มือที่พาดอยู่บนพนักโซฟาขยับลงมาบนไหล่ลูบเบาๆ คล้ายกำลังปลอบประโลม จมูกโด่งกดลงบนเส้นผม สูดดมความหอมอย่างไม่อาจห้าม
ทิวารู้สึกได้ว่าเมคินหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ต่างจากหัวใจตัวเองที่มันก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ทิว ดึกแล้วนายจะกอดพี่ไปถึงเช้าเลยหรือไง” เมคินคงทนอยู่แบบนี้ได้มานานเพราะรู้สึกถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นทีละนิด
“ก็พี่คินตัวอุ่น” ทิวตอบก่อนจะรีบถอยออก
“ไหนว่าอุ่นไง ไม่กอดต่อแล้วเหรอ” เขาเห็นทิวาหน้าแดงไปจนถึงหูก็อดแกล้งไม่ได้
“ไม่ดีกว่าดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่น อ้อ พี่คิน ผมเปลี่ยนใจแล้วนะ พรุ่งนี้พี่ไปวิ่งคนเดียวเถอะ ผมจะทำข้าวต้มกุ้ง ฝากพี่ซื้อน้ำส้มคั้นมาด้วยนะครับ เอาขวดเล็กสองขวด ร้านที่ 2 นับจากทางเข้านะครับ”
พูดจบก็วิ่งเขาไปยังห้องนอนของตัวเองทันที
เมคินอดยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่ทิวามาอยู่ด้วยเขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มบ่อยขึ้น หัวเราะบ่อยขึ้น ในทุกๆ วันเขาจะออกไปทำงานและกลับคอนโดพร้อมกับทิวา จากที่เคยออกไปดื่มกับเพื่อนบ้างออกไปหาความสุขให้ตัวเองบ้าง ระยะเวลาเดือนว่าเขาไม่เคยได้ปลดปล่อยพลังทางเพศแต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขได้อย่างประหลาด
แต่วันนี้เขาคงทนต่อไปไม่ได้ เพราะการได้ใกล้ชิดกับทิวา ได้กลิ่นการหอมๆ ของชายหนุ่ม มันกระตุ้นความรู้สึกในกายของเขาจนร้อนรุ่มไปหมด ถ้าเมื่อสักครู่ทิวายังกอดต่ออีกสักนิดเขาคงได้ทำอะไรที่มันเหมาะสมออกไปแน่
“ฟู่ว..”
เมคินถอนหายใจแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเอง ถอดชุดออกแล้วรีบอาบน้ำเพื่อดับความร้อนในกาย
แต่ยิ่งโดนกระแสน้ำกระเซ็นโดนจุดอ่อนไหวความเป็นชายก็แข็งตัวอย่างห้ามไม่อยู่
แล้วสองมือกอบกุมความเป็นชายไว้หลวมๆ ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะก่อน ทำซ้ำไปซ้ำมาจนปวดร้าว และเร่งความเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าและกลิ่นกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอด ใบหน้าและลำคอแดงซ่าน เหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด ลมหายใจหอบถี่กระชั้นขึ้น พลันก็เกิดเสียงครางในลำคออย่างสุขสม แก่นกายกระตุกพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาจนเปื้อนไปทั่วพื้นห้องน้ำ
เมคินหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง ไม่เคยมีครั้งไหนที่มอบความสุขให้กับตัวเองแล้วรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนคงเป็นเพราะเขาจินตนาการถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลา
เพราะเมื่อคืนเมคินไม่ซื่อกับเลขาของตัวเอง ตลอดช่วงเช้าเขาจึงไม่ได้เรียกทิวาเข้ามาในห้องเลยสักครั้งแม้แต่อาหารกลางวันเขาก็สั่งมาทานในห้อง
“น้องคินไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” วีณากลับมาจากโรงอาหารก็ยังเห็นทิวานั่งอยู่ที่เดิม
“ผมยังไม่หิวครับ” ก่อนที่วีณาจะกลับมาเขาทานคุกกี้ที่มุมเครื่องดื่มของพนักงานไปแล้วสองชิ้น แล้วก็กลับมานั่งหน้าห้องอย่างเดิม
ปกติถ้าไม่ออกไปทานอาหารข้างนอกกับเมคินทิวาก็จะลงไปทานอาหารของบริษัท แต่วันนี้เขาไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด สาเหตุก็มาจากคนที่นั่งอยู่ในห้อง
ตั้งแต่เช้าเจ้านายหนุ่มคุยกับเขาแค่ไม่กี่คำ แม้แต่ตอนอยู่ในรถ เมคินก็เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจอไอแพด เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เมคินถึงเปลี่ยนไปเป็นอีกคนแบบนี้ ทิวาคิดว่าอาจเพราะเรื่องที่เขากอดชายหนุ่มเมื่อคืนอย่างแน่นอน จากนี้เขาคงต้องเว้นระยะห่างกับเจ้านายอีกสักนิด เพราะคิดว่าบอสคงไม่ชอบให้เขาใกล้ชิดแบบนั้น
เข็มนาฬิกาเลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้วแต่เมคินก็ยังไม่ยอมออกจากห้องคนที่ไม่ได้ทานข้าวกลางวันอย่างทิวก็หิวจนแสบท้อง เขาเดินไปหยิบคุกกี้มาทานไปอีกสองชิ้นและคิดว่าถ้าอีกครึ่งชั่วโมงเมคินยังไม่ออกมาเขาคงต้องเข้าไปตาม
ประตูเปิดห้องทำงานเปิดออกทิวายิ้มกว้างแต่เมคินกลับทำหน้าบึ้งจนเขาต้องรีบหุบยิ้ม ความหิวเมื่อครู่หายไปจนหมด เขาไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มอยู่ในโหมดเย็นชาแบบนี้มาก่อน
“นั่งรถกลับเองได้ไหม ผมจะไปทำธุระ”
“ผมขับรถให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไร” พูดจบก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่หันมามองสักนิด
เป็นครั้งที่ทิวาต้องกลับคอนโดด้วยรถไฟฟ้า แต่มันก็ถูกต้องแล้วเพราะที่ผ่านมาเขาสะดวกสบายจนเคยตัว แต่จากนี้ไปคงต้องปรับตัวเองให้ชินเพราะเมคินคงไม่ใช่คนเดิมที่เขารู้จักต่อไป
ลงจากรถไฟฟ้าทิวาก็เดินต่ออีกนิด เขาผ่านร้านอาหารที่เคยสั่งไปทานกับเมคินบนห้องก็แวะซื้อเมนูโปรดของชายหนุ่ม
ทิวาหาข้อมูลเรื่องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม พอดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบสองทุ่ม เขารีบเตรียมอาหารใส่จานชาม เพราะถ้าเมคินกลับมาถึงห้องจะได้ทานพร้อมกับเขา แม้จะหิวแค่ไหนแต่ก็อยากรอเมคินก่อน อยากคุยกับเขาอยากขอโทษที่เมื่อวานเผลอทำตัวสนิทกับเขาจนเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมาทิวเลยเก็บอาหารเข้าตู้เย็น ใจนึกอยากโทรศัพท์ไปถามว่าเขาจะกลับห้องตอนไหนแต่ก็ไม่กล้าเพราะนั่นถือเป็นเรื่องส่วนตัว
ทิวาเอาแต่กังวลเรื่องเมคินจนนอนไม่หลับ ถ้ายังเป็นแบบนี้พรุ่งนี้เขาคงตื่นไปทำงานไม่ไหวแน่ๆ
แล้วเขาก็ตัดสินใจไลน์ไปถามเพราะมันคงรบกวนน้อยกว่าการโทรศัพท์
Tiwa : พี่คินนอนหรือยังครับ
Tiwa : ค้างที่บ้านเหรอครับ
Tiwa : พรุ่งนี้เช้าอยากกินอะไร ไข่ดาว ไส้กรอกไหม
Tiwa : พี่เป็นอะไรหรือเปล่า
Tiwa : พี่ผมนอนไม่หลับ
ชายหนุ่มส่งข้อความรัวๆ แต่อีกคนก็ยังไม่เปิดอ่าน นั้นยิ่งทำให้ใจเสียมากขึ้นไปอีก ทิวกังวลไปสารพัดกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย ชายหนุ่มออกมานอนรอที่โซฟาเพราะถ้าเขามาถึงจะได้คุยเรื่องเมื่อวานและขอโทษเขาอย่างที่ตั้งใจ
เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่เมคิมเมินเฉย จะเรียกว่าน้อยใจก็คงจะถูก อาการแบบนี้มันเคยเกินขึ้นตอนที่เขากับแฟนทะเลาะกันครั้งแรก ความคิดในหัวของทิวาตีกันไปหมดนี่เขาเปลี่ยนใจไปชอบเพศเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้าเมคินรู้จะโกรธไหม จะให้เขาย้ายออกหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเอง
คิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็ยังไม่ได้ขอสรุปว่าจะบอกเขาไหมหรือจะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้เป็นความลับแล้วใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายทิวาก็หลับอยู่บนโซฟา
“พี่คิน เราจะเป็นไข้เลือดออกกันไหมครับ เราไม่มียากันยุง”“เดี๋ยวพี่โทรไปขอทางรีสอร์ตให้ อย่าเพิ่งออกไปนะเดี๋ยวโดนยุงกัดตัวลายขึ้นมาผิวสวยจะเสียหมด”รอไม่นานพนักงานของรีสอร์ตก็เอายากันยุงกับไฟแช็กมาให้ เมคินรับมาพร้อมกับมอบเงินให้เล็กน้อยค่าเสียเวลาเขาเดินออกไปจุดยากันยุงไว้หลายจุดเพราะกลัวว่ายุงจะมากัดผิวสวยๆ ของคุณเลขา“รอสักพักค่อยออกไปนะครับ พี่ขอล้างมือก่อน”“ครับ” เสียงทิวาขานรับขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงพอเมคินเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งสองก็หอบหมอนและผ้าห่มเดินออกไปบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเตียงอาบแดดอยู่ด้านริม“พี่คินว่าเราจะเห็นดาวตกไหม”“ก็น่าจะเห็นอยู่นะ” เมคินไม่ได้สนใจฝนดาวตก แต่เพราะอีกคนอยากเห็นก็เลยต้องออกมานอนตากน้ำค้างอย่างนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จริง แต่ทุกดวงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า“ทิวครับ ง่วงหรือเปล่า”“นิดหน่อยครับ”“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ”“ยังไหวครับพี่ แต่ถ้าผมเผลอหลับพี่คินอย่าทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียวนะ”“ใครจะทิ้งได้ลงล่ะครับ” เมคินหันมาบอกคนรักที่อยู่เตียงใกล้ๆ กันตาคู่สวยของเลขาคู่ใจยังคงจ้องไปบนท้องฟ้า ส่วนส
ตลอดสองเดือนที่คุณจางหยวนเข้ามาในชีวิตของทิวา เมคินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะรู้สึกเห็นใจที่เขากับลูกเพิ่งจะได้เจอกัน แต่พอเวลาผ่านไปเขาเองก็เริ่มทนความรู้สึกนี้ไม่ได้ และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงานของคุณจางหยวน“สวัสดีครับคุณเมคิน ไม่คิดเลยว่าบริษัทผมจะมีโอกาสต้อนรับคุณ”“สวัสดีครับคุณจาง ผมมาหาทิวาครับ”“อ้อ มาหาลูกชายผมนั้นเอง เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเองได้ ผมแค่แวะมาทักทายและจะมาบอกว่าต่อนี้ไปผมจะไม่ให้ทิวามาทำงานกับคุณอีกแล้ว”“ทำไมละครับ เขาเป็นลูกผมอีกหน่อยเข้าต้องมาทำงานแทนผม”“แต่มันยังไม่ถึงเวลาครับ คุณยังแข็งแรงอยู่เลยแล้วอีกอย่างคุณก็รู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”“ใช่ผมรู้และก็ไม่ได้กีดกันสักหน่อย”“ไม่ได้กีดกันครับ แต่ช่วงนี้คุณแทบจะไม่ปล่อยให้เข้าไปทำงานกันผมเลย ผมแค่มาทวงเลขาคืน”“ตายจริง ผมคงลืมไปว่าเขาเป็นเลขาของคุณด้วย คิดแต่ว่าเป็นคนรักกัน”“ทิวเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ”“ผมชอบที่คุณพูดตรงๆ กับผมนะ เอาล่ะ ตอนนี้ทิวาก็เรียนรู้งานมากแล้ว ที่ผมยอมให้เขากลับไปก็เพราะว่างานที่นี่มันค่อนข้างลงตัวแล้ว เขาแค่อาจต้องเข้ามาประชุมบ้างก็เท่านั้น
