เซียวอี้เซียนลูบหลังก่อนจะส่งน้ำอุ่นให้เขาจิบทีละน้อย
"ท่านพ่อ ต่อไปท่านดื่มน้ำเปล่าดีหรือไม่ น้ำชานานๆครั้งเถอะเจ้าค่ะ มาเข้าเรื่องเถอะท่านได้อะไรมาบ้างเข้าวังครั้งนี้"
"เฮ้อฝ่าบาทยอมเขียนราชโองการให้เจ้าเป็นฝ่ายถอนหมั้น อีกทั้งรับปากว่าจะพระราชทานป้ายทองสำหรับร้านค้าต่างๆและขุนนางที่ร่วมบริจาค ด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์เอง"
"อืม..ฮ่องเต้นับว่าปราดเปรื่องยิ่งนักเจ้าค่ะ"
"เซียนเอ๋อร์ ลูกรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้จะรับปากเงื่อนไขของเจ้า เงินหกแสนตำลึงนั้นที่เจ้าให้ไปจะว่าเยอะก็เยอะ แต่ท้องพระคลังมิได้ขาดแคลนเงินทองที่จะส่งไปบรรเทาทุกข์สักนิด"
"ท่านพ่อ ที่ฝ่าบาททรงรับปากเงื่อนไขของท่านทุกอย่างมิใช่เพราะเงินบริจาคแต่อย่างใด แต่เป็นสมุดสามเล่มที่ข้าเขียนให้ท่านถวายพระองค์ต่างหากเจ้าค่ะ"
"สมุดเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้ง แก้ปัญหาน้ำท่วม แก้ปัญหาโรคระบาดนั่นต่างหากเจ้าค่ะ"
"ลูกรู้ได้อย่างไรกัน"
"ดินแดนต้าฉิน มีทั้งลุ่มทั้งดอน ฤดูกาลผกผันที่ลุ่มน้ำท่วมหนัก ที่ดอนเกิดภัยแล้ง เมื่อมีเหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นที่ตามมาคือโรคระบาด หากเรารับมือกับปัญหาหน้าแล้งกับหน้าน้ำได้เรื่องที่ตามมาก็ไม่ยุ่งยาก"
"อืม..นับว่าลูกพ่อรอบคอบยิ่งนัก"
"ท่านพ่อ..ที่จริงท่านปู่ใหญ่ของจ้าวเฉิงต้องการให้ข้าแต่งกับหลานชายเขาเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก"
"สกุลจ้าวยิ่งใหญ่เพียงนั้น ผู้อาวุโสจ้าวกลับหมายตาบุตรสาวตระกูลเล็กๆหรือลูกรู้ว่ามีเหตุผลอื่น"
"ต้าฉินสถาปนามากว่าเจ็ดร้อยปี ราชสำนักให้ความสำคัญกับการวางผังเมืองเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่จ้าวอันต้องการคือควบคุมการก่อสร้าง ท่านปู่เดิมทีท่านเป็นเจ้ากรมโยธา เขาหวังว่าหากเกี่ยวดองกับเรา ท่านปู่จะร่วมมือกับเขาถ่ายทอดวิชาให้บุตรหลานบ้านสกุลจ้าว ใครจะคิดว่าท่านปู่จะจากไปไวส่วนตัวเขาเองก็ต้องไปต่างแคว้นนานนับปี โชคดีที่เขาไม่อยู่มิเช่นนั้นงานแต่งของข้าคงเลี่ยงไม่ได้ หากข้าแต่งกับจ้าวเฉิงก็ต้องกลายเป็นคนสกุลจ้าว เมื่อนั้นแม้ไม่อยากสอนก็ต้องสอน ตำราที่มีไม่อยากให้ก็ต้องให้เจ้าค่ะ"
"เซียนเอ๋อร์...ลูกหมายความว่าพวกเขาอยากบฏหรือ"
"กบฏ หรือเจ้าคะ..ก่อกบฏ สิ้นเปลืองแรงคน ต้องเลี้ยงไพร่พล มิสู้ควบคุมช่างไม้ช่างอิฐควบคุมกรมโยธาเอาไว้ในมือมิดีกว่าหรือ เพียงแค่นี้เขาก็คุมทั้งต้าฉินแล้ว"
"หากสกุลจ้าวคิดเช่นนั้นพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป"
"กินอิ่มนอนหลับไงเจ้าคะท่านพ่อ ไม่น่าถาม"
"จ้าวอันป๋อไร้เหตุผล ลูกจะยังสบายใจอยู่อีกหรือ"
"มีฝ่าบาทคุ้มครองสกุลเซียวอยู่เขากล้าแตะหรือ ท่านพ่อเมืองกำลังต้องการคนมีฝีมือวางแผนทั้งนอกใน แค่อำมาตย์ซ้ายคนหนึ่งจะยกหินถมถนนตัดไม้สร้างสะพานได้หรือเจ้าคะ กับเสนาซ้ายคนหนึ่งจะสามารถสร้างเมืองบูรณะซ่อมแซมซากปรักหักพังได้หรือ เขาสามารถจะเจาะภูเขาที่แห้งแล้งให้กลายเป็นคลองได้หรือเจ้าคะ ที่ฝ่าบาทต้องปกป้อง มิใช่ทายาทของบรรดาช่างเหล่านั้นหรอกหรือ หากต้องการผังเมืองที่สมบูรณ์ที่ฝ่าบาทต้องคุ้มครองมิใช่ทายาทอดีตเจ้ากรมโยธาอย่างเช่นพวกเราหรอกหรือเจ้าคะ"
เมื่อบุตรสาวอธิบายจบเซียวหงก็เข้าใจทันทีก่อนจะหัวเราะออกมา
"ท่านพ่อ ข้ามิได้อยากจะฆ่าตัวตายแต่ข้าแค่อยากให้คนไปส่งข่าวจ้าวอัน หลังจากเรื่องถอนหมั้นเรียบร้อยไปแล้ว ต่อให้เขากลับมาเพื่อบังคับจ้าวเฉิงรับข้าเป็นภรรยา ปลดหลิวเย่วเป็นเมียรองก็ไม่สามารถทำได้แล้ว"
"ลูกแกล้งตายเพื่อส่งข่าวลวงให้ผู้อาวุโสจ้าวหรอกหรือ"
"เพ้ยๆๆ..ผู้อาวุโสอันใดกัน ตาแก่เจ้าเล่ห์นั้นอยากได้จวนเซียวใจจะขาด ตอนนี้ที่ยืนอยู่ฝั่งเราคือฮ่องเต้ แต่ขึ้นหลังเสือย่อมลงลำบากข้าจึงเสนอให้พระองค์มอบความหวังให้กับเหล่าพ่อค้าและขุนนางต่ำต้อยเหล่านั้นด้วย"
"เพื่ออะไรกันเซียนเอ๋อร์"
"เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททวงบุญคุณคนเหล่านั้นต้องพร้อมทำงานให้เรา จ้าวอันมีบุตรชายคนเล็กชื่อจ้าวเหิงควบคุมการค้าในเมืองหลวง แต่พ่อค้าที่ข้าถวายรายชื่อข้างต้นไม่เกี่ยวอันใดกับเมืองหลวง พวกเขาค้าขายอิสระหากตัดแข้งตัดขาสกุลจ้าวได้ คนพวกนี้ก็คือมีดที่ใช้คุ้มครองเราและเล่นงานสกุลจ้าวในภายหน้าเจ้าค่ะ ส่วนสกุลหลิวที่ทะเยอทะยานนั้นเมื่อสกุลจ้าวล้ม ย่อมพาล้มไปด้วยกัน จะได้ไม่ดูเหมือนว่าข้าใจแคบเล่นนางพวกเขาเพราะยังหึงหวงเจ้าเฉิง"
"อืม ไปเถอะไปกินข้าวกัน มืดแล้วรีบพักผ่อน พรุ่งนี้ราชโองการมาจะได้ตื่นแต่เช้ามารอ"
สองพ่อลูกไปแล้ว หยางเทียนหลงที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่บนยอดไผ่ก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมาไม่รู้ตัว สกุลจ้าวทิ้งหยกเนื้อดีที่แม้ไม่แกะสลักก็ยังคงงดงาม แต่กลับคว้าเอาเศษหินอย่างคุณหนูสกุลหลิว อืม จ้าวเฉิงต้องขอบใจความมักมากไร้ยางอายของเจ้าภรรยาเช่นนี้ข้ารับเอง
คนโง่อย่างเจ้าเหมาะกับหลิวเย่วนั่นแหละดีแล้วเฮ้อ ดูท่าว่าที่เมียของเขาชอบต้อนหนูให้เข้ารูแล้วเอาน้ำกรอกให้ท่วมสินะ บาปกรรม บาปกรรม ในเมื่อผัวเมียคือคนๆเดียวกัน งั้นข้าคงต้องยอมบาปกรรมไปกับเจ้าแล้วสิว่าที่เมียข้า
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก