"เดี๋ยว! เขาบอกว่าท่านดวงชะตาบัดซบ มันก็จะบัดซบงั้นหรือ"
"เฮ สาวน้อยเจ้าเป็นใครกัน ข้าเป็นหมอเทวดา ตรวจจับดวงชะตาของคนไม่เคยพลาด"
เมิ่งเหยียนซินจิ๊ปาก จากนั้นยกมือขึ้นกอดอก "ก็เขา!" นิ้วเรียวชี้ไปยังชายที่ยืนมึนงงอยู่ภายในวงล้อม ทุกคนต่างเหลือบมองตามปลายนิ้วของเมิ่งเหยียนซิน
"ขะ...ข้าหรือ" เขาหรี่นัยน์ตามองก็จำได้ว่าเมิ่งเหยียนซินคือหญิงสาวที่ตนเพิ่งชนเข้าโครมใหญ่เมื่อครู่
เมิ่งเหยียนซินพยักหน้าเป็นคำตอบ นับว่าชายคนนี้โชคดียิ่งนักที่เผลอกระทบไหล่ของนางเข้า เมิ่งเหยียนซินจึงบังเอิญมองเห็นว่ากาลข้างหน้าในอีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นกำลังจะเกิดสิ่งใด
เกรงว่านักต้มตุ๋นคนนั้นคงแอบสอดแนมกิจการของเขามาก่อน แต่วันนี้ชายคนดังกล่าวกำลังดวงเปิดวาสนาเปิด จากที่กิจการใกล้ล้มละลายจนต้องปิดตัวก็ได้มีเศรษฐีคนหนึ่งมาเหมาข้าวสารจากร้านของเขาเพื่อไปทำโรงทานแจกจ่ายบรรดาคนไร้บ้านเพื่อทำกุศลครั้งใหญ่
"อีกไม่นานลูกน้องของท่านจะมาหาท่าน"
"แม่หนูเจ้าหมายความว่าอย่างไร"
"ท่านรอดูก็แล้วกัน"
"เหลวไหล!" ชายนักต้มตุ๋นโพล่งขึ้น
"เจ้าน่ะสิเหลวไหล" จากนั้นเมิ่งเหยียนซินก็หันไปสบตากับชายที่เป็นเหยื่อ "ท่านอย่าได้หลงเชื่อหมอดูลวงโลก แล้วเสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์เล่า ข้าจะบอกให้นะ ว่าท่านมิได้ดวงซวยเลยสักนิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านกราบไหว้บูชา ประทานคิวให้ท่านเป็นที่เรียบร้อย"
"วาจาประหลาดอะไรของเจ้า คิวคืออันใด!?" ชายนักต้มตุ๋นเหลืออด ดูเหมือนดรุณีผู้นี้จงใจตัดช่องทางทำมาหากินของเขาอย่างเห็นได้ชัด หรือนางกำลังจะเป็นคู่แข่งของเขา ไม่นานก็มีชายวัยแรกรุ่นผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
"เถ้าแก่ เถ้าแก่ขอรับ เถ้าแก่..."
"อะไรของเจ้า อาถังวิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้ มิใช่ร้านข้ากำลังจะถูกยึดรึ"
อาถังลูกจ้างร้านข้าวสารยืนเกาะเข่าหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า "ไม่ ๆ ขอรับ ข้าจะบอกว่า...ว่า..."
