Masuk“ระ... เราเป็นถึงลูกสาวของออกญาศรีภิบาลเทียวนะ ท่านจักข้ามขั้นตอนมิได้นะเจ้าคะ จริงๆ แล้วท่านต้องมาสู่ขอเราพอเป็นพิธีก่อน แล้วเมื่อเรารับรักท่าน ท่านถึงจักแตะต้องเราได้ในฐานะผัวเมียตามแต่พึงใจ” พิมแก้วว่าพลางพยายามบิดสะโพกอ่อนออกจากความแข็งขืนตรงกลางกายของบุรุษ นางหน้าแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน รูปทรงที่ไม่ธรรมดานั้นแนบชิดตรงก้นกบจนเกร็งตัว
สติไม่สมประกอบแล้วยังจะเล่นตัว น่ารำคาญจริง สามก๊กคิดในใจ พลางดันนางลงจากตัก พอสาวเจ้าเห็นท่าว่าจะรอด กลับถูกริดรอนด้วยการผลักไหล่มนลงไปนอนบนฟูกนุ่ม ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับ
ชุดที่แปลกตา ดูเหมือนชุดของชาวต่างแดนที่มักเห็นมาทำการค้าที่พระนครถูกปลดออกด้วยความร้อนรุ่มของคนตัวใหญ่ ชวนให้เห็นแผงอกกำยำเย้ายวนตาเย้ายวนจิต ที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดงก่ำไปถึงกกหู
เจ้าคุณพ่อไม่อนุญาต ห้ามมองนะออพิม!
นางคิดในใจพลางเอามือทั้งสองข้างมาปิดตาของตัวเอง แต่ปลายนิ้วเจ้ากรรมกลับแยกแง่งนิ้วน้อยๆ เพื่อสำรวจความรูปงามของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน พอเห็นความขาวผ่อง แลลายสักอักขระโบราณ เป็นรูปเสือแลอักษรแปลกๆ นางก็หน้าแดงสุกปลั่งยิ่งกว่าเก่า
“โดนคร่อมขนาดนี้ คงจะให้ปฏิเสธไม่ได้นะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าชวนขยี้ใจ พลางพยายามปลดปมผ้าที่ปิดร่างกายกำยำนั่นไม่มิด เพื่อเปิดเผยความใหญ่โตองอาจต่อหน้าแม่กุลสตรีศรีสยาม
พรึ่บ
ชุดคลุมอาบน้ำถูกถอดลงไปกองกับพื้น ในขณะเดียวกันพิมแก้วก็ได้เห็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต อวัยวะโล้สำเภาของบุรุษเพศ ที่เจ้าคุณพ่อว่าต้องอายุสิบแปดถึงจักสมควรเห็น แม้ในตอนนี้หล่อนจะสิบแปดปีแล้ว มีแววจักเป็นสาวเทื้อ (สาวขึ้นคาน) แต่เจ้าคุณพ่อก็ยังตั้งแง่กับชายที่มาสู่ขออยู่เรื่อยไป
หญิงสาวผู้ถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน บัดนี้กำลังเสียท่าให้กับชายเถื่อนผู้ไม่รู้ที่มาที่ไปเสียแล้ว
แต่... แต่ว่า
ทรงเรียวปลายหัวมน ราวกับเห็ดยักษ์สีหงชาด มีเส้นเลือดพาดกลอนอยู่ตามขนาดของแก่นอย่างสวยงาม ราวกับศิลปะที่วิจิตรการตา
ใหญ่จัง
“ดะ... ได้โปรดอย่าทำเรา เรายังมิพร้อม เราเพิ่งอายุสิบแปดปีเศษ เจ้าคุณพ่อยังมิอนุญาตให้เรามีสัมพันธ์กับชายใด ถ้าหากคุณสมบัติเขามิตรงตามที่เจ้าคุณพ่อต้องการ”
ประโยคนั้นทำให้สามก๊กชะงักได้ราวกับออกคำสั่ง
เด็กคนนี้อายุสิบแปดอย่างนั้นเหรอ? แบบนี้ก็ยังเรียนมัธยมอยู่เลย เขาในตอนที่ที่เฉียดเลขสามไม่อยากเสี่ยงคุกนักหรอก
คิดแล้วจึงผละออกจากนางจนสาวเจ้าตกใจ หยัดตัวขึ้นในขณะที่ชายหนุ่มจะก้มลงหยิบชุดคลุมอาบน้ำ แล้วโยนใส่ศีรษะของเธอ
“ไปแต่งตัวซะ”
เขาพูดเพียงแค่นั้น หญิงสาวก็นั่งตัวสั่นอยู่ ปล่อยให้ชุดคลุมอาบน้ำร่นลงไปกองอยู่ที่ตัก เนื่องด้วยประสบการณ์ในการอยู่ชิดใกล้กับผู้ชายนั้นช่างน้อยนิด
สามก๊กเอี้ยวตัวไปใกล้นางเมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่ขยับ ชวนให้นางสะดุ้งเฮือก หลับตาปี๋เมื่อความอบอุ่นแลกลิ่นหอมจางๆ ผ่านหน้าไป แต่เมื่อไม่เกิดอะไรขึ้นนางจึงลืมตาขึ้น แล้วจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายแค่เพียงเอี้ยวตัวไปหยิบแว่นสายตาที่กระดอนไปบนกลางฟูกเท่านั้น
เท่านั้นก็หน้าแดงลามไปยันซอกคอ บุรุษเถื่อนสวมแว่นสายตาเข้ากับกรอบหน้า พลางปรายตามองหล่อน
“นั่งเซ่ออยู่ทำไม ไปแต่งตัว”
“เอ่อ... คือท่านไม่ทำกระไรเราแล้วหรือเจ้าคะ” นางกลั้นหายใจถามคำถามโง่ๆ ออกไป ชวนให้สามก๊กแค่นหัวเราะ
“ทำไม?” เขาย้อนถาม พลางคว้าซองบุหรี่จากโต๊ะข้างหัวเตียง คีบมวนบุหรี่ราคาแพงมาคาบในปาก หยิบไฟแช็คที่ทำจากเงินมากดเปิดไฟแช็ค พลางออกปากยวน “หรืออยากให้ทำขึ้นมาแล้วเหรอ”
“มะ... ไม่เจ้าค่ะ เราจักไปแต่งตัวแล้วเจ้าค่ะ” พอเห็นว่าเขามีท่าทางเอาจริงเอาจังนางจึงหน้าถอดสี รีบยกมือไหว้ปะหล่กๆ พลางรุดตนเองออกไปจากห้อง แต่กลับถูกดึงชายเสื้อลูกไม้บางไว้ด้วยปลายนิ้วหยาบใหญ่ จนต้องชะงักอยู่กับที่ “กะ... กระไรหรือเจ้าคะ”
“เข้าห้องน้ำกูไป”
“จะ... เจ้าคะ?”
“ไม่พูดซ้ำ”
ดุจังเลยเจ้าค่ะท่านผู้นี้ ออพิมแก้วคิด พลางก้มปะหล่กๆ เดินเก้กังเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัวของเขา สามก๊กเหลือบมองร่างเล็กที่ปิดประตูลงอย่างเรียบร้อย พลางพ่นควันบุหรี่ออกเป็นวงกว้าง
เขานั้นเป็นผู้ที่มากกาม ถึงจะชอบสวดมนต์บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อในเรื่องเวรกรรมและบาปบุญเข้าจิตใจ แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองนั้นยังเป็นมนุษย์ที่ยังคงมีกิเลส ตัณหาราคะในสรีระของอิสตรีอยู่
การหานางบำเรอเพื่อปลดปล่อยความเครียดจากงานนั้นแทบจะเป็นหน้าที่ที่มอบให้มือขวาอย่างวิลลี่อยู่ประจำ เพราะผู้หญิงส่วนมากไม่มาปอกลอก ก็มาหลอกเขา ทำให้มาเฟียหนุ่มเข้าสู่แววอาภัพรักอย่างหนัก
และเขาก็มีข้อแม้กับตัวเอง ว่าจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีเด็ดขาด เพราะยังเด็กเกินไป ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่
เด็กสาวคนนี้ ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น
“ผมจะเข้าไปทำงานในนครโสเภณี และออกมาโดยไม่แตะต้องหญิงใดเลยแม้แต่คนเดียว”พิมแก้วยอมรับว่าตกใจที่สามีของตนเองมีความตั้งใจที่จะไปเป็นทาสสินไถ่คอยดูแลหญิงงามเมืองในโรงรับชำเราบุรุษ เข้าใจดีว่าเจ้าคุณพ่อนั้นรู้จักคนกว้างขวางจนกระทั่งลามไปในที่อโคจรเช่นนั้น แต่ดวงใจในอกอิ่มนั้นปวดใจนัก สถานที่แบบนั้นมีแต่หญิงสาวมากหน้าหลายตา มากคารมณ์มากตัณหา หล่อนไม่มั่นใจว่าคุณสามจะมั่นคงพอที่จะไม่เผลอใจแตะต้องใครสุดท้าย... เพราะระยะเวลาการรู้จักกันนั้นแสนสั้น มีเพียงสมพันธ์สวาทที่พันผูก พิมแก้วจึงยังไม่สามารถวางใจในตัวสามีของตนเองได้เต็มร้อยนักแต่เมื่อสามก๊กออกปากเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเพียงต้องการอุ้มชูศักดิ์ศรีต่อหน้าออกญาศรีภิบาล หรือเพียงต้องการเป็นสามีที่ถูกต้องของเธออย่างสุดตัวจริงๆ“กูจักพูดคุยให้นายโรงมาปลดสินไถ่มึงในช่วงสายวันพรุ่ง อีกสองสามวันมึงต้องเดินทางไปที่โรงนครโสเภณีกลางพระนคร”“ขอรับ”ชายกำยำตกปากรับคำพร้อมกับหมอบลงกราบแนบเท้าของว่าที่พ่อตา ดวงตาคมกริบของท่านทำเพียงหลุบลงมองอีกฝ่ายที่นอบน้อมถ่อมตัว ท่านไม่ได้นึกเกลียดชังหรือถืออคติใดๆ กับชายหนุ่มที่ได้ครอบครองบุตรีของตนทางกาย หากแต่หัวใจค
“ละ... ลูกเองก็ให้คำนิยามนั้นมิได้ หากแต่บ่าวที่ชื่อว่าสามนั้น ในภพที่ลูกข้ามกาลเวลาเข้าไป เขาคือผู้มีอิทธิพล ชื่อจริงๆ ของเขาคือสามก๊กเจ้าค่ะ แลลูกได้ตกเป็นเมียเขาในภพนั้น ก่อนจักถูกพ่อหมอยาจรพาทั้งเขาที่อยู่คนละภพกับลูกกลับมาพร้อมกับลูก”“... นี่มันเรื่องบ้ากระไรกัน” เจ้าพระยาศรีภิบาลพยายามปะติดปะต่อคำให้การของลูกสาว แต่เมื่อเข้าใจ จึงได้แต่สบถออกมาอย่างยั้งไม่ไหว “พิมนาราก็อีกคนแล้ว ครานี้ยังเป็นลูกอีกรึ!”“พิมนารา... ชื่อของเจ้าคุณแม่” พิมแก้วทวนชื่อของมารดาตนเองที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างนึงฉงน พิมนาราก็อีกคน... ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงดูเจ็บปวดใจอย่างนี้“พิมแก้ว... ทิดยาจรมีอาคมสามารถพาคนที่หมายเอาชะตาข้ามกาลเวลาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า”“...”