“นี่เหรอ วังอัคราดล...”
อุทานอยู่ภายในอกด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ประจักษ์แก่สายตาตรงหน้า ภาพคฤหาสน์สไตล์ฝรั่งเศสที่ใช้หินอ่อนเป็นวัสดุหลักเด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า สองข้างทางเต็มไปด้วยพุ่มไม้ที่ผ่านการตัดแต่งและดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ริมรั้วไปจนถึงหน้าตึกใหญ่
เท้าอรชรสีขาวที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าหุ้มส้นค่อย ๆ ก้าวเข้าไปด้านใน มือบางกระชับกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเองแน่น ก่อนจะสูดลมเข้าปอดแรง ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง
“สู้ ๆ เพื่อไร่...”
พลอยไพลิน อินทร หญิงสาววัยยี่สิบสามปีพึ่งจะจบการศึกษาจากมหาลัยรัฐบาลได้เพียงเดือนเศษ จำต้องเดินทางเพียงลำพังมาที่วังอัคราดลแห่งนี้ เพียงเพื่อมาทวงสัญญาบางอย่างที่ท่านชายอุเทนให้สัญญาไว้กับบิดาของตนคือผู้ใหญ่ดำเกิงซึ่งเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าตึก เสียงของสตรีวัยรุ่นคนหนึ่งก็ตะโกนถามมาอย่างไม่เป็นมิตร
“มาหาใครไม่ทราบ”
พลอยไพลินหันไปยังต้นเสียง ก่อนจะระบายยิ้มให้ แต่ก็ต้องหุบทันควัน เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงความเป็นมิตรด้วย
“ฉันมาหาคุณธาราเขต อัคราดล” หญิงสาวตอบออกไป
“มาหาทำไม นัดไว้หรือเปล่า”
แน่ะ แม่นี่เป็นภรรยาของเจ้าของบ้านหรือไงนะ ถึงได้มาถามนู่นถามนี่แบบนี้ พลอยไพลินคิดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะกัดฟันตอบออกไป
“เปล่า แต่มีธุระด่วน”
“งั้นก็เข้าพบไม่ได้ กลับไปได้แล้ว...”
พลอยไพลินพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนจะเค้นเสียงพูดออกมา นี่หากอยู่ที่บ้าน ยายนี่ถูกต่อยปากแตกไปแล้ว
“แต่ฉันมีธุระด่วน ต้องพบให้ได้”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง ออกไปได้แล้ว!”
สาวใช้คนนั้นรีบมาขวางทางทันที เมื่อพลอยไพลินทำท่าจะเดินเข้าไป ทำให้ทุกคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างชุลมุน และมันก็คงจะดำเนินต่อไปอีก หากไม่มีเสียงแหลม ๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ใครใช้ให้มากัดกันในนี้นะ!”
พลอยไพลินรีบผลักสาวใช้คนนั้นออกไปจากตัว ก่อนจะหันไปมองสตรีสาวที่เป็นเจ้าของเสียง
“ฉัน... เอ่อ...” กำลังจะอธิบายแต่ก็ถูกตัดหน้าซะก่อน
“คุณรัศมีคะ นังนี่มันจะมาหาคุณธาราค่ะ หนูไล่ก็ไม่ไป”
ผู้หญิงเจ้าของชื่อที่แม่สาวใช้ที่พึ่งจะตบกับหล่อนอยู่เมื่อครู่นี้เรียก หันมามองหล่อนเขม็ง กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พลอยไพลินหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกมองแบบดูแคลนแบบนั้น
“เธอเป็นใคร มาหาพี่ธาราทำไม” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจชัดเจน
“ฉันมีธุระสำคัญค่ะ”
“ธุระอะไร คนอย่างเธอ...” พูดพร้อมกับมองเหยียด ๆ จนพลอยไพลินถึงลอบถอนหายใจกับนิสัยของคนบ้านนี้
‘นี่มันจะเป็นทั้งนายทั้งบ่าวเลยหรือไง...’ คิดอย่างเอือมระอา
“บอกไม่ได้ค่ะ ฉันต้องคุยกับคุณธาราเขตคนเดียวเท่านั้น”
พลอยไพลินทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ก่อนจะภาวนาให้ผู้ชายที่ชื่อธาราเขตอะไรนี่ ไม่มีนิสัยเหมือนกับผู้หญิงสองคนนี้ด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นหล่อนอาจจะยอมปล่อยให้ไร่ถูกยึด แทนการแต่งงานก็เป็นได้
ดารารัศมี น้องสาวบุตรธรรมของธาราเขตเบ้หน้า มองอย่างชิงชัง ก่อนจะตวาดลั่น “บอกไม่ได้... ก็กลับไป ไปสิ!”
“ฉันจะกลับ แต่ต้องพบคุณธาราเขตก่อนค่ะ” พลอยไพลินยื่นคำขาด ขณะจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ถูกทั้งสองสาวขวางเอาไว้
“กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ”
“ไม่! ถ้าแกไม่กลับไปแกเจอดีแน่” นี่คือคำพูดของสาวใช้ที่ชอบเลียเจ้านาย แต่เจ้านายก็คงจะชอบเพราะพยักพเยิดให้ท้ายกันเต็มที่
“เอาเลยนังอิ่ม เอาให้ปากแตก เดี๋ยวฉันจะขึ้นเงินเดือนให้”
และมวยคู่เอกก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้สองรุมหนึ่ง พลอยไพลินถูกจิกหัว และหล่อนก็สะบัดออกมาได้ ก่อนจะประเคนหมัดหนัก ๆ ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีใส่หน้าของทั้งนายและบ่าวจนล้มคว่ำไปกองกับพื้นทั้งคู่
“กรี๊ด ๆ ๆ ๆ นี่แกกล้าต่อยฉันเหรอ ฉันจะแจ้งความจับแก”
เสียงดารารัศมีแหลมกังวานดังเข้าไปถึงในตัวตึก ทำให้ธาราเขตที่วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเพราะเป็นวันเสาร์ถึงกับต้องรีบออกมาดู
และภาพที่เห็นก็คือสาวแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ ขณะที่ดารารัศมีและอิ่มใจนั่งกองอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ
“เข้ามาทำร้ายเจ้าของบ้านแบบนี้มันไม่ใช่นิสัยของคนดีเลยนะ”
น้ำเสียงเย็นเยือกที่ดังขึ้นด้านหลัง พลอยไพลินรีบหันไปมอง และก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้างกับผู้ชายที่หล่อเหลาเกินมนุษย์มนาตรงหน้า นี่เขากินอะไรเป็นอาหารนะถึงได้หล่อระเบิดกระชากใจแบบนี้
หญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เมื่อสายตาประสานเข้ากับดวงตาคมกริบไม่ต่างจากใบมีดโกน แต่ก็หวานหยดย้อยได้ในคราวเดียวกันเพราะได้รับอิทธิพลจากแพขนตายาวดกดำที่งอนงามราวกับสตรี ที่อยู่ภายใต้เงาของปื้นคิ้วหนายาวสีนิลเนื้อดี
เลือดในกายเดือดพล่านอย่างไม่เคยประสบมาก่อน อิทธิพลบางอย่างจากบุรุษเพศที่ยืนหน้าง้ำอยู่เบื้องหน้าทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรง
ขณะไล่สายตาสำรวจไปทั่วใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมที่สมบูรณ์พร้อมไปด้วยเครื่องหน้าเหมาะเจาะนั้นอย่างตื่นตะลึง ตั้งแต่จมูกโด่งเป็นสันงามที่โดดเด่นอยู่เหนือริมฝีปากหยักได้รูปสวยสีสดนั้น เลยเรื่อยลงมาตามแนวสันกรามกระด้างที่ยังเขียวครึ้มไปด้วยรอยหนวดที่พึ่งจะถูกกำจัดไปใหม่ ๆ ทุกอย่างลงตัวจนหล่อนไม่อาจจะละสายตาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“พี่ธาราคะ นังนี่มันบุกรุกค่ะ”