หลังจากการประชุมอันวุ่นวายในช่วงเช้าสิ้นสุดลงและพนักงานได้ทยอยเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนแล้ว ในประชุมขนาดใหญ่นี้เหลือเพียงเจ้าของบริษัทนั่งผ่อนคลายพิงเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ประกบข้างด้วยเหล่าผู้บริหารระดับสูง
หญิงสาววัยกลางคน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO เธอมักยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นลูกสาวทั้งสองของเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
‘วีวี่’ หรือ วีรยา รัตนพิพัฒน์วงศ์ อายุ 34 ปี พี่สาวของวาววา ปัจจุบันเธอรับตำแหน่ง “CFO” หรือ “Chief Financial Officer” ภายนอกเธอดูเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยไหวพริบและความเฉลียวฉลาด
และทายาทคนสุดท้อง ‘วาววา’ วารีริน รัตนพิพัฒน์วงศ์ ด้วยวัยเพียง 27 ปี เธอไม่ได้มีแต่ความสวยเฉิดฉาย แต่ยังมากด้วยความสามารถ เธอดำรงตำแหน่ง CMO ผู้กุมบังเหียนกลยุทธ์การตลาดของบริษัท
“พ่อกับแม่จะไปทริปกันนานแค่ไหนคะ?” วาววาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องมองคนเป็นพ่อแม่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“เดือนหรือสองเดือนนี่แหละ” คนเป็นพ่อตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คำตอบนี้ยิ่งทำให้วาววาคิ้วขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเพราะเธอไม่อยากรอคอยนาน
“ทำไมไปนานจังเลย พ่อกับแม่จะหนีเที่ยวแล้วให้หนูกับพี่วี่ทำงานหัวฟูกันสองคนจริงๆเหรอ?”
“ให้คนแก่สองคนลาพักร้อนบ้างเถอะลูกเอ้ย!”
เสียงบ่นจากผู้เป็นพ่อลั่นออกมาจนทำให้ทุกคนอดขำไม่ได้ มีก็แต่วาววาที่เหมือนจะหลุดขำแต่ก็บังคับสีหน้ามุ่ยนั่นไว้อย่างแง่งอน
“ไม่ต้องห่วงทางนี้เลยค่ะ พ่อกับแม่เที่ยวให้สบายใจ เดี๋ยววี่กับวาจะดูแลทางนี้เอง” วีวี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่ไม่วายไอแค่กๆออกมา
อันที่จริงวีวี่ป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว คนเป็นแม่เห็นดังนั้นจึงลูกหลังเธอเบาๆด้วยความห่วงใย
วาววาพาร่างห่อเหี่ยวและหัวใจที่หนักอึ้งกลับมาที่ห้องทำงานของเธอ
เธอเดินไปที่โต๊ะ วางเอกสารในมือลงก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้
ความเงียบสงบภายในห้องโอบล้อมเธอไว้ วาววาแทบจะลืมไปว่าเธอให้เชนทร์รอเธอในห้องนี้ แต่ทว่า...ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เพียงเงาของเขา
“อยู่ไหนนะ?” เธอพึมพำพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างละเอียด ด้วยความเชื่อว่าสัญชาตญาณดั้งเดิมของแวมไพร์มักจะนอนหลับพักผ่อนในยามกลางวันท่ามกลางความมืดมิด เผื่อว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งภายในห้องนี้แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม
ด้วยความสงสัย เธอยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังเลขาทันที
"สวัสดีค่ะ พอทราบไหมคะว่าคุณราเชนทร์ที่นั่งรอในห้องวาไปไหนแล้ว?"
