ฝ่ายพิมแก้วนั้นที่ตรงเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำอันหรูหรา เพิ่งสังเกตได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในชุดแปลกตาที่แสนบางเบา ผ้าแพรที่มีลายดอกไม้ถักมือวิจิตรนั้นดูดีถ้าเกิดเนื้อผ้าไม่บางราวกับผ้าแพรเช่นนี้ เสื้อผ้าที่ดูไม่คุ้นตาแต่แสนจะบัดสีบัดเถลิงเหลือเกิน ราวกับหญิงสาวในย่านโคมเขียวก็มิปาน
เจ้าคุณพ่อมาเห็นแบบนี้ มีหวังจับเราเฆี่ยนจนหลังหักเป็นแน่
นางคิดแล้วซับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบนดวงตากลมโตเนื่องด้วยอยู่ดีๆ ตนเองก็ต้องมาเจอกับที่ที่ไม่เคยอยู่ มันกะทันหันจนตั้งตัวมิทัน สาวเจ้าทำใจอยู่นาน ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำทับผ้าแพรด้านนอกที่แทบจะปิดสรีระไม่มิดนั่น พยายามดูอยู่หลายครั้งจึงรู้ว่าต้องผูกสายตรงสะบั้นเอวให้แนบชิดติดกับสะโพกผาย
แกรก
เมื่อแต่งตัวอย่างมิดชิดสำเร็จ เจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ แง้มประตูไม้สักทองเปิดออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางสอดส่องไปยังภายในห้องนอนโทนสีหม่นทึบ จึงเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้มวนยาสูบที่บ่าวไพร่มักใช้กันพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ด้านนอกระเบียง
“เอ่อ... คือเราต้องทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” เธอละล้าละหลังอยู่นานจึงตัดสินใจโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดน่าอึดอัดและกลิ่นม่านควัน ชายหนุ่มในแว่นสายตากรอบดำเหลือบมามองหล่อนอย่างเย็นชา
“หมายความว่าอะไร”
“มะ... หมายถึงว่าท่านจักพาเรากลับไปหาเจ้าคุณพ่อหรือไม่ เจ้าคุณพ่อเราอยู่เรือนใหญ่ในพระนคร เราน่าจักพอจำทางไปได้อยู่เจ้าค่ะ”
แววตาสีดำทมิฬมองเธอที่พูดจาเพ้อเจ้อออกมาเป็นต่อยหอย ก่อนที่เขาจะพ่นควันขุ่นออกมาเป็นวงยาว
“ที่นี่ไม่ใช่พระนครอะไรที่ว่า” แต่เพราะความใจดีในกมลสันดานเป็นทุนเดิม สามก๊กท่องพุทโธในใจ พลางพยายามอธิบายสิ่งที่ไม่คิดว่าชาตินี้ตัวเองจะต้องมานั่งพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน “ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสี ที่มีแต่กลิ่นควัน มลพิษ อีกอย่าง... กูก็ไม่ใช่คนปกติที่เดินอยู่บนถนนข้างล่างนั่น”
พูดพลางเขี่ยก้นบุหรี่ ขยี้ลงกับราวระเบียงเหล็ก
“...”
“ถ้าเธอบอกว่าเป็นลูกสาวคนใหญ่คนโต กูก็คือมาเฟียที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับเธอ” อยากจะพูดกับเด็กสาวแบบที่ผู้ใหญ่โตๆ เขาพูดกันนะ แต่เพราะสามก๊กนั้นมีนิสัยไม่ยอมลงให้ใคร เขาติดพูดคำหยาบคายและแทนตัวด้วยมึงกูกับลูกน้องและคู่ค้าเสมอ จึงลดทอนสรรพนามให้ได้แค่นี้
“มาเฟีย? คือกระไรกันเจ้าคะ เรามิเข้าใจ”
“กูให้คนไปสืบประวัติเธอ” เขายอมรับออกมาตามตรง พลางโยนบุหรี่ที่เหลือเพียงก้นมวลทิ้งลงจากราวระเบียง เดินอาดๆ มานั่งบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ที่นอนได้สองคนก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ
ประวัติที่ลึกลับแค่ไหน เขาก็หามาได้เสมอ จะยิ่งใหญ่คับฟ้า แต่สุดท้ายก็มาตายรังที่การพนัน และการฉ้อโกง
ต้องขออภัยต่อท่านท้าวเวสสุวรรณที่อาจจะมีการเข่นฆ่าพวกที่ไม่จำเป็นทิ้งไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือศัตรูที่คิดจะเหยียบหัวขึ้นมาเหนือกว่า อาชีพที่ทำอยู่นั้นคือการแข่งขันที่อันตราย แต่เขาก็รักษาศีล ทำบุญทำทานอยู่เสมอ
เด็กผู้หญิงคนนี้ ถึงจะเป็นคนบ้า ลูกน้องก็จะค้นประวัติของเธอมาได้แน่นอน
แล้วมารอดูกัน ว่ายัยนี่มันคือใครกันแน่
“พิมแก้ว เธอบอกว่าอายุสิบแปดใช่มั้ย” และอีกห้านาทีวิลลี่ก็คงจะโทรมารายงานประวัติโดยละเอียดของเธอ สามก๊กเดาะลิ้นพลางคุยกับเธอไปพลางระหว่างรอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังคงแอบอยู่หลังบานประตูห้องน้ำไม่ออกมาประจันหน้ากับเขาก็ตาม “งั้นเธอก็คงเรียนอยู่มัธยมปลาย ใช่หรือเปล่า”
“เจ้าคุณพ่อสอนให้เรียนอ่านเขียนเพียงเท่านั้น ด้วยหน้าที่ของหญิงสาวในกรุงศรีอโยธยาต้องเป็นเมียที่ปรนนิบัติผัวเป็นอย่างดี แต่ด้วยที่เราเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเจ้าคุณพ่อ ทุกวันเราจักทำเพียงแค่กรองมาลัย แลใช้รสมือทำสำรับให้เจ้าคุณพ่อทานเจ้าค่ะ” เธอกลั้นใจอธิบายออกมาตาใส แต่ท้ายประโยคก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ส่วนมัดทะยม เรามิเข้าใจที่ท่านพูด”
“เธออ่านเขียนได้” เขาปล่อยเบลอคำพูดมากมายที่เธอเพ้อพกออกมา และสรุปได้ว่าแบบนั้น
“พออ่านจดหมายได้บ้างเจ้าค่ะ”
“ถ้ากูสืบประวัติเธอ แล้วรู้ว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
“...”
“กูเลี้ยงเธอได้ใช่มั้ย”
“เรามิใช่วิฬาร์ที่จักมาขอเลี้ยงดูได้ตามใจชอบนะเจ้าคะ” เจ้าตัวจ้อยตัวสั่นหนักกว่าเก่า ชายผู้นี้พูดอันใดประหลาดแท้ อยู่ดีๆ มาบอกว่าจะเลี้ยง อยู่ดีๆ ก็มากล่าวหาว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีก ทั้งที่พ่อของเราเป็นถึงออกญาเชียวนะ
ครืด ครืด
สมาร์ทโฟนของสามก๊กดังขึ้นในระหว่างนั้น เขายกมือใหญ่ขึ้นเต็มทั้งห้านิ้วเพื่อให้เธอเงียบเสียงลง ก่อนที่จะรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นวิลลี่ สงสัยว่าจะสืบประวัติมาได้แล้ว
ติ๊ด
“ว่าไง”
[แปลกมากครับนาย ไม่มีชื่อของเด็กคนนี้ในทะเบียนราษฎร์ ประวัติหลบหนีจากต่างแดนก็ไม่มี ผมไปสืบค้นมาจากทุกที่แล้ว]
“ได้ยังไง”
[ไม่ทราบครับนาย ถ้านายจะเลี้ยงก็ต้องดูๆ กันไป เพราะประวัติพ่อแม่ บ้านเกิด คดีอาชญากรรม ไม่มีเลยสักอย่างครับ]
แววตาคมเงยหน้าขึ้นสบใบหน้าที่สวยสะกดของพิมแก้ว เขากำลังประเมินเด็กสาวอย่างเงียบเชียบ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลยสักนิด กลับกันถ้าเลี้ยงไว้จนอายุยี่สิบ ส่งเสียเล่าเรียนจนเติบโต เลี้ยงไว้เป็นนางบำเรอที่ช่วยเหลือเขาได้ในทางที่ผู้หญิงสามารถทำได้
ก็น่าสนใจดี ลึกลับแบบนี้
“ได้ งั้นกูจะเลี้ยงมันไว้เอง”
น้ำสบู่ในอ่างกระเพื่อมหวามไหว ความร้อนระอุถูกชโลมด้วยความเย็นจากน้ำในอ่าง สามก๊กขยับดันสาวเจ้าจนไปชิดกับขอบอ่างอีกด้าน ในท่าที่นั่งประจันหน้ากันทั้งสองฝ่ายเนื่องจากในอ่างนั้นค่อนข้างกว้าง ท่อนเอ็นอยู่ในร่างกายของพิมแก้วจากใต้น้ำ เด็กสาวรูปร่างงามหันหน้าหนี ทั้งใบหน้า ทั้งหัวไหล่แดงไปหมด เหมือนว่าเธอกำลังอับอายอย่างถึงขีดสุด“อื้อ...” สามก๊กรุกเข้าจูบริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความตื่นตระหนกราวกับลูกกระต่ายตัวเล็กๆ บดขยี้จูบอย่างเร่งเร้า ขยับสะโพกสอบเข้าอย่างเป็นจังหวะที่พอให้เธอรู้สึกอิ่มตัว ท้ายทอยที่ผมยาวๆ สีดำขลับนั้นเปียกแนบต้นคอขาว ถูกฝ่ามือใหญ่กดให้กลีบปากชิดกันอีกนิดจูบของเขาช่างเร่าร้อน ช่างรุกเร้าเหลือเกิน พิมแก้วต้านทานอารมณ์แปลกใหม่เหล่านี้ไม่ไหว จนเขาผละริมฝีปากออก เส้นน้ำลายโยงจางๆ ผ่านปลายลิ้นของทั้งสองชวนให้รู้สึกตื่นตัว สีหน้าของเธอนั้นเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบ ดวงหน้างามนั้นแดงซ่าน ส่วนด้านล่างก็ตอดรับสู้เขาที่ขยับสะโพกอยู่แทบทุกเวลา“อะ อื้อ อ๊ะ คุณสาม” เธอแหงนหน้าขึ้นเพื่อครวญเสียงหลง เมื่อเห็นว่าใบหน้าคมคายนั้นเอาแต่จ้องหน้าเธอเขม็งทั้งๆ ที่ช่วงล่างของเขายังทำหน้าที่อย่างเ
“คุณสาม...” เธอเม้มริมฝีปาก กลั้นเสียงร้องของตนเองเอาไว้เมื่อมือหนาลูบขึ้นไปจนถึงต้นขา ขึ้นมาอีกจนใกล้กับแอ่งความสาวของเธอที่มีเพียงชั้นในสีขาวกั้นเอาไว้เท่านั้น แต่แค่นั้นมันก็บางตาเสียจนแทบเห็นเนินสามเหลี่ยมที่ขาวอมชมพูสามก๊กไม่ชินนักเพราะเธอเอาแต่ยืนบิดกายไปมาอย่างเร่าร้อนไม่ยอมนั่งลงคร่อมกายของเขา ดูจะลำบากใจที่โดนเย้าหยอกแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางต่อต้านอะไร จึงต้องการเร่งเร้าใจเธออีกสักนิด เขาขยับดวงหน้าชิดกับโคนขางาม ใช้ฟันเขี้ยวขบกัดเบาๆ ที่ระหว่างขาด้านในสุด จนพิมแก้วร้องครางเสียงหลง“อ๊ะ! คุณสาม”“พิม ให้พี่อีกครั้งเถอะ พี่ไม่สามารถรอจนถึงคืนวันเข้าหอได้แล้ว”บรรยากาศในตอนนี้ตกเย็นย่ำ วิวด้านนอกเป็นทะเลสวยอาบแดดยามเย็นสีส้มคล้อย มีเพียงหญิงสาวสวยสะคราญ กับชายหนุ่มกลัดมันคนหนึ่งในเคหะสถาน แค่เพียงเขากดจูบที่ซอกขา พิมแก้วก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้นเพราะแบบนี้ เพราะโดนล่อลวงเช่นนี้... เมื่อคืนนั้นเธอถึงเสียตัวให้เขาหรือ!สามก๊กขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แอ่งดอกลำดวนของเธอ ความแนบชิดกลายเป็นความอุ่นร้อนจากผิวสัมผัส พิมแก้วไม่กล้านั่งลงเพราะเธอไม่อยากชิดใกล้กับเขาจนเกิ
“ได้ เธอจะอาบก่อนไหม” เขาขมวดคิ้วกับภาษาประหลาด แต่ก็ทำเมินใจแล้วเชิญเธอไปอาบก่อนตามประสาสุภาพบุรุษที่ดีแต่เดี๋ยวสิ จะเป็นผัวเมียกัน ทำแบบนี้มีหวังไอ้จิณพรตได้ดูถูกดูแคลนเขากันพอดี ขนาดมันยังแอบไปคั่วเมียเก่าเขาได้เลย“หรือจะอาบกับพี่ดีครับ?”เป็นคำเชิญชวนจากว่าที่สามี ที่ทำเอาออพิมแก้วหน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก เธอในตอนนี้เกือบจะเรียกได้ว่าสถานะดูเกือบเปลือยเปล่า ในขณะที่เขายังใส่เสื้อเชิ้ตสบายๆ ปลดกระดุมอยู่สองสามเม็ด ออกจะน่าอายไปเสียหน่อยไหม ถ้าจะให้อิงแอบแนบชิดกันในโอ่งใบใหญ่นั่นกับบุรุษเพศสองต่อสอง ในขณะที่ออพิมแก้วนั้นตั้งแต่เกิดมาแทบไม่เคยได้ใกล้ชิดกับชายคนไหนมาก่อนเลย (นอกจากคืนนั้นกับเขา)“เรา... มิกล้าเปลือยเปล่าต่อหน้าคุณเจ้าค่ะ ตอนนั้นเราอาจไม่มีสติเราเลยอาจจะ... ตะ... แต่ว่าตอนนี้เรามีสติครบถ้วน” ดวงตากลมโตเชยขึ้นสบตากับเขาในระยะไม่อันตรายต่อร่างกาย แต่กลับอันตรายต่อหัวใจของลุงอายุสามสิบกว่าๆ อย่างสามก๊ก เขาสะเทือนไปทั้งใจกับแววตาที่ดูไม่มั่นใจแต่ก็ดูสมยอมอยู่ในทีเธอไม่ได้ชอบเขา แล้วที่ทำอยู่นี่มันคืออะไรกัน“พี่ไม่บังคับเธอหรอก เอาที่เธอสะดวกใจ แต่พี่ขออาบก่อน ทนดูได้ไหม”
“ว่ายังไงนะ?”สามก๊กย้อนถาม ขยี้หัวคิ้วของตัวเองอย่างปวดหัว ก่อนที่ต่อมาจะคว้าข้อมือเด็กสาวที่หยิบเปลือกหอยดูชื่นชมออกมาด้วยความแรงระดับหนึ่ง การที่เธอยังคงติดอยู่ในโลกแห่งความฝันลมๆ แล้งๆ แล้วละเมอเพ้อฝันออกมาเป็นเรื่องราวที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงในยุคนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าเด็กสาวไปทำงามหน้าแบบนี้ในงานแต่งล่ะ?เขากังวลไปจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเขาส่งเธอไปเรียนมหาวิทยาลัยโดยใช้เส้นสายทางธุรกิจสีเทาของเขาเพื่อให้เธอได้มีความรู้ประดับตัว เธออาจจะแทบไม่รู้วิธีการปฏิบัติตัวแบบคนปกติในโลกภายนอกเลยก็ได้“... คุณสาม” หากแต่ระหว่างที่จมอยู่ในความคิด กลับแทบไม่คาดคิดเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกเล็กโด่งรั้นที่อยู่ใกล้ต้นคอ เขาดึงเธอเข้ามาชิดจนเกินไป จนเด็กสาวอยู่ใกล้มากเกินควรเสียงหวานสั่นระริก เธอยังคงไม่ชินที่จะใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ สาวยุคก่อนไม่ได้เจนจัดในการปรนเปรอว่าที่สามีขนาดนั้นโดยเฉพาะกับสามีที่เพิ่งจะได้มาสดๆ ร้อนๆเธอเม้มกลีบปากแน่น ดวงหน้างามแดงก่ำ รีบหลบเลี่ยงสายตาเมื่ออ้อมแขนของมาเฟียหนุ่มยิ่งรัดรั้งรอบเอวคอดที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวรุงรังภายใต้แว่นกรอบหนา สามก๊ก
เบื้องหลังฉากพรีเวดดิ้งสุดหวานล้ำที่ถูกจัดขึ้นระหว่างสองสามีภรรยามาเฟีย หญิงสาวในร่างเพรียวระหงที่นั่งอยู่ในรถคันหรูติดชายหาดพ่นลมขึ้นจมูก ลงจากรถ BMW พร้อมๆ กับจิณพรต เธอเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง หลังจากที่ไปตามถึงคฤหาสน์กับคู่ขาคนใหม่ แล้วได้คำตอบจากการ์ดหน้าประตูว่าสองคนนี้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่เกาะล้าน ก็แทบอ้อนวอนขอให้จิณพรตเหาะมาที่นี่เลยเธอไม่อยากยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแพ้ นังผู้หญิงสติไม่สมประกอบนั่น กำลังจะกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวคนใหม่แทนที่เธอที่เคยเป็นคนแรกถ้าไม่ใช่เพราะท่านรัฐมนตรีน่ะยังเป็นสามีเธออยู่ จะไปทวงกลับมาให้รู้แล้วรู้รอด อีกอย่างเธอเองก็มีหน้าที่อ้อนวอนให้สามก๊กเข้ามาพูดคุยร่วมงานกับสามีแก่ของเธอที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องตามมาถึงที่นี่อย่างไรถึงเธอจะเป็นเมียเก็บ ก็ถูกเก็บแบบออกหน้าออกตาในฐานะลูกสาวบุญธรรมของท่าน จึงไม่แปลกที่ต้องทำงานให้ท่าน ให้สมกับราคาที่ท่านจ่ายเธอมาอย่างมหาศาลที่หนีสามก๊กไปซบอกท่าน ก็เพราะภาพลักษณ์ที่ดูใจดี ดูหนุ่มแน่นกว่าวัยจริง แถมยังเข้าอกเข้าใจหล่อน ดูจับงานระดับประเทศ สะอาดสะอ้าน หล่อนจึงยอมแม้กระทั่งกลายเป็นเมี
ทั้งที่ผ่านคืนวันร่วมรักกันมาแค่ครั้งเดียว แถมเธอก็ไม่เห็นจะเป็นงาน ยั่วยวนเขาอะไรได้ดีตรงไหนคิดแล้วก็พ่นลมหายใจเสียงดังจนทีมงานที่เซ็ตอุปกรณ์กับแสงกันแถวๆ นั้นถึงกับสะดุ้งกันเป็นแถบรู้อยู่ว่าเป็นทายาทมาเฟียที่วงการใต้ดินรู้จัก เขาหล่อเหลานะแต่เขาดูดุดัน ภรรยาคนนั้นคงเด็กกว่าและอยู่ใต้โอวาทของเขา อาจจะกักขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันมาก่อนเลยมั้ง ดูสิ ออกจะตื่นเต้นกับทะเลเสียขนาดนั้น เหมือนทั้งชีวิตนี้ไม่เคยได้ออกไปไหนมาก่อนเลยคิดแล้วก็สงสารภรรยาตัวเล็กที่เดินเก็บเปลือกหอยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วหันมามองหน้ากันตาปริบๆฝ่ายออพิมนั้นหาได้รู้เรื่องอะไรกับใครไม่ เธอเดินเก็บเปลือกหอยไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดเข้ากับตัวอะไรสักอย่างผิวเรียบลื่นออกสีใสๆ มันขยับยุกยิกอยู่บนหาดทราย พิมแก้วที่เผลอเตะมันเข้าอย่างจังผวารีบผละออก พร้อมกับนั่งยองๆ มองดูมันคือแมงกะพรุนพระจันทร์ ที่มีพิษอ่อนๆ นั่นเองแต่กว่าจะรู้สึกตัว เธอก็ยกมันขึ้นถือด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วโยนลงน้ำด้วยจิตใจเมตตาระดับแม่พระมาโปรดแต่สามก๊กที่เห็นในทันทีนั้นแทบนั่งไม่ติดที่“พิมแก้ว!!”สาวเจ้าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นจากฝั่งที่