ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เฉดสีม่วงเข้มค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมฟากฟ้า แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องลงมายามค่ำคืน
ภายในร้านอาหารสุดหรู ตกแต่งอย่างมีรสนิยม สร้างบรรยากาศโรแมนติก บทเพลงบรรเลงคลอเคลียไปกับสายลมเย็นๆ พัดผ่าน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทอประกายระยิบระยับยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าสะท้อนลงบนผิวน้ำ
แสงเทียนสลัวส่องสว่างบนใบหน้าของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดินเนอร์บนโต๊ะริมระเบียง ทั้งสองดูมีความสุขกับดินเนอร์มื้อนี้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือหญิงสาวที่วางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
ห่างไปไม่ไกลนัก วาววาและมิเกลยืนซุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระซิบกระซาบคุยกัน เบาๆ
"เตรียมตัวให้พร้อม!" มิเกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับยื่นคีย์การ์ดห้องโรงแรมให้เพื่อนรัก
“เล่นใหญ่ไปไหมวะแก? ทำแบบนี้มันจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเหรอ?” สีหน้าของวาววาแสดงออกถึงท่าทีกังวลเล็กน้อย
“ไม่หรอก...มันคือความผิดพลาดที่พนักงานไม่ได้ตรวจสอบคีย์การ์ดก่อนส่งมอบให้แขก ไม่ต้องห่วงทางนี้ฉันจัดการได้ แบ็คใหญ่พอตัว ฮ่าๆ”
“ทำฉันอยากรู้ล่ะนะว่าใครเหรอคะที่เป็นแบ็คให้แก”
“เอาน่า! ใหญ่พอที่จะจัดการได้ทุกเรื่อง ฉันมิเกลเพื่อนแกนะโว้ย...เชื่อฉัน!” มิเกลพูดย้ำด้วยแววตามุ่งมั่น “ฉันว่าแกรีบไปเถอะ ดูนู่น! อาหารบนโต๊ะแทบไม่เหลือแล้ว เดี๋ยวคงย้ายไปสถานีต่อไป”
มิเกลพูดพลางตบไหล่เพื่อนเธอเบาๆให้มองไปยังเพทายที่นั่งดินเนอร์กับสาวอื่น ก่อนจะดันเพื่อนรักเล็กน้อยให้รู้ตัวเพื่อเริ่มแผนต่อไป
"ส่งข้อความมานะแก" วาววากระซิบกระซาบบอกมิเกล ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน
มิเกลพนักหน้ารับอย่างหนักแน่น
ท้องฟ้ายามค่ำคืน มืดสนิท ปราศจากแสงจันทร์ ดาวระยิบระยับนับล้าน สายลมพัดเอื่อยเย็นสบายสัมผัสกับวาววาที่ตอนนี้ยืนซุกกายอยู่หลังประตูกระจกมืดมิดชิดของระเบียง สายตาจ้องมองผ่านช่องว่างของม่านในห้องของโรงแรม มองไปยังประตูทางเข้าที่กำลังเปิดออก ใจของเธอเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
แกร่ก!
แล้วเวลาที่เธอรอคอยก็มาถึง
บุคคลสองคนที่ดูสนิทสนมราวกับเป็นเป็นคู่รักเดินเข้ามาในห้อง หากผู้ชายที่วาววาเห็นนี้ไม่ใช่เพทาย ผู้ชายที่ยังมีสถานะคบกับวาววาอย่างเปิดเผยในหมู่ไฮโซ ใครๆก็คงจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คู่รักจะมาพักโรงแรมในห้องเดียวกัน
เพทายยื่นมือผลักปิดประตูบานใหญ่นั้น ระบบล็อคทำงานโดยอัตโนมัติ ริมฝีปากของเขาขยับพึมพำอะไรบางอย่างราวกับกำลังกระซิบคำหวานให้กับหญิงสาวตรงหน้าเขา
เพทายมองหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน มือของเขาค่อยๆ สอดเข้าใต้กระโปรงเดรสสั้นรัดรูปนั้น สร้างความตื่นเต้นและปลุกเร้าไฟปรารถนาในตัว
วาววายืนตัวนิ่งอยู่ที่ระเบียง มองผ่านช่องว่างระหว่างม่าน ภาพที่เห็นช่างลามกอนาจารเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการ
“ฉันจะรอให้ถอดเสื้อผ้าบางส่วนก่อน ดูสิจะหนีกันยังไง!”
ด้านในห้อง...แทบจะร้อนผ่าวลุกเป็นไฟ เพทายประทับจูบหญิงสาวคนสวยอย่างเร่าร้อน เขาถอดเดรสของเธอออกอย่างรวดเร็ว มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ ก่อนจะผลักเธอลงบนเตียงนุ่ม แล้วถอดเสื้อเชิ้ตสีเข้มของเขาออกตาม ความหอมหวานจากผิวของเธอ มอมเมา ประสาทสัมผัสของเขา ราวกับน้ำผึ้งชั้นดีที่หลั่งรินลงบนลิ้น
และแล้วเวลาของวาววาก็มาถึง...
แกร้ก!
“กรี๊ดดด!!”
แกร๊ง!
วาววาสวมบทบาทนักแสดงเต็มขั้น แก้วกาแฟที่เธอถืออยู่ในมือร่วงลงสู้พื้นแตกกระจาย ความคิดแว้บเข้ามาในหัวของวาววา...ทำไมเธอถึงต้องเล่นบทบาทขนาดนี้เพียงเพื่อต้องการไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิต
เสียงกรีดร้องตกใจของวาววาชะงักบรรยากาศอันร้อนแรงของชายหญิงทั้งสองบนเตียงโดยพลัน แววตาของหญิงสาวคนนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมปกปิดร่างกาย เพทายเองก็ตกใจมากไม่แพ้กัน เขารีบหันขวับไปมองต้นตอของเสียงด้วยสีหน้าตึงเครียด
“พวกคุณมาทำอะไรในห้องนี้!?” วาววาตีหน้าซื่อสวมบทบาท เธอหันไปมองชายหนุ่มที่คุ้นเคยดีและแกล้งตกใจ “พี่เพทาย!!”
“วาววา...!?”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” วาววาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและโมโห
“วาววา ฟังพี่ก่อน” เพทายร้อนรน ยังมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สมองของเขาประมวลให้คิดแต่คำแก้ตัวมากกว่าตั้งคำถามว่าทำไมวาววาถึงมาอยู่ในห้องเดียวกับเขา
“พี่นอกใจวา”
คำพูดของวาววาและสถานการณ์ที่บีบคั้นทุกอย่าง ล้วนตอกย้ำความจริงอันเจ็บปวด ว่าเขาคือผู้ก่อความผิดที่ไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้
"วา...ฟังพี่ก่อน!" เพทายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน พยายามจะคว้ามือวาววา แต่วาววาเบี่ยงตัวหนีอย่างรวดเร็ว “คือพี่...”
“พี่เพทาย...เราจบกันแค่นี้!” วาววาประกาศด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ไร้เยื่อใย เธอเดินมุ่งหน้าไปหยิบกระเป๋าที่เธอแอบเก็บซ่อนไว้ในตู้ข้างประตูทางเข้า แต่เพทายในสภาพเปลือยท่อนบนพยายามหยุดเธอไว้ไม่ให้จากเขาไป
“วาววา...พี่เมา...”
เซนส์ของวาววาบอกให้เธอต้องรีบปลีกตัวออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เพทายจะเริ่มมีสติและหาข้ออ้างคำแก้ตัวสำหรับการกระทำของเขา
“การนอกใจก็คือการนอกใจค่ะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ต้องติดต่อมาหาวา ไม่มีคำพูด ไม่มีคำยกโทษ ไม่มีรีเทิร์น สิ้นสุดกันแค่วันนี้!”
เธอสะบัดตัวเดินออกจากห้องอย่างไม่ใยดี ทิ้งเพทายและหญิงสาวคนนั้นไว้ในความงุนงงและตกตะลึง
เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มด้วยความหวังว่าวิธีนี้จะทำให้เพทายออกไปจากชีวิตของเธออย่างถาวร วาววาตรงดิ่งมาที่ลานจอดรถที่มีมิเกลเพื่อนรักนั่งรออยู่ในรถ
“เป็นไงบ้างไอวา?”