หลังจากที่ผลตรวจดีเอ็นเอคุณจางหยวนก็ดีใจมาก เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ครอบครัวที่คิดว่าเสียไปแล้วเมื่อยี่สิยกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ชายวันห้าสิบกว่าก็ออกอาการดีใจเหมือนกับเด็กๆ ที่ได้ของเล่นเลยทีเดียวเขาพูดจาหว่านล้อมจนคุณลักษิกายอมขึ้นมากรุงเทพ แม้เธอจะยังจำเรื่องในอดีตได้แต่ก็ยอมเดินทางมาเพราะอยากจะเจอกับทิวาอีกครั้งครั้ง ตอนนี้นอกจากรูปถ่ายใบนั้นแล้วคุณจางหยวนยังมีรูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันที่โรงเรียน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ และยังมีรูปถ่ายอีกหลายรูปที่ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมส่งมาให้ทางอีเมล ลักษิกาเลยเริ่มเปิดใจยอมรับเขาทีละนิด เพราะทุกรูปที่เขามีนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆวันนี้ทิวาเลยนัดทั้งสองคนให้มาที่บ้านของเมคิน เพราะทุกคนที่นี่ก็คือครอบครัวของเขา“พอครับ แม่ครบ นี่คุณจางหยวนกับคุณลักษิกาครับ” เขาเรียกคุณเมฆาและคุณจีรญาว่าพ่อและแม่อย่างเต็มปากในขณะที่เรียกพ่อแม่แท้ๆ ว่าคุณ ทำให้เมฆารู้ในทันทีว่าทิวายังไม่เปิดใจยอมรับทั้งสองมากนัก“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณจางหยวนคุณลักษิกา” เมฆากล่าวทักทาย“ยินดีท
เมคินเลขาคู่ใจกลับมาทำงานกันตามปกติ ส่วนคุณจางหยวนนั้นยังขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ ทิวาโล่งใจที่เขาไม่กลับมาด้วยเพราะตัวเองยังคงสับสนกับทุกเรื่อง“บอสครับบ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายวางแผนกลยุทธ์นะครับ แล้วตอนเย็นก็ต้องมีงานเลี้ยงรุ่นนะครับ” ทิวาเดินถือกาแฟมาให้กับเจ้านายพร้อมบอกตารางการทำงานของบ่ายวันนี้อย่างเคย“ลืมไปสนิทเลย ทิวเปลี่ยนใจไปกับพี่ไหม” เมคินรั้งให้คนรักมานั่งบนตัก กดจมูกไปยังแก้มเนียนชายหนุ่มมักจะฉวยโอกาสอย่างนี้ทุกครั้งที่ทิวาเอากาแฟเข้ามาให้“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ไปด้วยพี่จะได้สนุกเต็มที่”“ไม่กลัวพี่ไปเจอคนอื่นเหรอ”“คนเขารู้กันทั้งเมืองว่าพี่มีเจ้าของแล้ว ผมอยากจะรู้จังว่าใครมันจะกล้าเข้ามาหาพี่”“ไม่แน่นะทิว คนเราบางทีก็อยากท้าทาย”“ก็จริงนะครับ แต่ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก”“แสดงว่าเชื่อใจพี่”“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าพี่จะไม่มีคนอื่น เพราะฉะนั้นพี่อย่าทำลายความเชื่อใจของผม”“ใครจะทำอย่างนั้น”“ผมต้องออกไปแล้วหายเข้ามานานเดี๋ยวคุณวีณาสงสัย”“คนรักกันจะอยู่ด้วยกันนานหน่อยไม่น่ามีปัญหานะ ทิวย้ายเข้ามานั่งทำงานในห้องดีไหม”“อย่าเลยครับ ผมกลัวพี่เห็นหน้าผมทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ทิวากลับมายังคอนโดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของชายคนที่มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นรูปถ่ายที่ชายคนนั้นเอามาให้ดูแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจ ผู้หญิงในรูปถ่ายหน้าตาเหมือนเขาราวกับเป็นฝาแฝดถ้าเขาใสวิกผมยาวก็คงแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน“อย่าเพิ่งคิดมาเลยทิว รอผล DNA ก่อนดีกว่า”“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเป็นลูกเขาจริงๆ”“ถ้าให้ตอบในมุมมองของพี่นะ มันก็ดีที่เรารู้ว่าพ่อเราเป็นใคร และเท่าที่ฟังคุณจางหยวนก็ไม่ได้ทิ้งทิวไป แต่มันเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น คนที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่ของทิว ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงจะเห็นทิวผ่านตามสื่อบ้างแล้ว”“พี่หมายความว่าแม่ผมอาจตายไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงของทิวาสั่นเครือ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่มาได้โดยไม่มีพ่อและแม่ แต่พอมาได้ยินเรื่องราววันนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากเจอผู้ให้กำเนิด อยากรู้ว่าท่านอยู่สุขสบายดีไหม“พี่ขอโทษ” พอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิด เขาไม่น่าไปตั้งข้อสงสัยแบบนั้นเลยจริงๆ“ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงเห็นผม ขนาดแม่ครูที่ไม่ค่อยมีเวลาดูทีวียังเคยเห็นเลย”“จริงสิ เราลองถามแม่ครูดูไหมบางทีอาจมีเบาะแส”“อย่าเลยครับพี่คิน เอาเรื่องคุ
ในแต่ละวันเมคินและทิวาก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทุกอย่างกำลังเป็นได้ด้วยดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องของความรัก ยิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสองก็ยิ่งรักและเข้าใจกันมากขึ้นชีวิตที่กำลังลงตัวของทิวากำลังจะเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ๆ ชายชาวจีนคนหนึ่งก็บอกว่าอยากเจอเขา โดยชายคนนั้นติดต่อผ่านทางบริษัทโฆษณาของเมลดาทิวาไม่เคยมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น และก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยากเจอตนเองด้วยเรื่องอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายยินดีที่จะบินมาที่เมืองไทย ชายหนุ่มก็เลยตอบตกลงที่จะให้เขาเข้ามาพบวันนี้ชายคนนั้นเดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อขอพอกับทิวา โดยนัดกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งเมคินและทิวามาถึงโรงแรมตรงเวลานัดพอดี แต่เขาคนนั้นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณทิวา ผมชื่อจางหยวน” เขากล่าวทักทายด้วยภาษาไทยที่ชัดแจ๋ว“สวัสดีครับผมทิวา คุณคงรู้อยู่แล้วและนี่เมคินคนรักของผมครับ” ทิวาแนะนำตัวเองและคนรักให้กับชายแปลกหน้าด้วยสถานะที่ทั้งสองไม่เคยปิดบัง“ครับ เชิญนั่งก่อน ผมสั่งอาหารแล้ว เราทานไปด้วยคุยไปด้วยก็ได้”“ผมว่าคุยรีบคุยธุระของคุณดีกว่าครับ เราสองคนยังไม่หิว”“ผมอยากคุยกับคุณตามลำพังมากกว่า”“เสียใจครับ ผมคงให้คุ