“สักครู่ใหญ่ๆเห็นเขาคุยโทรศัพท์พร้อมกับเดินออกไป...ไม่ได้แจ้งอะไรเอาไว้นะคะ” มีนาตอบ
“อ่อ...ขอบคุณค่ะ”
วาววาวางสายพลางครุ่นคิด คุยโทรศัพท์อย่างนั้นหรือ?...นึกถึงนิสัยของเขาในนิยายที่เธอสร้างขึ้นมา เขาคงไม่หน้ามืดด้วยความหิวแล้วออกไปล่าเหยื่อดูดเลือดคนหรอกกระมัง เขาเป็นคนเข้มแข็งพอที่จะไม่ทำร้ายหรือดื่มเลือดมนุษย์ แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้เพราะตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรก ก็เล่นขู่เธออยู่เสมอว่าจะดูดเลือดเธออย่างบ้าคลั่ง
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความแจ้งเตือนบนมือถือของวาววา มีใครบางคนส่งข้อความหาเธอ
‘คิดถึงนะครับ’
แทนที่จะดีใจ แต่วาววากลับถอนหายใจออกมายืดยาว เมื่อเห็นข้อความจาก 'เพทาย' ลูกชายสุดที่รักของทายาทไฮโซ
เพทายและวาววาคบหากันมาเกือบปีตามคำแนะนำจากพ่อของเธอ
วาววาและวีวี่เติบโตมาบนเส้นทางชีวิตที่พ่อแม่ขีดเส้นไว้ราวกับเป็นกรอบที่เธอต้องเดินตามเพราะพ่อกับแม่ของเธอคิดว่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตลูกสาว
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องหัวใจของวาววา
ครั้งแรกที่วาววาพบกับเพทาย ความรู้สึกประทับใจแรกพบกลับไม่ได้เกิดขึ้น แต่เธอตัดสินใจเปิดใจเรียนรู้ เผื่อว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะเป็นคนที่ดีและทำให้เธอรักเขาได้
ทว่า เบื้องหลังรอยยิ้มและท่าทีเอาอกเอาใจที่เพทายแสดงออกเมื่อพบกับวาววา กลับแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่จะครอบครอง หวังจะเข้าใกล้เธอทุกวิถีทาง แต่ด้วยความที่วาววาตั้งกำแพงกั้นระยะห่างเอาไว้ ตลอดเกือบปีที่ผ่านมา ทั้งคู่จึงแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยสนิทสนมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น วาววายังเผชิญกับข่าวลือหนาหูจากทั้งเพื่อนสนิทและคนรอบข้าง ว่าเพทายนั้นเจ้าชู้ไม่หยุดหย่อน แม้ว่า เพทายจะเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์กับเธอต่อสาธารณะ แต่แท้จริงแล้ว เขากลับพยายามต้องการเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา วาววาพยายามถอยห่างและบอกเลิกเขาหลายครั้ง แต่เพทายก็ไม่ยอมแพ้ เขาจะกลับมาหาเธอเสมอ เพื่อย้ำเตือนและยืนยันความสัมพันธ์ จากนั้นเขาก็จะหายตัวไปเฉยๆ ปฏิบัติต่อเธอเหมือนอากาศธาตุ
วาววาจึงอดทนรอคอยโอกาส เธอเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ มุ่งมั่นว่าจะตัดรอนความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้สิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาดในครั้งเดียว
กรื่อ กรื่อ
ขณะที่วาววาจมอยู่กับอารมณ์ขุ่นมัว...เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นมิเกล เพื่อนสนิทที่โทรมาหา
“ฮัลโหล...ว่าไงเกล?”
“แกกก! ฉันมีข่าวดีจะบอก” เสียงปลายสายดังก้องโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น
“อะไรเหรอ?”
“ทำไมเสียงแกซังกะตายแบบนี้! แต่รับรองว่าถ้ารู้ข่าวนี้แล้วแกจะดีใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกแน่นอน”
“อะไร?...ไหนว่ามา” เสียงตื่นเต้นของมิเกลเหมือนจะปลุกวาววาให้ตื่นตัวได้เล็กน้อย
“ประมาณหนึ่งทุ่มวันนี้ พี่เพทายมีนัดคุยงานที่ร้านอาหารโรงแรม The Moonlight Sonat ฉันคิดว่าโอกาสของแกมาถึงแล้วล่ะ ดีใจด้วยยยย!”
“เดี๋ยวๆ” วาววาสับสนเล็กน้อยแต่ก็ปนไปด้วยความดีใจลึกๆจากการได้ฟังข่าวที่เพื่อนรักเธอนำมาบอก “เขานัดคุยงานกับผู้หญิงเหรอ?”
“ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เอาเป็นว่า วงในบอกฉันมา...ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่พี่เพทายกำลังรุกหนัก” มิเกลกล่าว “แล้วยังไม่พอ จองห้องที่โรงแรมด้วยนะ เรียกได้ว่าดินเนอร์เสร็จปุ้บคงเหนื่อยเลยขึ้นห้องที่โรงแรมปั้บ”
รอยยิ้มอันแฝงไว้ด้วยความหวัง ปรากฏบนใบหน้าของวาววา เมื่อเธอเริ่มสัมผัสได้ถึง อิสรภาพ ที่อยู่ไม่ไกล วันที่เธอจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของ ชายหนุ่มเจ้าชู้ ผู้ที่ใช้เธอเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์เสียที
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก