เมคินกลับถึงห้องเกือบจะเที่ยงคืน คิดว่ายังไงทิวาก็คงหลับไปแล้ว แต่พอเปิดประตูห้องเขาไป ทิวาก็นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าดูดีใจที่เห็นเขา ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามานั่งคุยด้วย
“ทำไมยังไม่นอน”
“ยังไม่ง่วงครับ” อันที่จริงก็รอเขานั่นแหละ แต่ไม่กล้าบอก
“ทิว ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากออกกำลังกาย” เมื่ออีกคนบอกไม่ง่วงเขาก็ชวนคุย
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่อยากหุ่นดีแบบพี่คินเท่านั้นเอง”
“หุ่นนายก็ดีอยู่แล้วนี่”
ทิวาเป็นคนที่หุ่นดีคนหนึ่งอาจจะดูตัวเล็กกว่าเขาอยู่บ้าง แต่มันก็ดูสมส่วน ไม่ได้เก้งก้างหรือผอมจนเกินไป
“ผมอยากมีซิกซ์แพกเหมือนพี่ มันเซ็กซี่ดี”
“งั้นพี่ก็เซ็กซี่ใช่ไหม” ถามแล้วก็อมยิ้ม
คำชมนี้เมคินเคยได้ยินมาก็บ่อย แต่พอฟังจากปากของทิวาแล้วมันทำให้เขารู้สึกดีกว่าครั้งไหน
“คงงั้น” เขาตอบพร้อมก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา เพราะไม่เคยชมผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่พอชมไปแล้วก็รู้สึกเขินตัวเอง
เมคินเห็นอย่างนั้นเลยเปลี่ยนเรื่องคุย
“ที่บริษัทมีสาวๆ คนไหนถูกใจบ้างไหม” เพราะได้ข่าวเข้าหูมาบ่อยๆ ว่าทิวาเป็นขวัญใจของสาวๆ ในบริษัท
“ไม่มีครับ”
เขายังไม่คิดจะคบหากับใครตอนนี้ เพราะตัวเองยังไม่มั่นคงพอจะให้ใครมาลำบากด้วย อีกอย่างทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว
“เคยมีแฟนไหม” อยู่ๆ ก็นึกอยากถาม อยากรู้เรื่องราวในอดีต เผื่อว่าบางทีจะหาทางเข้าใกล้ได้มากขึ้น
“เคยครับ” ทิวาตอบอย่างไม่ปิดบัง
“แล้วตอนนี้ล่ะ ยังคบกันอยู่ไหม” เพราะตั้งแต่มาอยู่เขาไม่เคยเห็นทิวาติดต่อเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวเลยสักครั้ง
“เลิกแล้วครับ” คนตอบสีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่
“จบไม่สวยเหรอ เล่าให้ฟังได้ไหม”
“พี่อยากฟังเหรอครับ”
“อือ”
ทิวาเล่าเรื่องระหว่างเขากับแฟนสาวที่คบกันมานาน ถึงขั้นวางแผนการใช้ชีวิตร่วมกัน แต่สุดท้ายแฟนสาวก็ขอเลิกเพราะทางบ้านไม่เห็นด้วยที่จะมาคบกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ที่เจ็บที่สุดไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เมื่อเขาบังเอิญไปรู้ว่าแฟนของเขานั้นกำลังคบกับคนอื่นอยู่ด้วย
“นายคงเสียใจมาก และมันเป็นเหตุผลให้นายลงมาทำงานที่กรุงเทพด้วยหรือเปล่า”
“ผมเลิกกับแอน แต่ยังทำงานที่เดียวกัน ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอแล้ว แต่ดูเหมือนแฟนใหม่ของเธอจะระแวงมาก ผมทำงานอย่างไม่มีความสุข เพราะไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็มีแต่คนจ้องจะจับผิด เลยคิดว่าลาออกแล้วมาหางานทำที่กรุงเทพดีกว่า”
“ครอบครัวนายล่ะ”
“ผมเป็นเด็กกำพร้า”
“พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้นายรู้สึกไม่ดี”
“พี่รู้ไหม ทำไมผมถึงย้ายมาอยู่กับพี่ทั้งๆ ที่ได้รู้จักกันเพียงไม่กี่วัน”
“ทำไม” เขาเองก็อยากรู้
“เพราะพี่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย รู้สึกว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียว” ทิวาพูดพร้อมกับพิงศีรษะมาบนไหล่ของเขา
คนน้องยังคงเล่าเรื่องราวในอดีตต่อไปเรื่อยๆ ส่วนคนพี่ก็ได้แต่นั่งฟังด้วยใจที่เต้นแรง เขากางมือวางบนพนักโซฟา ตอนนี้ก็เลยเหมือนว่าทิวานั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ชายหนุ่มเล่าถึงชีวิตตัวเองในวัยเด็ก เขาไม่รู้พ่อกับแม่เป็นใครมาจากไหน เพราะตั้งแต่จำความได้ตัวเองก็อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า การใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แม้จะมีที่พักและอาหารให้ครบทั้งสามมื้อแต่ก็ต้องช่วยงานแม่ครู ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งต้องดิ้นรนมากขึ้น
พอเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันออกไปใช้ชีวิต แต่ทิวาเป็นเด็กดีและช่วยเหลืองานแม่ครูได้ดี เขาจึงได้พักอยู่ที่นั่นต่อและขอทุนเรียนระหว่างนั้นก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
“นายเก่งมากนะทิว ที่เรียนจนจบ”
“เพราะความจนมันบีบบังคับมากกว่าครับ”
“แล้วที่นั่นสอนภาษาอังกฤษให้นายด้วยหรือเปล่า” เมคินสังเกตว่าทิวาใช้ภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี แต่ยังติดเรื่องสำเนียงอยู่บ้าง
“ผมเรียนเพิ่มเองครับ หาอ่านหนังสือตามห้องสมุด”
“เพราะอะไรถึงสนใจเรียน”
“พี่จำได้ไหมครั้งแรกที่ทักผมเป็นภาอังกฤษ”
“อือ จำได้สิ หน้าแตกตั้งแต่ครั้งแรกเลย”
“ก็เพราะทุกคนคิดว่าผมไม่ใช่คนไทย เลยคาดหวังว่าผมจะต้องเก่งภาษาอังกฤษ ตอนเรียน ม.4 เพื่อนต่างคิดว่าผมต้องเก่งมาก แต่มันตรงกันข้าม ผมถูกหัวเราะเยาะจนแทบไม่อยากไปเรียน แต่ครูประจำชั้นก็คอยเตือนสติ จากนั้นผมเลยหาความรู้เพิ่ม แต่มันก็ได้แค่ไวยากรณ์ คำศัพท์ ส่วนสำเนียงมันก็ตามที่พี่เคยได้ยินนั่นแหละ”
“อยากเรียนภาษาเพิ่มไหม”
“พี่ ผมอายุเยอะแล้วขืนไปเรียนอายเด็กแย่”
“เรียนออนไลน์ไง”
“ผมจะเอาเวลาไหนไปเรียนล่ะครับ”
“ก็ตอนเย็นหลังเลิกงาน”
“ผมก็บอกพี่แล้วว่าผมจะไปฟิตเนส”
“นายลองคิดดูนะเวลาออกไปข้างนอกนายต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อติดต่อสื่อสาร ไม่ได้ไปเปิดเสื้อให้คนอื่นดูสักหน่อย แล้วหุ่นนายก็ไม่ได้น่าเกลียด พี่ชอบแบบนี้”
“งั้นผมเรียนก็ได้”
ทิวาตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพียงเพราะได้ยินเขาบอกว่าชอบแบบนี้ แม้ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ ว่าทำไมต้องรู้สึกดีและใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้เมคิน บางทีคงเป็นเพราะในชีวิตเขาไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากขนาดนี้มาก่อน แม้กระทั่งแฟนสาว เพราะส่วนใหญ่ก็นัดเจอกับข้างนอก ไม่เคยนั่งใกล้ชิดตัวติดแบบนี้ แล้วทิวาก็รู้สึกตัวว่าตอนนี้เขากำลังนั่งพิงผู้ชายอีกคนอยู่
แต่แทนที่จะขยับออกเขากลับตีมึนนั่งอยู่ต่อ เพราะรู้สึกดี รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย จนอยากนั่งอยู่แบบนี้นานๆ มื้อที่อยู่ค่อยๆ กอดเขาไปทีละนิด
เมคินแทบอยากหยุดเวลาไว้เพราะเป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันนานขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเมคินคงคิดว่าคนที่พิงเขาอยู่กำลังอ้อนเอาอะไรจากเขา แต่กับทิวาเขารู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดอย่างนั้น
“ทิว เคยคิดอยากตามหาพ่อกับแม่ไหม”
“แต่ก่อนคิดครับ แต่พอโตขึ้นก็เลิกคิดแล้ว”
“ทำไม”
“ถ้าพ่อกับแม่เขาอยากเจอผมหรือยังคิดว่าผมเป็นลูกก็คงไม่ทิ้งไว้ตั้งแต่แรก”
“ไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาอาจมีความจำเป็น”
“ไม่รู้สิครับ มันจะมีอะไรจำเป็นและสำคัญกว่าลูกตัวเองเหรอครับพี่คิน”
เมคินไม่รู้จะหาคำตอบให้กับทิวายังไง เขารู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจ แต่เพราะอยากให้ทิวาได้พูดได้ระบายความในใจออกมาบ้าง เขาไม่อยากเห็นนัยน์ตาเศร้าของทิวาอีกต่อไป
“อย่าคิดมากเลย เรื่องมันผ่านมาแล้วจากนี้นายก็คิดว่าพี่เป็นครอบครัวของนายก็แล้วกันนะ”
“ได้เหรอครับ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ หรือนายไม่อยากให้พี่เป็นครอบครัวด้วย”
“อยากสิ”
คนตอบดีใจจนเผลอกอดร่างหนาขยับเข้าใกล้กว่าเดิมจนหัวใจเขาเต้นแรงอีกครั้งทั้งที่เมื่อครู่มันเต้นเป็นจังหวะปกติไปแล้ว
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