เพราะอาถังเอาแต่วิ่งไม่คิดชีวิต ทำให้ยามนี้การบอกเล่าเรื่องราวดูจะลำบากไปบ้าง น้ำเสียงที่เปล่งกระท่อนกระแท่นจนฟังไม่รู้ความ เมิ่งเหยียนซินยกนิ้วก้อยแคะหูรอฟังอยู่นาน คนอื่น ๆ ก็ลุ้นจนตัวงอ เมิ่งเหยียนซินจึงกล่าวแทนเสียเลย
"เขาจะบอกท่านว่า มีเศรษฐีมาเหมาข้าวสารไปหมดร้านแล้ว ตอนนี้ร้านของท่านมีเงินเข้าเป็นกอบเป็นกำ"
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง เพราะนางประหนึ่งมานั่งกลางใจของเขา "นะ...นี่แม่นาง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะพูดเช่นนี้"
"เพราะข้าเป็นผู้วิเศษ"
เมิ่งเหยียนซินขยิบตาหนึ่งฝั่ง ร่างระหงหมุนกายเป็นลูกข่างจากนั้นย่างเท้าผละจากวงล้อมด้วยทีท่าสบายใจ การล่วงรู้อนาคตข้างหน้าก็ดีอย่างนี้นี่เอง ส่วนที่ไม่มีในนิยายโผล่มาอย่างกับดอกเห็ด ถือว่าโชคดีที่ระบบทำให้นางกลายเป็นผู้วิเศษเข้าจริง ๆ
เถ้าแก่ผู้นั้นถึงขั้นมือไม้สั่นเทา ตำลึงเงินที่จะยื่นให้ชายต้มตุ๋นจึงถูกเก็บกลับ อีกฝ่ายแสดงท่าทีเสียดายพลางกัดฟันกรอด ส่วนบรรดาชาวบ้านที่มุงดูเห็นการยืนยันของอาเป่าก็ต่างฮือฮากันเสียยกใหญ่ ต่างพากันเหลียวมองตามเมิ่งเหยียนซินตาไม่กะพริบ
"นะ...นาง นางเป็นใครกัน เหตุใดจึงล่วงรู้ความในใจของผู้อื่น"
"นางคงมิใช่ภูตพราย หรือปีศาจใช่หรือไม่"
"จะเป็นไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อนางเพิ่งช่วยให้เถ้าแก่คนนั้นไม่ถูกหลอกมิใช่รึ"
"นั่นน่ะสิ หรือนางเป็นผู้วิเศษจริง"
เสียงชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ริมฝีปากสีกุหลาบยกยิ้มจนถึงดวงตา ในที่สุดเมิ่งเหยียนซินก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดในดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว บางทีอาจชี้ช่องทางรวยเป็นมหาเศรษฐินีได้เชียวล่ะ เมิ่งเหยียนซินเริ่มวาดฝันในใจ หลังจากเก็บเงินในคลังสมบัติมากหน่อย ก็หนีไปตั้งหลักที่อื่น คงนับว่าภารกิจสำเร็จกระมัง
ข้าจะเป็นหมอดูที่แม่นยำที่สุด และร่ำรวยมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่ร่างระหงเดินห่างจากฝูงชนไปเรื่อย ๆ ก็มีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจับจ้องเมิ่งเหยียนซินด้วยความใคร่รู้ คิ้วเข้มดุจกระบี่เคลื่อนเข้าหากันพลันขมวดแน่น ถ้วยชากระเบื้องเคลือบถูกยกขึ้นแช่มช้า เสียงทุ้มเอ่ยเย็นยะเยือก
"นางเป็นใคร"
"นายท่าน พวกเรายังไม่เคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน นางอาจจะเป็นหญิงต่างแคว้นก็ได้ขอรับ"
"น่าสนใจ ผู้วิเศษงั้นหรือ นางคงมิใช่นักต้มตุ๋นในคราบผู้วิเศษเช่นชายผู้นั้นกระมัง"
ระบบจอโปร่งแสงหายวับเดี๋ยวนั้น เมิ่งเหยียนซินยังยืนจังก้าประจันหน้ากับบุรุษใจโฉดเช่นเดิม ดูเหมือนทุกคนเริ่มอาละวาดจวนจะคว่ำหม้ออยู่รอมร่อหนำซ้ำยามนี้ก็เหลือเพียงเมิ่งเหยียนซินกับบรรดาบ่าวรับใช้เท่าหยิบมือเสียด้วย เพราะเมิ่งเว่ยขอปลีกตัวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทราวครึ่งชั่วยามแล้วเขาจะเร่งกลับมา ดูเหมือนชายเหล่านี้จงใจหาเรื่องนางในตอนที่บิดาไม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด"นี่หยุดนะ จะทำอะไรน่ะ" เมิ่งเหยียนซินร้องห้าม"ก็คว่ำโจ๊กนี่เสียเลย ในเมื่อพวกข้าไม่ได้กิน คนอื่นก็อย่าหวังจะได้กิน"ม่านตากลมโตขยายกว้าง เลี่ยงหรงตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นคุณหนูของนางมุ่งหน้าตรงไปยังหม้อร้อน ๆ เพื่อปรามอีกฝ่าย "คุณหนู ระวังเจ้าค่ะ อย่าเข้าไป!"หม้อขนาดยักษ์เอียงกระเท่เร่ใกล้ถูกเทกระจาดออกมาแล้ว ทว่ากลับมีใครบางคน คว้าเมิ่งเหยียนซินเอาไว้ เขาดึงนางเข้ามาแนบอก ส่วนเท้าอีกด้านยันข้างหม้อให้กลับไปบนเตาดังเดิม มือแกร่งชี้ดาบแหลมคมไปเบื้องหน้า แม้ท่อนขาของเขาจะแข็งแรงเพียงใด ทว่าผิวหนังมนุษย์ก็ไม่อาจทานทนต่อความร้อนระอุได้ กระนั้นเขายังคงสามารถเก็บอาการได้อย่างแนบเนียน ดวงตาคมเฉี่ยวเขม้นม
บรรดาคนไร้บ้านรวมถึงผู้ยากไร้ต่างเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ยามนี้เมิ่งเว่ยและเมิ่งเหยียนซินพาลูกน้อง บ่าวไพร่ มาช่วยกันทำโรงทานตามที่ตั้งใจส่วนเมิ่งลี่น่าก็เอาแต่โวยวายร้องไห้ดั่งเสียสติ เริ่นอี้หร่านจึงอยู่ดูแลจิตใจอันบอบช้ำของบุตรีที่เรือน"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู ท่านช่างน้ำใจงามยิ่งนักขอให้สกุลเมิ่งเจริญรุ่งเรือง มั่งมีเงินทองยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าคะ"ใบหน้าคุณหนูรองเมิ่งประดับไปด้วยรอยยิ้มละไม แม้จะเหมื่อยขบจนแทบสิ้นแรง ทว่าคำอวยพรของเหล่าชาวบ้านกลับเป็นแรงผลักดันให้เมิ่งเหยียนซินคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีเพราะโลกอีกด้านเมิ่งเหยียนซินเอาแต่นั่งจ้องจอแทบไม่ออกไปเจอโลกภายนอก ไม่ได้พบปะหรือช่วยเหลือผู้ใด กระทั่งทำบุญก็ยังโอนเงินออนไลน์"ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย หากไม่อิ่มก็มาเติมได้นะเจ้าคะ ยังมีอีกเยอะเลย""เจ้าค่ะคุณหนู"สตรีวัยชราหลังโก่งค่อมค่อย ๆ หมุนกายออกไป เมิ่งเหยียนซินจึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง "อ้อ...ท่านยายเจ้าคะ อย่าลืมไปรับเสื้อกันหนาวทางด้านโน้นนะเจ้าคะ"หญิงชราช้อนสายตาขึ้นจากนั้
"กั๋วกง ท่านว่านี่มันประหลาดเกินไปหรือไม่"หลิวซือเหว่ยเหลียวมองอดีตศัตรูหัวใจ แต่ยามนี้เขารู้สึกว่าตนได้ปล่อยวางเรื่องของคุณหนูลี่อย่างสนิทใจไปโดยไม่ทันรู้ตัว "แปลกมาก หลังเลิกประชุม เราคงต้องตรวจสอบบัญชีสกุลเมิ่งอีกครั้ง ส่วนของสกุลมู่ และสกุลลี่ ข้าเห็นยังมีจุดบกพร่องเล็กน้อย"องค์ชายสี่พยักหน้า "อ้อ...เมื่อครู่ใต้เท้าเมิ่งบอกว่าบุตรีของเขาช่วยดูแลบัญชีอีกแรง นี่พวกนางก็มีพรสวรรค์เฉกเช่นลี่เอ๋อร์หรอกหรือ เท่าที่ข้าเคยทราบคุณหนูใหญ่เมิ่งนางชมชอบบุปผาความงาม ส่วนคุณหนูรองเมิ่งเกิดป่วยจนพูดไม่ได้""องค์ชาย ท่านล้าหลังไปหน่อยกระมัง ยามนี้คุณหนูรองเมิ่ง นางอาการดีขึ้นแล้ว งานเลี้ยงน้ำชาท่านเอาแต่ใส่ใจลี่เอ๋อร์เสียจนมิสนหน้าไหนเลยสินะ"องค์ชายสี่กระแอมแก้เก้อ เขาเอาแต่สนใจคุณหนูลี่เพียงผู้เดียวจริงดังกั๋วกงว่า "หือ..."เสียงทุ้มที่กระซิบกระซาบสงบลงแล้วเมิ่งเว่ยเอ่ยต่อ "ทูลฝ่าบาทเป็นบุตรสาวคนรองของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นผู้ช่วยตรวจสอบบัญชีทั้งหมด""หืม...ประเสริฐ ประเสริฐจริงแท้ ใต้เท้าเมิ่ง เมื่อก่อนข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวคนรองของท่านป่
"ฮื่อ...ท่านพ่อ นี่ท่านทำอะไรเจ้าคะ เหตุใดต้องเอาของเหล่านี้ไปบริจาคจนแทบหมดจวน" เมิ่งลี่น่ามองตามหีบสมบัติตาละห้อยอยู่ ๆ บิดาของนางก็รื้อเอาทรัพย์สินในคลังออกไปเกินกว่าครึ่ง "น่าเอ๋อร์ ร้องไห้เป็นเด็ก พ่อบริจาคไปครึ่งเดียว ใช่ว่าทั้งหมดเสียหน่อย เราก็ยังมีกินมีใช้ไม่ใช่หรือ"คำว่ามีกินมีใช้ของเมิ่งเว่ยทำให้เมิ่งลี่น่ายิ่งแผดเสียงร้อง เริ่นอี้หร่านเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาปลอบใจบุตรสาว "น่าเอ๋อร์ใจเย็น ๆ""ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ ไข่มุกราตรีนั่น ล้ำค่าเพียงใด ท่านพ่อก็ยังจะ ฮึก ยังจะบริจาค"เริ่นอี้หร่านก็จนใจ ถึงนางจะเป็นบุตรีขุนนางสกุลใหญ่ ครั้นออกเรือนแล้วก็นับเป็นคนนอก สามีตัดสินใจหรือคิดอ่านเช่นใดนางก็คร้านจะปราม ใช่ว่านางไม่เสียดายสมบัติเหล่านั้น กว่าจะมั่งมีได้ถึงทุกวันนี้มิใช่จากน้ำพักน้ำแรงของเมิ่งเว่ยหรอกหรือ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่อาจขัดแย้งยามที่เขาตัดสินใจจะนำทรัพย์สินไปบริจาคเมิ่งเหยียนซินยืนมองลี่น่าการละครอยู่นานก็รู้สึกเอือมระอา ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง "นี่... พี่สาว ทรัพย์สมบัติของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ แต่ถ้าต
ณ จวนกั๋วกงหลังเกิดเรื่องในคืนนั้นหลิวซือเหว่ยไม่อาจสงบใจได้เลย คุณหนูรองเมิ่งนางช่วยคลายกำหนัดให้เขาจริง ทว่านางใช้วิธีการดูดเลียประหนึ่งกำลังทานของหวานแสนอร่อย ยิ่งหวนนึกถึงก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำดั่งป่วยไข้"นายท่าน""...""นายท่านขอรับ""...""ท่านกั๋วกง"หลิวซือเหว่ยหลุดจากภวัง เขากระแอมเล็กน้อยเพื่อคลายความเก้อกระดาก"มีอะไร""เอ่อ...นายท่านยังรู้สึกไม่สบายตัวหรือขอรับ" โจวฉีเองก็ประดักประเดิดไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดสิ่งใดขึ้นบาง ต่อให้คุณหนูรองบอกว่านางไม่คิดว่าเสื่อมเสียใด และยังไม่ได้มอบความบริสุทธิ์ให้กั๋วกง โจวฉีกลับไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวหนำซ้ำตั้งแต่นายของเขาหายจากอาการคลุ้มคลั่งใคร่อยากจนขาดสติก็ทำตัวประหลาดไปราวกับคนละคน"ข้าหายดีแล้ว""...นี่เป็นหยกของท่านขอรับ" โจวฉียื่นหยกลายวิจิตรไปเบื้องหน้า"อืม" หลิวซือเหว่ยรับอย่างขอไปที เขาหย่อนมันลงลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานโจวฉีงุนงง เดิมทีนายของเ
"ท่านพ่อหากท่านไม่เชื่อท่านก็มาดูให้เห็นกับตาเลยเจ้าค่ะ"เมิ่งลี่น่าพาบรรดาบ่าวไพร่ พร้อมบิดาและมารดาของตนแห่แหนมายังเรือนเล็ก เลี่ยงหรงเห็นเมิ่งเว่ยก็เบิกตาโต"เอ่อ นายท่าน คุณหนูยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ""หึ ก็แหงล่ะ นังเด็กบ้านั่นกำลังจะทำตระกูลเมิ่งเสื่อมเสีย" เมิ่งลี่น่ายังไม่หยุดปากตั้งแต่ขามาเลี่ยงหรงนิ่วหน้า "คุณหนูใหญ่หมายความว่าอย่างไรเจ้า""เจ้าก็อย่ามาทำเป็นไขสือ คุณหนูของเจ้ากำลังกกอยู่กับพวกนายโลมโคมเขียว เจ้าเองก็รู้เห็นไม่ใช่หรือไง""ไม่จริงนะเจ้าคะ""เอาล่ะน่าเอ๋อร์ เจ้าก็พอได้แล้ว น้องทำหรือไม่เดี๋ยวก็รู้เอง" เมิ่งเว่ยเหลียวมองเบื้องหลัง เอ่ยต่อด้วยความละเหี่ยใจ "แล้วนั่น ไยต้องให้บ่าวไพร่ยกโขยงกันมาด้วยเล่า""ทุกคนจะได้เห็นกระจะตาไงเจ้าคะ ว่าคุณหนูรองทำงามหน้าเพียงใด บุตรสาวไม่ทำตัวให้อยู่ในกรอบ ท่านพ่อว่าควรลงโทษหรือไม่ หรือว่าท่านก็จะลำเอียงอีก"เหตุการณ์ครั้งนี้หาใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อคืนนางลอบเห็นเมิ่งเว่ยตั้งหน้าตั้งตาทำน้ำแกงรากบัวด้วยสีหน้าแช่มชื่น กระทั่งสอบถามบ