Home / โรแมนติก / พระชายาตำหนักเย็น / ตอนที่ 09 กลายเป็นนางกำนัลของฝ่าบาท

Share

ตอนที่ 09 กลายเป็นนางกำนัลของฝ่าบาท

Author: Jiraiyajung
last update Last Updated: 2024-12-11 13:51:13

หลานเสวี่ยงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงนอน ทั้งที่กำลังฝันหวานถึงพระเอกในดวงใจของตน แต่ต้องมาตื่นเพราะเสียงระบบที่ดังจนนึกว่ามีสงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นแล้วในมิติ นางจึงออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก ก่อนจะตรวจดูมันฝรั่งใบเขียวสวยของตนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

เมื่อได้ฟังจากปากของเหมย และหยาง นางก็อดสงสารไม่ได้ ผู้คนในยามนี้อดอยากปากแห้ง บางคนมีเงินทองแต่จะซื้ออะไรได้ ต้องอดมื้อกินมื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าคนยากไร้ที่รอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ 

ถ้าเป็นในยุคปัจจุบันพวกเขาคงกลายเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว ทำให้ทางการต้องรีบช่วยเหลือ แต่ในยุคนี้ปากเสียงถูกปิด พูดอะไรไม่ได้มาก หลานเสวี่ยพอรู้ว่าในยุคนี้ขุนนางเลวมีเยอะอย่างกับดอกเห็ด บางทีทางการอาจจะช่วยเหลือแต่ถูกพวกนั้นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ส่วนที่เหลือก็ไม่พอความต้องการ

แม้ในตอนนี้มันฝรั่งที่ปลูกได้จะเยอะขึ้นแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอถ้าเป็นเช่นนั้น อีกอย่างเพิ่มพื้นที่การผลิตสูงสุดแล้ว จนคะแนนไม่พอ เพราะราคาจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้มา สี่สิบตารางเมตร คะแนนคงเหลือ 100 จะทำอะไรคงต้องระวังตัวมากกว่าเดิม แต่ปัญหาหลักอีกอย่างคือถุงมิติที่ใกล้จะเต็มแล้ว

ตอนนี้นางออกจากมิติเพราะคนพวกนั้นออกไปหมดแล้ว ออกมาก็มีแต่ความมืดไม่มีแสงไฟส่องถึงเลย เพราะเป็นสวนหลวงที่ห่างไกล นางจึงรีบเดินด้วยขาเล็ก ๆ ให้ถึงตำหนักเย็น

แต่แล้วร่างแบบบางก็หมุนตามแรงที่รั้งแขนเล็กของเธอ หลานเสวี่ยถึงดึงจนลอยไปตามแรงของใครบางคน ดีที่เธอดื่มน้ำพุไม่อย่างนั้น แขนคงหลุดไปแล้วแน่ ๆ ใครกันที่ทำแบบนี้ แต่แน่ ๆ ไม่ใช่คนดี นางจึงรีบสะบัดแต่ก็ถูกรวบเอาไว้ทั้งตัว เมื่อหมดทางสู้แล้วจึงยอมนิ่ง เอาจริงคือหมดแรง 

“ท่านเป็นใครกัน ถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ รู้ไหมว่าข้าเป็นใครถ้ายังไม่ยอมปล่อยหัวหลุดออกจากบ่าแน่” กัดฟันพูดด้วยความโกรธ

แต่เขาเพียง หัวเราะเยาะเธอเสียอย่างนั้น ถ้าเธอแข็งแรงกว่านี้ ไม่ปล่อยก็ใบหน้ายียวนของเขาไร้รอยขีดข่วนแน่

“ปล่อยสิ ถ้าไม่ปล่อยเจ้าได้ตายจริง ๆ แน่” ตอนนี้เข้าไปในมิติก็ไม่ได้ เพราะเขากอดเธอไว้ ระบบจึงไม่ให้เข้าไป ยุ่งยากจริง ถูกกอดจากด้านหลังมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่ร่างกายกำยำล่ำสัน ตัวสูงใหญ่ มีกลิ่นหอมคุ้นเคยอยู่นิดหน่อย คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่ไม่ใช่ทหารแน่ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย

“ท่านต้องการอะไรหรือ ทำไมถึงจับข้าไว้เช่นนี้ รีบปล่อยเถอะชายหญิงไม่ควรทำแบบนี้” 

ทันทีที่พูดจบก็เหมือนมีแสงจากโคมไฟส่องมา หรือมีคนกำลังมา

“เจ้าไม่รอดแน่ เจ้าโจรชั่ว ถ้ายังไม่รีบปล่อยเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” 

“โง่เง่า”  พูดเสียงเยาะเย้ย

หลานเสวี่ยกัดฟันกรอดรอให้ทหารมาเห็นเขาจะไม่พูดแบบนี้อีก มีคนสองสามคนถือโคมไฟมาใกล้จนถึงตัว แต่เขายังไม่ขยับตัวเลย หลานเสวี่ยกำลังจะเอ่ยปากแต่คนที่พึ่งมา พูดตัดหน้าก่อน

“ฝ่าบาท เหตุใดถึงเดินเร็วเช่นนี้ กระหม่อมวิ่งตามไม่ทันแล้ว” ขันที่อาวุโส หายใจเหนื่อยหอบ มือเหี่ยวใช้ผ้าปาดเหงื่อตัวเอง พร้อมกับนางกำนัลสองสามคน และทหารองครักษ์

“ข้ารีบมาจับโจร กลัวมันจะหนีไปก่อน” 

หลานเสวี่ยเหงื่อแตกพลั่ก ใจเต้นตึกตัก ไม่คิดว่าจะเป็นสามีตัวเอง แถมยังเคยจะฆ่ากันอีกด้วย เวรกรรมจริง ๆ ที่พูดไปเมื่อกี้อย่าคิดมากเลยนะ แต่ทำไมบอกว่าเธอเป็นโจรละ หรือรู้เรื่องค้าขายในวังแล้วเหรอ แบบนั้นต้องหาโอกาสหนีจากตรงนี้

“ขอประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ที่ไม่รู้ว่าเป็นฝ่าบาท หม่อมฉันทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าพระองค์ได้โปรดอย่าถือสาเลยเพคะ” เสียงอ่อนลง

“ทีแรกเจ้าว่าข้าจะหัวหลุดออกจากบ่า แบบนี้เรียกว่าก่อกบฏแล้ว เราควรจับตัวเจ้าไปให้ม้าแยกร่างดีหรือไม่?” 

“ไม่ดีเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วโปรดไว้ชีวิตด้วย” 

อะไรกัน แค่นี้ก็จะโดนลงโทษแล้วเหรอ ชีวิตน้อย ๆ ของนางจะจบลงตรงนี้ไม่ได้นะ

“ฝ่าบาท ให้กระหม่อมจัดการให้เถิด เดี๋ยวพระองค์จะเป็นอันตราย” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองรีบเข้ามา

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย หม่อมฉันไม่ทราบจริง ๆ เพคะ” 

คำพูดของนางไม่เข้าหูเลยหรือ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนจู่โจมจากข้างหลัง แถมยังทำให้นางมีความผิดอีก จงใจทำแบบนี้สินะ

“เช่นนั้นก็เดินตามข้ามา ชื่อจางเสี่ยวหลงใช่หรือไม่” 

“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันเอง” 

เดินตามเขามาถึงตำหนักอันกง จากนั้นก็เข้ามาในห้องหนังสือของเขาแค่สองคน ส่วนฉ่างกงกง กับหัวหน้าองครักษ์อยู่นอกห้อง

“อยู่รับใช้ข้าที่นี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คนส่งข่าวบอกไทเฮา ว่าขารับเจ้ามารับใช้ตำหนักอันกง” 

“เพคะ” เดี๋ยวเป็นนางกำนัลเหรอ ไม่ได้อยู่ในแผนนี่นา 

“ทำไมสีหน้าไม่พอใจ หรือไม่อยากรับใช้ข้า” มองตาดุ

“มิกล้า หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนัก เป็นบุญของหม่อมฉันที่ได้รับใช้ฝ่าบาทเพคะ” 

“เป็นเช่นนั้นก็ดี เอาล่ะช่วยในหมึกให้ข้าหน่อย” 

หลานเสวี่ยจำใจทำงานที่นี่ รอให้กลับไปก่อนแล้วจะหายไปไม่ให้เจออีกแน่ ซึ่งงานแรกที่เธอได้รับมอบหมายคือฝนหมึก ง่าย ๆ เพราะอยู่ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิมอยู่แล้ว

เวลาผ่านไปประมาณสองถ้วยชา แต่หลานเสวี่ยยังไม่สามารถในหมึกออกมาได้เลย นางทั้งใช้แรงกด ใช้ความเร็วทุกวิถีทางแต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะได้เรื่อง สงสัยมันคงถูกฝังในความทรงจำแล้วมั้ง

“ไทเฮารับเจ้าเข้าวังได้อย่างไรกัน แค่ฝนหมึกยังทำไม่ได้ เอาเถอะข้าจะสอนให้แค่ครั้งเดียวจงจำให้ขึ้นใจ”

“เพคะ” ก้มหน้ารับความผิด ใครจะเคยฝนหมึกกันล่ะ

ยังไม่รอให้คิดมาก มือหนาของเขาก็กุมมือเรียวของนางเอาไว้ ก่อนจะเคลื่อนไหวจับแท่งหมึก ขัดไปมาเป็นวงกลมช้า ๆ แท่งหมึกที่แข็งแกร่งเมื่อถูกเสียดสีก็กลายเป็นน้ำหมึกสีดำเข้มบนจานฝนหมึก หลานเสวี่ยถึงเข้าใจว่าเธอต้องใจเย็นกว่านี้

“เข้าใจหรือไม่” 

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” หลานเสวี่ยสบตากับเขา ทำให้รีบเอามือออกมาทันที เพราะความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อมองดวงตาคู่นั้น ถ้าหากเขารู้ว่าเธอเป็นใคร เขายังจะให้เธอมีชีวิตอยู่อีกเหรอ  เธอต้องหาทางหนีไปให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

เมื่อฝนหมึกเสร็จดีแล้ว เขาก็ไปนั่งอ่านฎีกาที่กองอยู่บนโต๊ะไม่ นางจึงทำหน้าที่ยกชาไปให้ แล้วกลับมายืนง่วงนอนอยู่ข้าง ๆ ง่วงนอนใจจะขาด ผ่านมาแล้วเกือบหนูชั่วยามแต่เขายังคงอ่านไม่ยอมหยุด

“ฝ่าบาท นี่ก็ยามจื่อใกล้จะถึงยามโฉ่วแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้วเพคะ”  คนมันง่วงนอน จะบ้างานทำไมขนาดนี้

“เจ้าคงอยากนอนแล้วกระมัง เช่นนั้นก็ไปนอนเถิด” 

“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา”  หลานเสวี่ยยิ้มแก้มปริ คิดถึงเตียงนอนจะแย่อยู่แล้ว

“นอนที่ตำหนักอันกงนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไม่เอาของใช้ของเจ้ามา” 

“คงไม่ดีหรอกเพคะ หม่อมฉัน...”

หลานเสวี่ยมองตาเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งอะไร ถ้าขืนเธอขัด มีหวังหัวหลุดออกจากบ่าแน่ เมื่อออกมาจากห้องนางก็ถูกพามาที่เรือนของนางกำนัล ในห้องมีเหล่านางกำนัลอีกหลายคน ใครจะคิดว่าชีวิตต้องลำบากแบบนี้ อยู่ในตำหนักเย็นดีจะตาย

“ข้าน้อยจางเสี่ยวหลง ขอฝากตัวกับทุกคนด้วย” 

หลานเสวี่ยมาถึงก็ทำความรู้จักกับนางกำนัลในที่นี้ก่อน แต่ดูแล้วจะสนิทยากนิดหน่อย

“ไปพักเถอะ นั้นห้องของเจ้า” 

“เจ้าคะ” 

ในห้องแคบมาก มีแค่ที่นอนเล็กอันเดียวก็คับห้องแล้ว อย่างกับห้องนอนแคปซูล จะยังไงก็ตามพรุ่งนี้ค่อยคิดดีกว่าดึกแล้วไม่อยากนอนดึกอีก เดี๋ยวได้ตายจริง ๆ 

ยังนอนไม่เต็มอิ่มนางก็ถูกปลุก เพราะได้เวลาทำงานแล้ว ปกตินอนตื่นเกือบเที่ยงตอนนี้ตื่น สี่โมงเช้าเข้านอนไม่ถึงห้าชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ไม่ไหวแล้ว

“หัวหน้าเจ้าคะ นางไม่ยอมตื่น” นางกำนัลอีกคนวิ่งมาบอก

“ช่างเถอะ เราไปกันก่อน” หัวหน้านางกำนัล สีหน้าร้อนใจ เพราะมัวแต่รอหลานเสวี่ยจนจะทำให้เริ่มทำงานช้าไปด้วย ถ้าผิดพลาดอาจโดนลงโทษคงแย่แน่

หลานเสวี่ยคืนมาอีกครั้งก็ตอนแปดโมง เป็นการตื่นเช้าที่สุดในชีวิตเลย เมื่อมองดูรอบ ๆ ไม่มีคนอื่นก็รีบก้าวเท้าออกไปจากเรือนนางกำนัล เพื่อจะออกไปจากตำหนักแห่งนี้ 

เมื่อเดินออกมานางได้สวมเสื้อผ้าของนางกำนัลตำหนักอันกง ทหารยามจึงไม่ขัดขวางอะไร ทำให้ทางสะดวก พอก้าวเท้าออกจากตำหนัก นางก็ดันเจอเข้ากับขบวนของ ไทเฮา ที่กำลังมาถึง ข้าง ๆ ยังมีสาวงามเป็นสนมคือหลี่ผินนี้เอง

“ คารวะไทเฮา คารวะพระสนมหลี่ผิน” ย่อตัวทำความเคารพตามธรรมเนียม

“ข้ามาพบฝ่าบาท จงนำทางไปเถิด” สตรีผู้นี้ดูใจดีมาก ๆ แต่หลี่ผิน ที่ทำให้เหมยบาดเจ็บหนัก แทบจะตายไปแล้วถ้านางมาช่วยไม่ทัน สิ่งนี้หลานเสวี่ยไม่เคยลืม

“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาททรงเข้าประชุมหารือกับเหล่าขุนนาง ไม่อยากให้ผู้ใดรบกวน”

เป็นจูเหนียง หัวหน้านางกำนัลที่เข้ามาบอก เพราะถ้าถามหลานเสวี่ยที่ไม่รู้เรื่องอะไร นางคงต้องพาทุกคนเข้าไปแน่ เกือบไปแล้ว แต่แล้วหลานเสวี่ยกับต้องมือสั่น เพราะตรงหน้าคือ สนมหลี่ผิน สั่งให้นางกำนัลของตนตบหน้าจูเหนียง จนแดงบวม นางทำได้แค่ก้มหน้าไม่พูดอะไร

“เป็นแค่นางกำนัล กล้ามาขวางเหรอ บังอาจยิ่งนัก ถ้าไม่เห็นแกข้า ก็เห็นแกไทเฮา เจ้าคู่ควรหรือที่จะมาขวาง” 

“หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันแค่ทำตามรับสั่งของฝ่าบาทเท่านั้น” จูเหนียงก้มหน้าลงต่ำพูดด้วยความหวาดกลัว 

“บังอาจ เด็ก ๆ ลากนางไปโบยสิบที” หลี่ผินสั่งด้วยน้ำเสียงโมโห 

“ช่างเถอะ ไม่ต้องเอาเรื่องหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ไทเฮา พาคนของตนกลับทันที 

ส่วนหลี่ผินก็เดินตามไปต้อย ๆ อย่างกับเห็บหมัดคอยติดตามไทเฮา นางผิดเต็ม ๆ ทำไมถึงไร้เหตุผลแบบนี้ ชอบนักเหรอรังแกคนอื่น

“ท่านหัวหน้า เป็นอะไรไหมเจ้าคะ รีบไปทายาเถิด” หลานเสวี่ยเป็นห่วงนางมาก เพราะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรกับนางด้วย เมื่อเช้าก็ปล่อยให้นางได้นอนต่อ ก็ต้องอยากตอบแทน

“ไม่เป็นไร เจ้าอย่ามัวยืนตรงนี้ ไปทำงานได้แล้ว” 

พูดจบนางก็เดินไปข้างใน พอนางกำนัลคนอื่นเห็นก็รีบมาดู ก่อนจะมองมาที่หลานเสวี่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงมองมาด้วยสายตาเช่นนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 53 แม่น้ำสองสายไม่มีทางบรรจบกัน

    หลานเสวี่ยเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน แต่นางยังคงเป็นกังวลเรื่องหลงเยี่ยน แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจ แต่ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ตลอดเวลาหลายวัน นางนอนพลิกไปพลิกมา เพราะเรื่องเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้คงกลับโลกเดิมไปแล้ว เพราะคะแนนเพียงพอ แต่นางยังคงรอให้เขากลับมาก่อน “หวังว่าเขาจะปลอดภัย” นางพึมพำก่อนหลับตาลงวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวจากสนามรบมาถึงเมืองหลวง โดยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ได้ยินว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ทำเอาหลานเสวี่ยใจคอไม่ดี รีบเตรียมน้ำวิเศษเอาไว้รอเขา ร่างเพรียวบางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน เดินไปมาหน้าจวนตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าได้รับชัยชนะนางก็มารอ แม้ทหารยามจะบอกว่าอีกสี่ห้าวันถึงจะมาถึงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งได้ ราวกับมีก้อนไฟที่สุมอยู่ในอกข้างซ้าย นางถึงขั้นนั่งรอตั้งแต่เช้ายันฟ้ามืด โดยหารู้ไม่ว่าหลงเยี่ยนมาถึงแล้ว แต่ใช้ประตูมิติไปที่ห้องหนังสือแทน พอรู้ว่านางรอเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ต่อให้ทำดี ข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เขาได้แต่มองนางอยู่ข้างในจวนราวกับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ความรู้สึก และความต้องการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้เ

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 52 ออกรบอย่างเร่งรีบ

    เช้าตรู่ของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารดังสะท้อนไปทั่วจวน ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ท่าทีเร่งรีบของ แม่ทัพเฉินพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามา “กราบทูลท่านแม่ทัพ! ทัพศัตรูจากแคว้นกุ้ยโจว กับแคว้นหานโจวได้เคลื่อนพลประชิดชายแดนแล้วขอรับ!”หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านรายงานอยู่ เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมปลาบแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ก่อนจะออกคำสั่ง “จัดเตรียมกองกำลัง ข้าจะออกไปบัญชาการศึกด้วยตัวเอง”แม่ทัพเฉินคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลงเยี่ยนลุกขึ้นและเดินผ่านห้องโถง หลานเสวี่ยที่เพิ่งตื่นและได้ยินข่าวลือในจวน รีบตรงไปหาหลงเยี่ยน นางเอกก็แปลกใจอยู่หลายส่วน เพราะต้าเหยียนไม่ใช่เมื่อก่อนที่ขาดแคลนเสบียง แถมตอนนี้กำลังทหารน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนกุ้ยโจว กับ หานโจ คิดทำอันใดอยู่ถึงกล้าทำเช่นนี้ นางเดินมาส่งหลงเยี่ยนอย่างจำใจ ถ้าหากเขาออกไปแล้วนางก็จะไม่ขออยู่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินว่าศัตรูมาประชิดชายแดน ท่านจะไปออกศึกหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลานเสวี่ยเจือความกังวล แม้จะพยายามปกปิดความดีใจของตน“เจ้าคงดีใจ และสาปแช่งให้ข้ามีอันเป็นไปกระมัง ถึงยิ้มออกน

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 51 บทรักต้องห้าม

    หลานเสวี่ยถูกกักบริเวณไว้ในจวนของแม่ทัพ นางไม่สามารถออกไปได้เพราะมีทหารเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคะแนนความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่แปลกคือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับว่านางเปิดร้านเป็นร้อยสาขาไม่นานก็ตกเย็นยังไม่เห็นเงาของหลงเยี่ยนเลย แต่ก็ดีนางคิดในใจ ก่อนจะเดินไปมาในจวน แล้วนึกขึ้นได้เมื่อเห็นทหารยาม“ข้าถามอะไรได้หรือไม่” นางเดินมาถามทหารยาม เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเสวี่ย ทหารยามก็ทำความเคารพอย่างเคร่งครัด สงสัยคงไม่ได้รู้เรื่องของนาง นับว่าฮ่องเต้บ้าอำนาจยังเป็นคนดีอยู่บ้าง“มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” ทหารยามก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“แค่อยากถามเท่านั้นเอง แล้วท่านแม่ทัพหายไปไหนหรือ มืดค่ำเช่นนี้ยังไม่กลับมาอีก” สงสัยคงไม่อยากเจอหน้านางหรือ“ท่านแม่ทัพออกไปแจกเสบียงขอรับ” “เสบียงอะไรหรือ” “แม่นางคงยังไม่รู้ ท่านแม่ทัพเอาเงินส่วนตัวมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้กองทัพ เห็นที่ร้านสะดวกซื้อของท่านสินค้าคงไม่เหลือแล้ว” ทหารยามพูดไปยิ้มไป หลานเสวี่ยจึงพอเข้าใจ ที่แท้เป็นเขาเองหรือที่อยากให้นางกลับโลกเดิมเร็ว ๆ จนใช้วิธีนี้ ชิงชังกันขนาดนั้นเชียวหรือ นางกัดฟันแน่นคิดแล

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 50 เข้าหอย้อนหลัง

    ร่างเพรียวถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้ ไม่ยอมให้ริมฝีปากหวานหนีพ้น มือเล็กอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงหัวใจพลันเต้นโครมครามราวกับกลองศึก เลือกในกายสูบฉีด ไปต่างจากคนตัวโตที่ทุบกำแพงสูงใหญ่ข้ามความกลัวของตัวเอง เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนางไปอีกครั้ง ต่อให้นางยอมตรอมใจตายตามคนอื่น เขาก็จะชุบชีวิตนางขึ้นมา หลงเยี่ยนกอดรัดร่างแบบบางให้แนบชิดแผ่นอก ริมฝีปากหนักหน่วงดันลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน หลานเสวี่ยตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสลิ้นนุ่ม ทว่าทุกอย่างราวกับสายฟ้าแลบ เพียงชั่วอึดใจ นางก็ถูกหลงเยี่ยนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ ความหิวโหยหนักหน่วงไม่ลดละ เข้าไม่ปล่อยให้นางได้หลีกหนี ร่างสูงรวบตัวยาวขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน หลานเสวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่นางกลัวมากเมื่อรู้ว่าถูกพาเข้ามาในห้อง“ฝ่าบาทจะมำอันใดหรือเพคะ...” นางพูดเสียงสั่นเครือ เรียกด้วยสถานะจริงของเขา “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง” หลานเสวี่ยไม่อยากฉวยโอกาส ใช้ร่างกายของคนอื่น แม้ว่าหัวใจนางจะปลิวละล่องไปตามเขาแล้ว“วันนี้เรามาเข้าหอกันใหม่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เป็นของข้าทั้งตัวทั้งใจเถิด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 49 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

    หลงเยี่ยนกระชากแขนเรียวดึงเข้าหาตัว สายตาพลันจับจ้องดวงหน้าสวย ทั้งคู่มองตาไม่กะพริบ มือเรียวดันแผ่นอกเอาไว้ หลงเยี่ยนมองนางด้วยสายตาสับสน เหมือนความคิดของเขาที่ไม่ตรงกัน ยิ่งหลานเสวี่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกความจริง หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา ใบหน้าคมสวยไม่กล้าสบตาคู่นั้น หันไปมองโคมไฟข้างฝาแทน แต่มือหนาประคองแก้มนวลให้หันมาสบตาเช่นเดิม“เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงขนาดนี้เจ้ายังมองข้าเป็นคนอื่นหรือไร บอกความจริงเถิด” หลงเยี่ยนคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าแสดงออกถึงความสับสนและร้อนรุ่มในใจ แต่จะให้หลานเสวี่ยทำอย่างไร หากบอกไปชีวิตนางจะยังเหลือให้กลับบ้านอีกหรือ นางกลัวจนหัวใจเต้นระรัว ร่างกายแบบบางสั่นเทา “ข้าน้อยบอกไม่ได้...ข้าน้อยไม่มีทางคิดเป็นอื่น” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาคู่งามยามจ้องมองฉายแววเศร้าหมอง คิ้วสวยหักลงยามที่นึกถึงชะตากรรมตัวเอง เขารักหลานเสวี่ยมากเท่าใดไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ หากทุกอย่างเปิดเผยถึงคราวนั้นชีวิตจางเสี่ยวหลงจะเป็นยังไง “เหตุใดถึงปากแข็งนัก แค่เจ้าพูดมาข้าก็ช่วยเจ้าได้ หรือที่เจ้าไม่พูดเพราะเกี่ยวกับกวนเหยาหมิง” หลงเยี่ยนพูดพลางบีบมือเรียวสุด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 48 ปากแข็งยิ่งนัก

    หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status