“พิมนาราแม่ของลูก... ถูกไอ้จอมขมังเวทย์ระยำนั่นดึงให้ข้ามกาลเวลาจนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังตามหาแม่ของลูกมิเจอ พ่อจึงได้แต่เพียงอนุมานว่าแม่ของลูกตายไปแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตระกูลเรา”“!!!”“ผู้คนตามกาลเวลาที่ผันแปร มิใช่พรหมลิขิตอย่างที่ลูกอุปมานไว้ หากแต่เป็นความผิดพลาดที่ทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตนเอง ท
วันต่อมา เจ้าพระยาศรีภิบาลได้กลับมาจากกระทรวง เดินทางมาถึงเรือนใหญ่ในช่วงเช้า แน่นอนว่ายังไม่ได้รับรู้ข่าวลือเรื่องสามก๊กเพราะนานวันเข้าเรื่องหนาหูเลยซาลงมากแล้ว ท่านกลับมาเหนื่อยๆ ก็ได้รับการต้อนรับจากบุตรสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เธอดูร้อนรนจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อในระหว่างที่ยกสำรับชาให้ สีหน้าของท่านเจ้าพระยามีแววแปลกใจ ในขณะที่จิบชาจีนที่ลูกสาวนำมาให้“ไอ้บ่าวคนนั้นมันไปไหนเสียแล้ว?” เป็นคำถามแรกของเจ้าคุณพ่อที่ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลัง จะบอกได้อย่างไรว่านอนอยู่บนเรือนเล็กของเธอ มีหวังเจ้าคุณพ่อได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆแต่คุณสามรับปากแล้วว่าจะมาคุยกับเจ้าคุณพ่อถึงเรื่องของเราด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นพิมแก้วจึงทำได้แต่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น แม้ว่าต่อหน้าคุณสามจะพูดจาอย่างอวดดีว่าเธอจะเป็นคนเปิดปากพูดเรื่องนี้กับบิดาเอง แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าท่าน ก็ทำเอาเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเริ่มอะไรเลย“มิรู้ว่าดิฉันจักกราบทูลท่านเจ้าพระยาได้หรือไม่เจ้าค่ะ ดิฉันแค่เพียงต้องการความเป็นธรรมให้อีสาลี่เท่านั้น” แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะคิดหาทางหว่านล้อมพ่อถ
เร็วกว่าใจคิด ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปแตะที่กลีบปากหยักที่หยัดยิ้มกว้าง ดวงตาสีทมิฬหลุบตาจ้องมองปลายนิ้วชี้ที่เกลี่ยไปตามกลีบปากของเขา พิมแก้วสบตาเขากลับเช่นกัน บรรยากาศดึงดูดให้สาวแห่งยุคกรุงศรีอโยธยาเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ เพียงใช้นิ้วกั้นระหว่างกลีบปากของทั้งสอง กดจูบนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของตัวเองสามก๊กเบิกตากว้าง เหมือนกำลังโดนเธอรุกจูบขึ้นมาก็ไม่ต่าง ถึงจะมีปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้ากั้นกลางอยู่ก็ตามพิมแก้วผละออกไป ดวงหน้างามขึ้นสีฝาดอย่างน่ารัก“อย่ายิ้มได้หรือไม่”“...”“พิมกลัวว่าตนเอง... จักเผลอล่วงเกินคุณสามเจ้าค่ะ”ชายหนุ่มที่ปฏิญาณตนจะรักษาศีลและอยู่ในธรรมครรลองตลอดนั้นชะงักไปชั่วอึดใจ เขาเองก็หน้าแดงฝาดเช่นกัน พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ยัยหนูคนนี้ ใครสั่งใครสอนให้มาพูดตรงๆ แบบนี้กันคนที่ควรจะกลัว... มันเขาต่างหาก“พิม พี่ไม่คิดว่าหนูจะมาบอกชอบพี่ แล้วเรื่องพ่อพิม... จะเอายังไง?” พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยไม่อยากให้ตนเองตบะแตกใส่เธอเร็วนัก เดี๋ยวเด็กสาวจะนึกเปลี่ยนใจเอาเสียก่อน“พิมจักลองคุยกับเจ้าคุณพ่อดูเจ้าค่ะ ถึงคิดว่าจักยากพอตัว... แต่อย่างน้อยต้องให้เจ้าคุณพ่อยอมรับเรื่องอัศจรรย์
“พี่เดช พอเถิดเจ้าค่ะ”อยู่ดีๆ น้ำเสียงของเด็กสาวตรงหน้าก็เข้มขึ้นเมื่อเขายังยืนกรานคำเดิมเพิ่มเติมด้วยบทลงโทษที่คิดมาเอง ขุนศรีเดชชะงักไป เขาเพิ่งเห็นปฏิกิริยาใหม่กับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาคิดไปมากกว่าน้องสาวเช่นนี้ พิมแก้วที่นั่งรวบมืออยู่นั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นแม้เธอจะรู้สึกดีๆ กับพี่ชายคนนี้อยู่ก็ตาม แต่การให้พี่มาใช้อารมณ์ลงโทษคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันออกจะเกินไปหน่อยที่คุณสามเขาประกาศแบบนั้นไป อาจเป็นเพราะเขาจนมุมก็ได้นะ ก็คนเคยมีอำนาจบาตรใหญ่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเหลือแต่ตัวแบบนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปทำความเข้าใจเขาเหมือนกันแม้จะรู้สึกขัดใจที่ตัวเองเลือกที่จะปกป้องผู้ชายที่ไม่รู้จักดีเท่ากับขุนศรีเดชตรงหน้ามากกว่า แต่เพราะพิมแก้วเองก็มีใจห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง และบางครั้งก็รู้สึกผิดที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน เขาช่วยเหลือเธอสารพัด (แม้จะมาจากท่าทางที่ดูใจร้ายปากร้ายก็ตาม) แถมยังให้เธอมีที่หลับที่นอนหรูหรา เสื้อผ้าดีๆ ของกินของใช้ดีๆอีกต่างหาก“เพราะเหตุใด...”“พี่เดช อ้ายสามเป็นบ่าวของพิม ถ้าจักลงโทษ ก็ให้พิมเป็นคนลงโทษเองเถิด”“น้องพิม น้องปกป้องมันเกินไปหรือไม่?”
แกรกบานประตูเปิดเข้ามาในระหว่างที่ชายหนุ่มอดีตมาเฟียใหญ่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดหนัก สิ่งแรกที่ปะทะเข้าหน้าคือกลิ่นหอมของน้ำอบฝรั่ง ที่กลิ่นหอมกว่าน้ำอบไทยในปัจจุบันจนไม่รู้สึกว่าเป็นกลิ่นที่มักจะใช้เวลามีงานศพหรืองานบุญด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเขาก็ชอบอยู่ไม่น้อยพิมแก้วปรากฏออกมาด้วยชุดสไบทรงเครื่องแบบโบราณ ซิ่นสีบานเย็นงามจับจด เธอในชุดนั้นงดงามชดช้อย เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามานั่งบนตั่งไม้สัก ในขณะที่สามก๊กนั่งบนพื้นไม่ได้ลุกไปนั่งเทียบเคียงเธอ“ท่านจักนั่งอยู่บนพื้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวเองก็รู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ ผู้ชายที่ก่อนหน้านั้นแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่าเธอ มีลูกน้องเป็นร้อย แต่ในเวลานี้กลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นไม้ นั่งขัดสมาธิจ้องเธอนิ่ง“ก็พิมเป็นเจ้านายพี่” เจ็บใจไม่ใช่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอสูงศักดิ์กว่าเขาเสียจริง แค่ราศีก็ไม่อาจเทียบเคียงได้“คุณสามมิใช่คนในยุคพิม คุณสามมีอำนาจกว่าพิมมากนักนะเจ้าคะ” ถึงต่อหน้าพ่อกับบ่าวคนอื่นเขาจะเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งก็ตามที“แล้ว?”“...”“จะให้พี่ขึ้นไปนั่งด้วยกันหรือไง” คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำไมกลับดูอันตราย ก็สายต







