"เย่เผยหนิง" ทุ่มทุนประมูลสร้อยไข่มุกโบราณ เพียงเพราะต้องการเอาชนะคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้า แต่เหตุไฉนสร้อยไข่มุกที่ได้มา กลับนำพาดวงวิญญาณของเธอ ข้ามกาลเวลามาเป็นภรรยาในยุค 70
View Moreแรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่มีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับมีเครื่องประดับที่มีความพิเศษซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ
เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเหมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเองตามหานายหญิงไปด้วย...
ตอนที่ 1 สร้อยไข่มุกเป็นเหตุ
เย่เผยหนิง นักแสดงมากฝีมือที่ถือครองตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่ง ถึงจะมี ใครบางคน บอกว่าเธอเป็นนางร้ายอันดับสอง แต่เธอไม่ยอมรับเพราะเธอมั่นใจว่าเธอคือที่หนึ่ง!!
วันนี้ก็เช่นกัน!! เมื่อคนที่ไม่ชอบหน้าต้องการประมูล สร้อยไข่มุกโบราณ มีหรือที่ หนิงหนิง คนนี้จะยอม กู้เจ้าหรู นางร้ายอันดับสอง (ที่เธอประเคนอันดับให้) ไม่มีทางที่นางร้ายอันดับสองจะได้ไปครองง่าย ๆ หากง่ายไปมันจะสนุกอะไร เธอก็ต้องฟาดฟันเอามาเป็นของตัวเองให้ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะชอบหรือไม่ได้ชอบสร้อยเส้นนั้นก็ตาม แต่หากคนที่ไม่ชอบหน้าอยากได้ เธอก็พร้อมสวมบทบาทอยากได้ขึ้นมาทันทีเช่นกัน
ได้กลั่นแกล้งคนที่ตัวเองไม่ชอบ และยังได้ทำบุญด้วย เพราะงานนี้เป็นงานประมูลเพื่อการกุศล ชื่อเสียงก็ตามมา บุญก็ได้ทำ ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด... ได้เอาชนะกู้เจ้าหรู เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม
"หนิงหนิง... เจ๊ว่ามันแพงไป" ผู้จัดการร่างชายใจหญิงกระซิบบอกนักแสดงในสังกัดทันที
"อย่าคิดมากเลยเจ๊ซันนี่ ถือว่าทำบุญด้วย เจ๊ก็แค่ยื่นหน้าสวย ๆ ให้เขาแซะภาพก็พอ" ...ไม่แพงหากสามารถเอาชนะคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าได้!!
การประมูลวัตถุโบราณมากมายหลายอย่าง แต่นางร้ายทั้งสองกลับไม่สนใจสิ่งของอย่างอื่นนอกจากสร้อยไข่มุก ซึ่งทั้งสองฝ่าย ต่างได้ข่าวจาก วงใน มาว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการสร้อยมุกเส้นนี้!!
การประมูลสร้อยไข่มุกดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีราคาสูงกว่าอย่างอื่นที่นำมาประมูลในงาน สองสาวส่งยิ้มการตลาดให้คนรอบข้าง รวมถึงส่งยิ้มให้กันและกันอีกด้วย ทุกคนอาจเห็นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน นักข่าวต่างบอกว่านางร้ายทั้งสองนั้นช่างมีจิตใจที่ดี แข่งประมูลสร้อยไข่มุกเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับงานการกุศลในครั้งนี้
อาจเพราะฝีมือการแสดงของทั้งคู่ที่ยากจะหาใครเทียบได้ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งสองกำลังแข่งขันเอาชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย หากไม่ใช่คนสนิท รับรองไม่มีใครรู้ และคนสนิทที่รู้ก็เพราะได้ยินจากปากของเจ้าตัวเท่านั้นที่เป็นคนบอก
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม เสนอราคาเพิ่มเรื่อย ๆ สองสาวไม่กลัว แต่ผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เริ่มเหงื่อตก บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพื่อไม่ให้นักแสดงในสังกัดได้สร้อยเส้นนั้นมาครอง เพราะดูยังไงสร้อยเส้นนั้นไม่ได้มีราคาสูงมากขนาดนั้น
เพราะความใจบุญของสองสาว ทำให้ต้องใช้เวลาในการประมูลสร้อยไข่มุกนานกว่าสิ่งของอย่างอื่น จึงทำให้คนจัดงานประมูลขอเวลาพักการประมูลก่อน 30 นาที แล้วค่อยเริ่มประมูลใหม่อีกครั้ง ผู้จัดงานต้องเชิญนักแสดงทั้งสองคนเข้าไปหารือในห้องรับรอง ทั้งสองฝ่ายต่างแยกเข้าห้องรับรองคนละห้อง ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ
เวลาผ่านไปไม่ถึง 20 นาที นางร้ายทั้งสองก็ออกจากห้องรับรองด้วยรอยยิ้ม ที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่า ก่อนจะแยกย้ายให้นักข่าวถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่นักข่าวอยากรู้ ซึ่งเรื่องที่นักข่าวไม่ถามไม่ได้เลย นั่นคือเรื่อง สร้อยไข่มุกโบราณ สรุปแล้วใครเป็นคนได้ไปครอบครอง
"เรื่องนี้คงตอบไม่ได้ค่ะ หนิงหนิงรับปากเจ้าของงานไว้แล้ว ขอโทษพี่ ๆ นักข่าวด้วยนะคะ" หนิงหนิงพูดด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย ถึงแม้ว่าจะตอบไม่ได้... แต่ทุกคนก็มั่นใจว่าสร้อยไข่มุกเส้นนั้นต้องตกเป็นของนางร้ายที่ชื่อหนิงหนิงอย่างแน่นอน
รอยยิ้มที่เกินความจำเป็นนั่นแหละที่บ่งบอกว่าต้องเป็นเช่นนั้น!!
หนิงหนิงปรายตามองหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนให้นักข่าวสัมภาษณ์ คำพูดและรอยยิ้มนั้นไม่ต่างจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว พอได้เห็นอย่างนั้นแล้ว หนิงหนิงก็นึกปรบมือให้ เจ้าหรูพัฒนาฝีมือไปอีกขั้นแล้ว ทำเหมือนตัวเองได้สร้อยไข่มุกเส้นนั้นไปครอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็นของเธอเรียบร้อยแล้ว
"เจ๊ไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่ชอบกันนักหนา ถามร้อยรอบก็ไม่ได้คำตอบสักที บอกบุญเจ๊หน่อยเถอะ!! เพราะอะไร หรือไปเที่ยวบาร์โฮสต์แล้วหมายตาคนเดียวกัน เลยแย่งกันงี้ปะ!! " ผู้จัดการมือทองมองนักแสดงสาวที่ตัวเองเป็นคนดูแล พร้อมรอคอยคำตอบที่ตัวเองเฝ้าถามมานาน แต่ก็ไม่ได้คำตอบสักที
"ไม่รู้เหมือนกันเจ๊ อาจเป็นตอนที่แย่งตุ๊กตา หรืออาจเป็นตอนที่แย่งเสื้อผ้ามั้ง จำไม่ได้เหมือนกัน" หนิงหนิงตอบไปตามความจริง จำไม่ได้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน รู้แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบเท่านั้นเอง
"โอ๊ย... ตอบแบบอื่นบ้าง เจ๊ได้ยินคำตอบนี้มาจนท่องจำได้แล้วเนี่ย! และก็เลิกดูสร้อยนั้นได้แล้ว อยากได้ทำไมไม่ไปซื้อตามร้าน มีมากมาย ถูกกว่าด้วย" พูดพร้อมกับมองไปที่สร้อยไข่มุกอย่างขนลุกขนพอง ราคาของมันทำให้ผู้จัดคนสวยกลัวเลยแหละ ทำงานอีกนานเท่าไหร่ถึงจะพอจ่ายสร้อยเส้นนี้
"ทีหลังเจ๊ก็อย่าถาม ก็คนไม่รู้จริง ๆ " หนิงหนิงมองค้อนผู้จัดการก่อนที่จะก้มมองสร้อยไข่มุกต่ออย่างมีความสุข
"ถามจริง ต้องการเอาชนะอย่างเดียว หรือว่าชอบสร้อยนี่จริง ๆ เห็นลูบ ๆ คลำ ๆ ตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว" ตอนแรกนึกว่าอยากเอาชนะอีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำ แต่ดูแล้วเหมือนจะชอบสร้อยเส้นนี้เอามาก ๆ
"ไม่ได้สุขใจที่ได้มาครอง... แต่สุขใจที่เอาชนะอีกคนได้ต่างหากเล่า!! " หนิงหนิงตอบพร้อมกับหัวเราะชอบใจ แต่ในใจลึก ๆ กลับรู้สึกชอบสร้อยเส้นนี้ ทั้งที่มันก็ดูธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับถูกใจอย่างบอกไม่ถูก
คืนนั้นคือคืนที่เย่เผยหนิงหลับไปอย่างมีความสุข สุขที่ได้ครอบครองสร้อยไข่มุกที่คนอีกคนอยากได้ สุขที่เห็นอีกคนพยายามแสดงละครตบตานักข่าว ทำเหมือนว่าตัวเองได้ครอบครองสร้อยไข่มุกโบราณ...
แต่ไหนเลยจะมีใครรู้... ว่าสร้อยไข่มุกนั้นมีทั้งหมด 2 เส้น และนางร้ายทั้งสองต่างก็ได้ครอบครองคนละเส้น อย่างที่หมายปอง..
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น
ตอนที่ 42 หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมวันนี้เป็นวันแรกที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมทั้งหลาย หนิงหนิงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุด เตรียมข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เพื่อรอเด็ก ๆ โดยมีเหอเหรินกับเหอหมิงเป็นผู้ช่วยส่วนฉิงหมิงกับเหอหยวนไปช่วยกันทำในงานอยู่ตรงสวนหลังบ้าน เขาต้องรีบจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่โตเร็วกว่าปกติให้เรียบร้อย เพื่อส่งขายให้ตระกูลจ้าวที่จะมารับสินค้าเย็นนี้ ผลผลิตชุดนี้เป็นชุดแรกของปี และเป็นชุดแรกที่มียอดผลผลิตจำนวนมาก ที่น่าอัศจรรย์ใจมากกว่าสิ่งอื่นนั่นคือ.. เห็ดที่ภรรยาเพาะมีจำนวนมาก แม้แต่ภรรยาที่เป็นคนทำยังตกใจกับผลผลิตที่ได้ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิ่งเข้าออกหน้าบ้านหลังบ้านนั้นคือย่า เพราะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เรียกร้องความสนใจย่าได้มากที่สุดคือสวนผักที่อยู่หลังบ้าน บ่อปลา และโรงเพาะเห็ด จากตอนแรกไม่อยากจะมา หลีกเลี่ยงตลอด ตอนนี้กลับกำลังเพลิดเพลิน ไม่อยากกลับไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วหนิงหนิงมองย่าทีไรก็ต้องยิ้มตามทุกครั้ง เพราะย่ามีสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด พอรู้ว่าจะมีเด็ก ๆ มา ย่ายิ่งชอบใจ เหมือนได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ย่าอยากทำ พอ
ตอนที่ 41 คุณรู้ไหม... คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวันเหตุการณ์เติมเชื้อเพลิงปาระเบิดในครั้งนั้น ผลออกมาเป็นเช่นไร หนิงหนิงไม่ได้สนใจรอดูผลงานของตัวเอง เพราะเธอมีงานมากมายที่ต้องทำ คนพวกนี้เล่นสนุกได้เป็นบางครั้ง แต่อย่าเอามาทำให้เสียเวลาชีวิต จะรักกันหรือตีกันก็ตามสบาย เจอหน้าเมื่อไหร่ก็โยนเชื้อไฟให้เมื่อนั้นเท่านั้นเอง"น่าจะเรียกย่าไปร่วมสนุกด้วย... เสียดายจริง ๆ " ซูหรงได้ยินที่หลานสาวเจอกับคนบ้านเดิมทีไรก็เสียดายทุกครั้ง เธอชอบใจที่หลานสาวสู้คน มีการเอาคืน ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ "ฉันไม่รู้ว่าจะเจอพวกเขา พอเจอแล้วมันก็นึกถึงตอนที่ตัวเองโดนรังแก เลยไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ " หนิงหนิงบอกกับย่าพร้อมกับหัวเราะท่าทางการแสดงออกของย่าที่พร้อมสนับสนุนหลาน ทั้งที่หลานสาวจะไปมีเรื่องกับคนอื่น"ระวัง... อาหมิงรู้... " หลี่อี้เตือนลูกสาว เพราะรู้ว่าลูกเขยรักและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก รักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ความยับยั้งชั่งใจเกี่ยวกับภรรยาไม่มีเลย ไม่เคยเขินอาย อยากกอดรัดภรรยาเวลาไหนก็ทำเลย ไม่ได้สนใจสถานที่หรือสนใจผู้คนรอบข้าง ไม่มีอายใคร ไม่มีเกรงใจหากคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเขยเป็นหนั
ตอนที่ 40 สวัสดีน้องสาวสุดที่รักนับเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนที่พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดินเองได้ เท่านี้ก็ถือว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาแล้วสองสามีภรรยารู้ดีว่าที่อาการพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นเพราะอะไร แต่ทั้งสองก็ได้แต่เงียบไว้เท่านั้นเองส่วนอาการของเย่อี้เตอยังไม่เห็นผลอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้มีการรักษาแบบเดียวกัน ต้องยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่ฉลาด รู้จักพูด รู้จักเข้าหาคนพอรู้เรื่องคนป่วยอีกคนที่มีอาการดีขึ้น หลีเฟิงเลยเข้าไปคุยกับหมอพร้อมเสนอแนวทางให้หมอช่วยรักษาแบบเดียวกัน จะได้มีการเปรียบเทียบว่า การรักษาแบบเดียวกันสามารถหายเหมือนกันได้ไหมซึ่งตอนนั้นหมอก็ต้องการคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะได้แก้ไข จึงทำให้เย่อี้เตอกลายมาเป็นคนไข้พิเศษเช่นเดียวกันกับพ่อของหนิงหนิงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะว่าลูกชายคนโตยังทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งพ่อและแม่ในส่วนของแม่เลี้ยงนั้นอาการยังเหม
Comments