห็นว่านางคือองค์หญิงกำพร้ามารดา กลับทรงตามใจจนกลายเป็นความด่างพร้อยที่ถูกผู้คนกล่าวขานไปทั่วแผ่นดิน
นางเลยวัยออกเรือนมานานมากแล้ว เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้คิดที่จะแต่งงาน และเจ้าบ่าวคนนั้นต้องเป็นเขาด้วยเล่า แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านเขามิเคยรักใคร่สตรีใด แต่หากจะเลือกใครสักคนเข้าบ้าน ก็มิใช่เรื่องยากอันใดเลยสักนิด
‘จะให้ข้าแต่งแก่สตรีร่านราคะเช่นนางอย่างนั้นรึ’
ชายหนุ่มจำต้องหยุดทุกความคิดลง เมื่อเสียงพูดคุยจากห้องนอนดังแว่วเข้ามาให้ได้ยิน แม่ทัพหนุ่มจำต้องข่มกลั้นโทสะเอาไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบ
“ท่านแม่ทัพ เอ่อ...คือว่า...”
บ่าวรับใช้ข้างกาย ได้เรียกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงขลาดกลัว เขาคือคนข้างกายของแม่ทัพหนุ่มมาตั้งแต่เล็ก ย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ผู้เป็นนายกำลังอยู่อารมณ์ไหน
“ว่ามา...”
“ช่างที่ร้านผ้ามารอวัดตัวท่านแม่ทัพ ตอนนี้กำลังรอท่านแม่ทัพอยู่ที่จวนขอรับ”
“ไม่จำเป็น เอาชุดเดิมของข้าไปให้เขา อยากตัดแบบไหนมาก็ทำเลย มิต้องถามความคิดเห็นของข้าอีก”
จ้าวหลงได้แต่ค้อมหัวรับคำของผู้เป็นนาย ก่อนจะถอยฉากออกไป เรื่องที่ท่านแม่ทัพออกมายังหอคณิกาแห่งนี้ หากรู้ถึงหูองค์หญิงหานชิน มิรู้ว่าจะเกิดเรื่องใดตามมาอีกหรือไม่
ท่านพ่อบ้านได้กำชับให้เขาพาท่านแม่ทัพกลับจวน แต่จากที่เห็นผู้ใดเล่าจะหาญกล้าเอ่ยปากออกไป ขืนเขาบอกให้ท่าแม่ทัพกลับจวน คงเป็นเขาที่จะไร้ที่ซุกหัวนอนเสียเองกระมัง
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ
ตอนสาย ณ เรือนเหลียนฮวา หลี่เยี่ยน กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับมารดาของท่านแม่ทัพ ที่อยู่ ๆ วันนี้ต้องการพบลูกสะใภ้ ทั้งที่ทุกครั้งหากต้องการพบกับฮูหยินของนาง เฉินฮูหยินจะให้สาวใช้มาเชิญนายหญิงของนางไปพบ “เหลียนฮวาไปที่ใด นี่ก็สายมากแล้ว ไยนายเจ้ายังไม่ตื่นอีกเล่า” “เอ่อ…” “ท่านแม่มีสิ่งใดหรือขอรับ วันนี้จึงได้มารบเร้าอยากเจอสะใภ้ถึงเรือนเล่าขอรับ” เฉินฮูหยินถึงกับตัวชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างส่งให้บุตรชาย “แม่แค่อยากชวนฮวาเอ๋อร์ออกไปดื่มชา กับบรรดาฮูหยินยังเหลาชีเหลียงเท่านั้นเอง” “เมื่อคืนนางแทบมิได้นอน ข้าเลยสั่งให้นางพักต่ออีกสักหน่อยขอรับ” “เจ้าค้างที่นี่เช่นนั้นรึ” “ข้าย้ายมาอยู่กับลูกเมียนานแล้วขอรับ เพียงแต่มิได้บอกผู้ใด เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยามิใช่หรือขอรับ ข้าไม่นึกว่าท่านแม่อยากทราบเลยมิได้บอกขอรับ” “เช่นนั้นแม่กลับก่อนดีกว่า หากแม่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้วยจะไม่มากวนใจพวกเจ้าผัวเมียเลย แม่ยิ่งอยากได้หลานเพิ่มอีกส
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินห้าวหนานประคองร่างบางให้แนบกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนสวมหน้ากาก ที่ยืนหันหลังให้แก่เขาและคนในอ้อมแขน จะมีเพียงแค่ชายหนุ่มที่เข้าช่วยเขาและนางในคราแรก ที่ยืนมองเขามิวางตา “ไม่ว่าท่านจะรูเห็นสิ่งใดในวันนี้ จงลืมมันเสีย” หญิงสาวขยับผละออกห่างอกแกร่ง หญิงสาวเดินไปหาคนสนิท หมับ! ทว่าก่อนที่มือของฉงอานจะทันได้แตะต้องตัวผู้เป็นนาย แม่ทัพหนุ่มได้คว้าร่างบางนั้นกลับมาชิดกายอีกครั้ง ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่อ้อมแขน “ข้าจะไม่ยินยอมให้บุรุษใดแตะต้องเจ้า” ร่างสูงก้าวออกจากตรอกเล็ก ตรงไปยังทิศทางออก โดยไม่สนใจว่าคนสวมหน้ากากทั้งหมดจะมองเขาเช่นไร ฮั่วเหลียนชินไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน หญิงสาวจำต้องซบใบหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลง “ท่านแม่ทัพ! โปรดตามข้าน้อยมาทางนี้เถอะขอรับ เราจะให้ผู้ใดรู้ว่านายหญิงบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด” เฉินห้าวหนานไม่เอ่ยสิ่งใด ร่างสูงก้าวตามชายผู้นั้นไปอย่างเร่งร้อน เสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขน ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขากลัวเหลือเกินว่าลุกธนูนี้จะมียา
“เครื่องหอมนี้ข้ามิรู้ชื่อ แต่ข้ามีตัวอย่างนำมาให้ นายหญิงของข้าปรารถนาจะมีในครอบครอง” “วางลงตรงกล่องซ้ายมือ แล้วรอข้าสักครู่” ชายหนุ่มทำตามที่คนด้านในบอกทุกอย่าง ฮั่วเหลียนชินยังคงใจเย็นอยู่เช่นเดิม นางรู้กฎของคนค้าขายในเงามืดดี ทั้งเจ้าเล่ห์และคดโกง หมับ! ฟึ่บ! มือบางคว้าคอเสื้อของคนสนิทได้ทัน ก่อนทั้งคู่จะเบี่ยงกายหลบลูกดอก ที่พุ่งออกมาจากประตู แน่นอนว่ามันต้องอาบไปด้วยยาพิษ ฮั่วเหลียนชินไม่คิดที่จะบุ่มบ่ามเข้าไป หญิงสาวก้าวไปยังคบไฟที่ปักอยู่เสาเรือน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา เมื่อให้เปิดประตูดี ๆ ไม่ทำ นางก็แค่เชิญคนด้านในอย่างเป็นมิตร เพียงครู่เดียวคนสนิทของหญิงสาวได้ขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย โดยในมือมีขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าป่าเอาไว้ แน่นอนว่ามันคือหนึ่งในอาวุธที่นางชื่นชอบ ชายหนุ่มเปิดกระเบื้องออกอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างคือห้องเครื่องหอม ที่ไวต่อไฟในมือของผู้เป็นนาย เพล้ง! ฟรึ่บ! เพียงพริบตาไฟได้ลุกขึ้นลามไปที่เครื่องหอมและตัวบ้าน สองนายบ่าวยืนมองเปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ
Comments