“ฉันควรได้รางวัลออสการ์”
วาววาและมิเกลหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ
“เล่นใหญ่ขนาดนี้ หวังว่าเขาจะเลิกตามตอแยฉันสักที” วาววากล่าวอย่างมีความหวัง “แต่ฉันว่า...เขาคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงไปอยู่ที่นั่นได้”
“ไม่ต้องห่วง จากการณ์ประเมินสถานการณ์ เขาคงลงไปโวยวายกับพนักงานว่าทำไมเขาถึงได้ห้องซ้ำกับคนอื่น” มิเกลอธิบาย “แต่ฉันเตรียมคนไว้แก้สถานการณ์ให้แกแล้ว รับรองเรื่องนี้เงียบแน่นอน”
“ฉันสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ใครกัน...ที่แกบอกว่าจะมาจัดการเรื่องนี้ให้ มีอิทธิพลขนาดนั้นเลยเหรอ?” วาววาอดตั้งคำถามไม่ได้
“ในสังคมชั้นสูง...แกไม่รู้จักหรอกมั้ง เคยไปงานปาร์ตี้ไฮโซกับพวกคนรวยบ้างไหมล่ะ?” มิเกลกล่าวเพราะรู้ว่าสิ่งที่วาววาเบื่อหน่ายที่สุดคือ เสแสร้ง ใส่หน้ากากเข้าสังคมกับคนรวย “เขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ และที่สำคัญแม่ของพี่เพทายกับพ่อแม่ของแกค่อนข้างเอ็นดูเขา ถ้าเกิดพี่เพทายไปโวยวายแล้วสืบเรื่องไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะถึงหูของแม่พี่เพทายและพ่อแม่ของแก ถึงตอนนั้นยังไงพ่อแม่แกก็คงไม่ยอมให้แกทุกข์ระทมกับผู้ชายเจ้าชู้อย่างพี่เพทายแน่ๆ”
รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความหวังเบ่งบานบนใบหน้าของวาววาหลังจากฟังคำอธิบายของเพื่อนรักจนจบ ราวกับว่า อิสรภาพที่โหยหามานานกำลังอยู่แค่เอื้อมนี้เอง
ในคืนนั้นเอง...วาววากลับเข้าคอนโดของเธอด้วยความหวาดระแวง เธอค่อยๆเปิดประตูห้องออกอย่างช้าๆ และเอื้อมไปกดสวิตซ์ไฟบนกำแพง แสงสว่างจากไฟขับไล่ความมืดมิดที่ปกคลุม
เธอก้าวขาเข้าห้องอย่างระมัดระวัง สายตาของเธอกวาดมองไปทั่วห้อง มองหาพ่อหนุ่มแวมไพร์ผู้คลั่งรักอันนา เผื่อว่าเขาแอบอยู่มุมมืดใดมุมหนึ่งในห้อง
แต่สุดท้ายแล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า
วาววาวางสัมภาระในมือลงบนโต๊ะ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นถุงใส่กระเทียมขนาดใหญ่พูนจนแทบเอ่อล้นวางอยู่บนเคาท์เตอร์ในห้องครัว
ถุงกระเทียมที่เธอวานให้แม่บ้านคนสนิทไปเหมาซื้อมาในยามที่เธอออกไปทำงานและพร้อมกันนั้นก็ให้ช่างมาเปลี่ยนกลอนประตูห้องน้ำที่พังให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของวาววา
“หึ! แวมไพร์ไม่ถูกกับกระเทียม และ...ฉันไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้ว่าแวมไพร์ราเชนทร์มีความสามารถทนต่อกระเทียมได้”
เธอหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่นึกถึงแผนการที่จะห้อยกระเทียมไว้รอบๆประตูระเบียง เท่านี้เจ้าแวมไพร์ก็ไม่สามารถเข้ามาในห้องของเธอได้อีกต่อไป!
กรื่อออ กรื่ออออ
แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดความสุขในห้วงความคิดเสียจนได้
วาววาหยิบมือถือในกระเป๋าของเธอออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของวาววาหดหายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นชื่อของเพทายปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ
ติ๊ด!
เธอกดปฎิเสธการรับสายและบล็อกเบอร์ของเพทายทิ้งโดยไม่ใยดี นอกจากนี้ยังจัดการบล็อกเขาบนทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย ราวกับถึงเวลาแล้วที่จะลบเขาออกไปจากชีวิตอย่างสิ้นเชิง
มือถือในมือของวาววาถูกโยนลงบนโซฟานุ่ม และเปลี่ยนความสนใจไปตรวจสอบระบบล็อคประตูกระจกที่ระเบียงเพื่อป้องกันไม่ให้เชนทร์เข้ามาได้อีก
“คราวนี้ชีวิตก็กลับมาเป็นของฉันจริงๆสักที ฮู้ววว”
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก