Share

บทที่4 ไม่ให้ไก่

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-09 12:41:57

กัวเหม่ยอิงอ้าปากหาวระหว่างเช็ดผมหลังจากชำระร่างกายเสร็จ เมื่อเช้าเธอตื่นเช้าเกินไป ตอนนี้ก็เลยง่วงขึ้นมา แต่งตัวเสร็จก็ดูลูกสาวครู่หนึ่งจากนั้นจึงเดินออกไปหาสะใภ้รองที่ล้างเห็ดรอ

“เหลืออีกเยอะไหม” กัวเหม่ยอิงถามน้องสะใภ้

“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ แต่หน่อไม้ฉันยังไม่ได้ทำ” สะใภ้รองตอบพลางชี้ไปที่หน่อไม้ในตะกร้า

“ปลาล่ะ”

“ฉันแช่น้ำแล้วค่ะ” สะใภ้รองตอบพร้อมกับชี้ไปที่ถังข้างโอ่ง

กัวเหม่ยอิงเลิกคิ้ว เธอไม่ได้ใส่น้ำให้ปลาตั้งแต่แรกแต่ทำไมปลาถึงยังมีชีวิตอยู่? หากจำไม่ผิดปลาพวกนี้ขาดน้ำได้ไม่นานนี่ ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็เดินไปดูปลาในถัง ข้าง ๆ ถังยังมีทั้งกุ้งแล้วก็ปูแยกอีก

“เสียดายที่ไม่มีปลาไหล” กัวเหม่ยอิงบ่น เธอจำได้ว่าในนิยายหลายเรื่องจะนำปลาไหลไปตุ๋นบำรุงร่างกาย แต่ยังดีที่ได้ปลาหนีชิวมาอยู่บ้าง

“คะ” สะใภ้รองหันมามอง

“ไม่มีอะไร” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวแล้วลุกไปดูไก่ฟ้าที่วางไว้ข้างเตาถ่านที่จุดไฟรอ

กัวเหม่ยอิงต้มน้ำให้เดือด พร้อมกับนำชามมาเตรียมไว้รอการถอนขนไก่ ยังดีที่ไก่พวกนี้มันตายแล้วไม่งั้นเธอคงจะไม่กล้าทำมัน ถึงแม้จะไม่เคยทำแต่ถ้าไม่ทำก็คงจะไม่มีอะไรกิน

“พี่เข้าไปหาคุณแม่หน่อยนะคะ คุณแม่มองหาพี่ตลอดเลย” สะใภ้รองบอก

“อือ” เพราะเธอไม่รู้จะทำตัวยังไงก็เลยไม่ได้เข้าไปดูแม่สามี แต่ก่อนนั้นกัวเหม่ยอิงจะเข้าไปคุยกับแม่สามีทุกวัน แม้จะคุยไม่กี่คำแต่ก็เข้าไปบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนป่วยได้ฟัง พอถิงถิงเข้ามาอยู่ในร่างเธอก็ไปให้เห็นหน้าแค่ครั้งเดียว

“ไก่พวกนี้คงจะเป็นพี่ใหญ่กัวให้มาสินะคะ” เพราะถ้าเป็นคนอื่นพวกเธอก็คงจะไม่ได้มัน

“ใช่”

บทสนทนาระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้ดังขึ้นต่อเนื่องระหว่างล้างคราบดิน แล้วก็ทำความสะอาดของต่าง ๆ ที่ได้มาวันนี้ กัวเหม่ยอิงแล่เนื้อไก่สองตัวให้เหลือแต่กระดูก เนื้อไก่เธอนำไปหมักเค็มจะเอาไปตากแดดให้เนื้อแห้งจะได้เก็บไว้ได้

ส่วนกระดูกเธอนำมารวมกับไก่ที่เหลือ สับให้เป็นชิ้นแล้วนำไปตุ๋นรวมกับเกากี๋ในน้ำเดือด ตอนเย็นจะได้กินแกงไก่หอม ๆ บำรุงร่างกาย

พวกปลา กุ้งแล้วก็ปูที่ได้มากัวเหม่ยอิงขังไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยนำปลาตัวเล็กมาแล่ตากแดดเอาไว้ ส่วนปลาก็ค่อยตุ๋นรวมกันเป็นอาหารพรุ่งนี้ ส่วนผักหวานสะใภ้รองบอกแม่สามีชอบกินมาก เธอจึงจะผัดน้ำมันเย็นนี้ แล้วก็เอาไปต้มใส่เห็ดด้วยส่วนหนึ่ง มันเป็นเมนูที่เธอชอบมาก

กลิ่นไก่ตุ๋นเกากี๋หอมไปทั่วบริเวณบ้าน นาน ๆ ทีจะมีบ้านไหนทำกับข้าวที่มีเนื้อ จึงไม่แปลกที่จะมีคนมาเกาะรั้วดู และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนจากบ้านใหญ่สกุลหานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่

‘บ้านไหนทำอาหารจานเนื้อกันนะ!’ หญิงกลางวัยคน คนหนึ่งโพล่งถาม

‘โอ้ ป้าสะใภ้รองหาน ท่านไม่รู้หรือว่าบ้านสามของพวกท่านได้ไก่มา” คนที่เห็นพี่ใหญ่กัวยื่นไก่ให้กัวเหม่ยอิงพูดขึ้นด้วยความอิจฉา

ตาแก่ที่บ้านกับลูกชายของนางต่างไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ ทำให้พวกนางได้กินเนื้อแค่ตอนที่แจกจ่ายเท่านั้น

‘เนื้อ? ได้ยังไงกัน พวกนางไปซื้อมาหรือ!” เสียงแหลมสูงดังขึ้นด้วยความร้อนใจ

‘ฉันเห็นพี่ใหญ่กัวเอามาให้สะใภ้ใหญ่บ้านสาม ไม่เชื่อก็ถามบ้านจ้าวดู’ นางชี้ไปที่คนสกุลจ้าวที่อยู่บ้านข้าง ๆ ของบ้านสามสกุลหาน ถึงระยะจะบ้านจะห่างกันแต่ก็มองเห็นการกระทำอื่น ๆ

‘อกตัญญู อกตัญญู!’

เสียงข้างนอกยังดังต่อเนื่องแต่กัวเหมยอิงไม่ได้สนใจ แล้วก็ห้ามสะใภ้รองออกไปดูข้างนอก ถึงบ้านจะไม่มั่นคงจริง แต่เธอก็เชื่อว่าบ้านใหญ่ไม่กล้าพังเข้ามา ยังดีที่หลังบ้านนั้นมีรั้วสูงกั้นเกือบสองเมตรอีกรอบ คนข้างนอกก็เลยมองไม่เห็น

“ฉันว่าป้าสะใภ้รองต้องพาคนมาแน่ ๆ เลยค่ะ!” สะใภ้รองเอ่ยด้วยความร้อนใจ บ้านของพวกเธอมีเพียงคนป่วย เด็กและสตรีอ่อนแอสองคน จะสู้คนบ้านหานได้ยังไง

“ยังไงนางก็ไม่กล้าพังบ้านหรอก” กัวเหม่ยอิงส่ายหัว หากบ้านสามของพวกเธอถูกพังบ้านขึ้นมาจริง ๆ คนที่จะต้องเดือดร้อนก็คือบ้านใหญ่สกุลหานไม่ใช่บ้านพวกเธอ

กัวเหม่ยอิงจัดการทำความสะอาดในห้องครัว อะไรที่ควรเก็บและสามารถซ่อนได้เธอก็หาที่ซ่อน และเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่าบ้านหลังนี้มีที่ซ่อนของเต็มบ้าน! แม้แต่พื้นในห้องครัวก็สามารถซ่อนได้ ที่ไม่ได้ซ่อนก็คงจะเป็นไก่ตุ๋นเกากี๋ที่กำลังตุ๋นอยู่

พอจัดการเสร็จเธอจึงให้สะใภ้รองเข้าไปดูแม่สามีส่วนตัวเองเข้าห้องไปดูลูกสาวที่กำลังร้องไห้งอแง ไม่รู้ว่าไม่สบายตัวหรือสัมผัสไม่ได้ว่าไม่มีคนอยู่ใกล้

“โอ๋ ๆ เสี่ยวลู่น้อยตื่นแล้วหรอจ๊ะ” กัวเหม่ยอิงอุ้มลูกสาวขึ้นมาปลอบ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่อุ้มหล่อนก็เงียบเสียงลงอย่างน่าประหลาดใจ

“แอ้!”

“ช่างเลี้ยงง่ายจริง ๆ” กัวเหม่ยอิงหัวเราะ เสียดายที่นี่ไม่มีของเล่นหรือขวดนมให้ลูกสาวได้ดูดเล่นเธอจึงต้องเล่นกับลูกสาวเอง ถึงเธอจะเป็นแม่ของหล่อนแต่เธอก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กแบบนี้มาก่อน แต่ยังดีที่มีความทรงจำจากกัวเหม่ยอิงอยู่ และก็รู้ว่าหล่อนรักลูกสาวมาก

‘สะใภ้ใหญ่! สะใภ้รอง!’

เสียงตะโกนจากด้านนอกทำเอาหานเมิ่งลู่หรือเสี่ยวลู่น้อยของเธอสะดุ้ง กัวเหม่ยอิงรีบคว้าเอาร่างลูกสาวที่กำลังจะอ้าปากร้องขึ้นมาปลอบ

“โอ๋ ๆ หนูตกใจหรอจ๊ะ ไม่ต้องตกใจจ้ะ แค่เสียงนกเสียงกา” กัวเหม่ยอิงหันไปยังทิศทางของเสียงอย่างไม่พอใจ ลูกของเธอกำลังอารมณ์ดีแท้ ๆ

“เธอพาเสี่ยวลู่เข้าไปหาคุณแม่ก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

กัวเหม่ยอิงอุ้มลูกสาวตัวน้อยออกจากห้องก่อนจะส่งให้สะใภ้รองที่ออกมาจากห้องของแม่สามีเช่นกัน สะใภ้รองที่ไม่กล้าปฎิเสธพี่สะใภ้ก็ทำได้เพียงอุ้มหลานเข้าห้องไป ส่วนตัวกัวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้ออกไปเปิดประตูให้คนข้างนอก แต่เธอเข้าไปดูตุ๋นไก่ที่กำลังเคี่ยวได้ที่

‘มาเปิดประตูสิ!’

ตุ้บ! ตุ้บ!

‘เคาะแรง ๆ!’

‘เคาะจนกว่าพวกมันจะเปิด!’

‘บ้านใหญ่สกุลหานทำเกินไปแล้ว’

‘อย่ามายุ่ง! เจ้าเคาะแรง ๆ สิ!’

กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับเสียงข้างนอก และเนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านดิน พอมีคนเคาะบ้านแรง ๆ เศษดินแห้งที่ผุพังก็เริ่มหล่นลงมา กัวเหม่ยอิงถอนหายใจ เธอไม่มีทางเลือกเลยในเวลานี้

“ป้าสะใภ้ใหญ่มีอะไรหรือเปล่าคะ ตอนนี้เสี่ยวลู่กับคุณแม่กำลังพักผ่อน กรุณาอย่าส่งเสียงดังค่ะ” ถึงอยากจะตะโกนกลับว่าอย่าเสียมารยาทแต่เธอก็ทำไม่ได้

‘เปิดประตูสิ!’

“ฉันไม่ว่างค่ะ” กัวเหม่ยอิงยืนอยู่หลังประตูไม้ที่เหลืออีกนิดเดียวก็จะหัก

‘เธอทำอะไร? ได้ไก่มาไม่คิดจะเอาไปให้พวกฉันหรือยังไง!’

เมื่อกลางวันตอนนางถึงบ้านก็ถูกแม่สามีด่าที่ไม่สามารถหาผักหวานให้ได้ และยิ่งถูกด่าเพิ่มไปอีกที่เอาผักจากหลานสะใภ้ไม่ได้ และไม่นานมานี้น้องสะใภ้ของนางก็ไปบอกว่าบ้านสามได้ไก่จากบ้านกัวนางจึงยอมไม่ได้!

โดยปกติหากบ้านสามได้เนื้อสัตว์มาพวกนางแค่เปิดประตูเข้าไปเอาของก็ไม่มีใครกล้าว่า ยิ่งคนให้อย่างบ้านกัวก็ไม่มีใครกล้าปริปากไม่อย่างนั้นลูกสาวคนเล็กก็จะถูกสั่งสอน พวกนางจึงได้ใจ แต่วันนี้พวกมันกลับลงกลอนประตูเอาไว้อย่างรู้ทัน

“ไก่พวกนี้พี่ใหญ่ของฉันเป็นคนให้มา คงจะเอาให้บ้านใหญ่ไม่ได้หรอกค่ะ” กัวเหม่ยอิงตอบอย่างใจเย็นทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะด่ากลับไปแล้ว วันนี้เข้าป่าเหนื่อย ๆ ควรจะได้พักแต่กลับมีเรื่องวุ่นวายทั้งวัน

‘ใช่ ๆ ไก่พวกนี้พี่ใหญ่กัวเอาให้สะใภ้ใหญ่บ้านสาม’

‘บ้านใหญ่หานก็จริง ๆ’

‘ฉันเห็นพวกนางเอาของบ้านสามไปตลอด!’

‘ดีจริง ๆ ที่ครั้งนี้สะใภ้ใหญ่ไม่เอาให้’

‘หุบปาก!’

กัวเหม่ยอิงยกยิ้มมุมปาก ถึงบ้านใหญ่สกุลหานจะมีพวกเยอะแต่พวกเขาก็ไม่กล้าผลีผลามขนาดนั้น กฎตอนแยกบ้านยังมี ไหนจะคนในหมู่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านอีก อีกอย่างถึงคนสกุลหานจะเป็นแบบนี้แต่พวกเขายังหน้าบางยิ่ง

“ฉันทำน้ำแกงให้คุณแม่ไปหมดแล้วล่ะค่ะ หากป้าสะใภ้อยากได้ก็ลองไปขอซื้อจากพี่ชายฉันดู” กัวเหม่ยอิงว่าเสียงเรียบแล้วเดินหนีจากหน้าประตู

‘จะไปไหน!’

‘ออกมาให้ฉันคุยด้วยสิ!’

‘ไม่ได้ยินหรือยังไง’

‘บ้านสามช่างน่าสงสารจริง ๆ ”

‘บ้านใหญ่หานก็จริง ๆ คนป่วยกับเด็กก็พักอยู่ยังมากวนได้’

‘ใช่ ๆ’

‘กลับสิ! จะยืนอยู่ทำไม!’

เห็นทีบ้านหลังนี้คงจะอยู่ยากแล้ว ความปลอดภัยก็ไม่มีอะไรเลย ยิ่งไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยแล้วยิ่งยากไปใหญ่

“หล่อนหลับหรือ” กัวเหม่ยอิงเดินเข้าห้องแม่สามีแล้วเห็นเสี่ยวลู่นอนอยู่ข้าง ๆ

“ใช่ค่ะ” สะใภ้รองพยักหน้า

“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” กัวเหม่ยอิงนั่งลงบนตั่งข้างเตียงเตาที่แม่สามีนอนอยู่

แม่สามีของเธอล้มป่วยไม่มีเรี่ยวแรงหลังจากพ่อสามีเสียไปแต่ก็ไม่ถึงกลับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ร่างกายส่วนบนยังขยับได้และก็มีอาการอ่อนแรงเท่านั้น

แม่สามีส่ายหัว“เธอไม่น่าไปมีปากมีเสียงกลับพวกเขา” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะรับเอาน้ำอุ่นที่กัวเหม่ยอิงยื่นให้ขึ้นจิบ

ที่พวกนางยังอยู่กันได้แบบนี้ก็เพราะบ้านใหญ่คิดว่าคุมพวกนางได้จึงไม่ลงมือทำอะไร แต่หากมีเรื่องกันแล้วพวกนางก็คงต้องระวังตัว

“ช่างเถอะค่ะ ของพวกนี้พี่ใหญ่ของฉันเอาให้ หากให้พวกเขาไปอีกเดี๋ยวรอบหลังเราจะไม่ได้” ใช่แล้ว ช่วงหลัง ๆ มานี้พวกนางจะได้เนื้อสัตว์เดือนละครั้ง และส่วนมากบ้านกัวจะปรุงแล้วจึงเอามาให้ ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงจะไม่ได้กิน

“ฉันน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่พวกเธอยังต้องอยู่อีกหลายปี” แม่หานถอนหายใจให้ลูกสะใภ้

ไม่รู้ว่าทำไมบ้านของพวกนางจึงมีแต่ปัญหา สามีของนางก็พลีชีพในการปฏิบัติหน้าที่ ยามนี้ลูกชายคนโตของนางก็พลีชีพไปอีกคนปล่อยให้เมียมาดูแลนางพร้อมกับลูกสาวที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน ไหนจะลูกสะใภ้คนรองที่ไม่ว่าใครจะบอกอะไรก็เชื่อฟังไปหมด หากเป็นคนอื่นยามนี้หล่อนคงจะกลับบ้านเดิมไปหาแต่งงานใหม่แล้ว ส่วนลูกชายคนเล็กก็ยังเรียนไม่จบ

นางแก่แล้วอีกไม่นานก็คงตายไป แต่ลูกสะใภ้ยังต้องอยู่ที่นี่ให้บ้านใหญ่กดขี่ นางไม่รู้ว่าต้องทำไงสะใภ้จึงจะหลุดพ้น หลานสาวก็ยังเล็ก

“พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ อย่างน้อยก็คงจะมาบีบให้เราส่งอาหารไปให้เหมือนเดิม” เพราะเวลานี้น้องรองของสามียังได้รับเงินเดือนจากกองทัพอยู่ ทางบ้านใหญ่สกุลหานจึงเข้ามาเอาส่วนแบ่งนี้ได้ แม้จะแยกบ้านกันแต่ยังไงพวกเธอก็ต้องส่งเงินไปให้พวกเขาทุกเดือน

“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น” แม่หานถอนหายใจอีกครั้ง

“แม่จะเอาอะไรไหมคะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าอำเภอ” กัวเหม่ยอิงที่คิดไว้แล้วเอ่ยถาม

“เธอจะเข้าอำเภอ?”

“ค่ะ ฉันจะไปซื้อนมผงมาให้เสี่ยวลู่น้อย จะให้หล่อนกินน้ำข้าวไปตลอดคงจะไม่โต อีกอย่างเราก็มีของกินไม่กี่อย่าง” กัวเหม่ยอิงอธิบาย  

“ต้องใช้เงินมากขนาดไหน?” แม่สามีถามพลางหันไปเลื่อนกำแพงข้างเตียงเตา

“คะ?”

“ฉันมีเงินไม่มาก แต่ก็พอจะใช้ซื้อของได้” แม่หานยื่นเงินในถุงมาให้ลูกสะใภ้คนโตที่กำลังตะลึงอยู่

บ้านใหญ่สกุลหานเอาไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมแม่สามีของเธอจึงมีเงินพวกนี้ได้กัน ในความทรงจำหลังจากแม่สามีล้มป่วยนางก็เอาเงินของบ้านทั้งหมดที่มีอยู่ร้อยกว่าหยวนให้เธอดูแล และให้นำไปใช้จ่าย อีกอย่างสะใภ้รองก็ไม่มีท่าทีตกใจเหมือนจะรู้เรื่องนี้แล้ว

“เงินเก็บพวกนี้เป็นเงินที่ฉันเก็บไว้แต่งเมียให้ลูกสาม” แม่หานบอกลูกสะใภ้ที่นั่งนิ่ง

นางไม่ใช่แม่ผัวเข้มงวดหรือแม่ผัวที่กดขี่ลูกสะใภ้ และก็ไม่เคยหวงเงินไว้ซื้ออาหารการกิน เพียงแต่จะเก็บบางส่วนไว้ให้เหล่าลูกชาย

และในยามนี้พวกนางก็ไม่ได้มีเงินหากไม่เอาออกไม่ใช้พวกนางก็จะได้ตายจริง ๆ อีกอย่างนมผงของหลานสาวก็มีราคาแพงพอสมควร

“ค่ะ” กัวเหม่ยอิงไม่ได้ปฎิเสธที่จะรับเงินมาถือ ยังไงเธอก็เป็นคนดูแลภายในบ้าน จึงไม่แปลกที่จะรับเอาเงินมา หากน้องสามจะแต่งภรรยา เธอค่อยเอาเงินที่มีมาใส่ให้เขาก็ได้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่89 บทส่งท้าย

    “กรี๊ด”“พี่เสี่ยวลู่!”“หลิงเฟยยย”“ช่วยด้วย!”“ฮ่า ฮ่า”กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้า ในรอบหลายเดือนที่สาว ๆ ได้กลับมาเจอกันยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิมหานหลินเฟยกับหานหลิงเฟยปิดเทอมได้สองสัปดาห์แล้ว แต่ที่เพิ่งมาถึงปักกิ่งก็เพราะทั้งสองกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน ค่อยขึ้นมาหาผู้เป็นป้าที่ปักกิ่งแต่น้องชายคนเล็กไม่ได้มาด้วยกัวเหม่ยอิงที่เห็นว่าเด็ก ๆ ได้กลับมาเจอกันในรอบหลายเดือนจึงชวนพี่น้องบ้านหลี่ บ้านสามของน้องชายสามมากินข้าวมื้อเย็นนอกบ้านนอกบ้านก็คือนอกบ้านจริง ๆ บริเวณหน้าบ้านของกัวเหม่ยอิงนอกจากจอดรถไว้แล้วก็ยังมีที่ให้นั่งได้อีก และแต่ก่อนเด็ก ๆ เรียนอยู่ในปักกิ่งก็จะนั่งกินข้าวด้านนอกกันเพราะคนเยอะ ซึ่งทุกคนก็คุ้นเคยกันดีวันนี้กัวเหม่ยอิงลงมือทำกับข้าวมื้อเย็น ทั้งเคาหยก ไข่ตุ๋น ต้มยำปลา ไก่ทอด สามชั้นทอดเกลือ หมูต้มสาหร่าย และของหวานอีกหลายอย่าง เป็นการลงครัวในรอบเดือนด้วยซ้ำเพราะทุกวันนี้หานเมิ่งลู่ลูกสาวคนเดียวของเธอห้ามไม่ให้กัวเหม่ยอิงทำกับข้าว หรือทำงานบ้านเพราะหล่อนจะทำเอง แต่กว่าจะเลิกงานในแต่ละวันกัวเหม่ยอิงทำงานบ้านรอแล้ว“เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เลย” เหอลี่

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่88 ลูกสาวคนสวย

    ในระแวกตลาดประจำกรุงปักกิ่งใคร ๆ ก็รู้จักบ้านของคุณนายหานที่มีลูกสาวแสนสวยกับหลาน ๆ ที่สวยไม่แพ้กัน ยิ่งปีนี้พากันเรียนจบถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแล้วต้องบอกว่านอกจากภูมิใจลูกสาวแล้วกัวเหม่ยอิงก็ภูมิใจหลาน ๆ ด้วย เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ตอนนี้โตพอจะเลี้ยงเธอได้กันหมดแล้ว“คุณนายแม่”“หื้ม”กัวเหม่ยอิงลูบหัวลูกสาวที่พุ่งเข้ามากอด เธอรู้ว่าลูกสาวเครียดเพราะช่วงนี้หล่อนเข้าไปเรียนรู้งานในร้าน แม้จะมีผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือแต่ก็เครียดอยู่ดี เสี่ยวลู่บอกที่ผ่านมาคนเป็นแม่เก่งมาก จากที่มีร้านเล็ก ๆ ตอนนี้ขยายร้านใหญ่มากร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีมากถึงสิบสาขา สาขาหลักและสาขาที่สามตั้งอยู่มณฑลบ้านเกิด สาขารอง สาขาสี่ และสาขาห้า กระจายอยู่ในปักกิ่งแต่ก็ไม่ได้ห่างกันมาก เพราะกัวเหม่ยอิงกลัวลูกสาวจะไปมาร้านลำบากสาขาที่หกและสาขาที่เก้าตั้งอยู่ในมหานครฉงชิ่ง สาขาที่เจ็ดและสาขาที่แปดตั้งอยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ และสาขาที่สิบตั้งอยู่ในมหานครเทียนสินยังไม่รวมกับพ่อค้า แม่ค้า ที่เข้ามาขอซื้อเสื้อไปขายต่ออีก หลัง ๆ มานี้กัวเหม่ยอิงให้สั่งเป็นรอบ ๆ จะได้ตัดแยกกับที่เอามาขายในร้าน“เหนื่อยมากเหรอจ๊ะ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่87 ของว่างของเด็ก ๆ

    หลังจากเสร็จงานของย่าหานกัวเหม่ยอิงก็พาสามีกลับปักกิ่งทันที เพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ นี่ก็ทิ้งมากันหลายวันแล้วและเป็นไปตามที่สะใภ้รองบอกจริง ๆ แม่หานไม่ยอมไปปักกิ่งด้วย หลานก็เป็นห่วง แต่ห่วงลูกชายคนกลางที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านคนเดียวกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เธอก็ให้สะใภ้รองไปด้วย ให้สะใภ้รองไปช่วยงานสักเดือนสองเดือนก็จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านจริง ๆ ก็ไม่ได้ช่วยงานหรอก แค่ช่วยอยู่กับเด็ก ๆ ระหว่างที่กัวเหม่ยอิงกับหานหรงเจ๋อไปทำธุระกันก็พอ ยิ่งช่วงนี้มีการติดประกาศขายที่ดิน ขายบ้าน ขายตึก กัวเหม่ยอิงก็อยากซื้อเก็บไว้ ถ้าไม่ใช้ค่อยขายต่อหรือให้คนอื่นเช่าแทนกัวเหม่ยอิงคิดว่าตัวเองจะทำงานได้อีกไม่เกินสามสิบปี ระหว่างที่สามารถทำงานได้เธอจึงรีบทำ ยิ่งพื้นที่ทำเลทองในอนาคตกัวเหม่ยอิงก็ต้องรีบซื้อเก็บไว้ เพราะบางผืนสามารถขายต่อในอนาคตได้มากกว่าเดิมหลานพันหยวน“พี่จะทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” สะใภ้รองถามกัวเหม่ยอิงที่ล้างผลไม้อยู่ทั้งสี่คน กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ สะใภ้รอง และน้องชายสามพึ่งมาถึงบ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ แต่เด็ก ๆ ไปโรงเรียนกันแล้ว กัวเหม่ยอิงเลยปล่อยให้ไปพักกัน แต่ถ้าถึงเวลาเด็ก

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่86 ย่าหานถึงแก่กรรม

    กัวเหม่ยอิงมองคนในบ้านใหญ่ที่ร้องห่มร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาตั้งแต่ที่เธอ หานหรงเจ๋อกลับมาถึงบ้านแล้วแวะมาดูย่าหาน มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนในบ้านใหญ่ร้องไห้มีน้ำตาบ้าง และย่าหานยังไม่ถึงแก่กรรมแต่บ้านใหญ่กลับทำเหมือนย่าหานถึงแก่กรรมแล้ว“ทำไมเขาร้องไห้ไม่มีน้ำตาเลยล่ะคะ” กัวเหม่ยอิงกระซิบถามสามีด้วยความอยากรู้ แต่จริง ๆ ก็คือจะบอกว่าพวกเขาแสดงไม่เนียนกันเลยหานหรงเจ๋อส่ายหน้าเพราะไม่มีคำตอบ แค่ตอนนี้เขาก็เอือมระอาเต็มทนแล้ว มีที่ไหนบ้างที่คนป่วยไม่ไหวแล้วแต่เอาออกมานอนกลางบ้าน ทั้งยังฉุนไปด้วยกลิ่นฉี่และสิ่งปฏิกูลอีก นอกจากกลิ่นแล้วยังไม่ทำความสะอาดอีก“จะ..เจ้าใหญ่ แค่ก ๆ ละ…หลาน มารับ…พี่ ชะ ชาย นะ…น้อง ชาย ไป…ทะ ทำงาน ดะ…ด้วย ใช่…มะ ไหม แค่ก ๆ ”กัวเหม่ยอิงหันขวับทันที แค่ตอนนี้ตัวเองก็ยังเอาชีวิตจะไม่รอดยังจะมาห่วงหลานจากบ้านใหญ่แต่มาทำให้หลานอีกบ้านหนักใจอีก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เดี๋ยวจะกระอักเลือดซะก่อน“บ้านใหญ่บอกย่าป่วยครับ ผมเลยลงมาดู แต่มานานไม่ได้” หานหรงเจ๋อบอกยังดีที่น้องชายสามทำงานในโรงงานของคนรู้จักจึงลางานมาได้ แต่ก็แลกกับการต้องหาคนไปทำงานแทนระหว่างที่ไม่อยู่ ซึ่งโชคดีที

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่85 นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น

    ความสำเร็จของลูกสาวถึงแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่มันก็ทำให้กัวเหม่ยอิงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ แค่ไม่กี่ปีลูกสาวของเธอก็จบในระดับชั้นประถมแล้ว และตอนนี้ยังเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นกัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าวันนี้มันเร็วมาก เหมือนเมื่อวานเด็กคนนี้ยังร้องไห้ข้าง ๆ เธออยู่ แต่จริง ๆ มันผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปีแล้วปีนี้เสี่ยวลู่อายุสิบสามแล้วแต่เสี่ยวหนิงยังสิบสองย่างสิบสามอยู่ และเด็กแฝดตอนนี้ก็สิบขวบกันแล้ว ส่วนหลานชายคนเล็กก็เพิ่งจะเจ็ดขวบและกัวเหม่ยอิงก็ให้สามีไปรับเขามาเรียนในปักกิ่งแล้วด้วยหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวเรียนจบโรงเรียนภาคค่ำสาขาบัญชีเมื่อสามปีก่อน ทั้งสองมีงานที่มั่นคงแล้วนั้นก็คืองานในร้านเลยขอออกไปใช้ชีวิตข้างนอกกันสองคน ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็อนุญาต ที่บ้านเลยมีแค่กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ เสี่ยวหนิง หานหลินเฟย หานหลิงเฟยและหานหลงเฟย แต่พอมีหลานชายคนเล็กมา กัวเหม่ยอิงก็ให้หลี่เวยเวยกลับมาช่วยในบ้าน บางวันก็ให้น้องชายสามมารับเด็ก ๆ ไปนอนด้วยน้องชายสามเรียนจบเศรษฐศาสตร์สาขาวิชาการเงิน ตอนนี้ทำงานในโรงงานขนาดใหญ่ เงินเดือนยังไม่มั่นคงเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน แต่ก็มีเงินที่สามารถเลี้ยงครอ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่84 หลี่เวยเวยอยากทำงาน

    การปรับตัวช่วงแรกของเด็กแฝดเป็นการปรับตัวที่ต้องให้เสี่ยวลู่กับเสี่ยวหนิงต้องไปปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนด้วย เนื่องจากเด็กแฝดไม่ได้เรียนแบบจริงจังและยังไม่เคยเรียนโรงเรียนประถมส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะทั้งสองมีพื้นฐานที่กัวเหม่ยอิงสอนก่อนเปิดเรียนภาคค่ำแล้ว ยิ่งในแต่ละวันสอนแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมง ทั้งหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวก็มีเวลาทบทวนการเรียนมากขึ้นห้องนอนห้องแรกเป็นห้องนอนของกัวเหม่ยอิงกับสามี ห้องนอนห้องที่สองเป็นห้องของลูกสาวกับเสี่ยวหนิงเวลาหล่อนจะมานอนที่บ้านห้องนอนห้องที่สามเป็นห้องของหลินเฟย หลิงเฟย ห้องนอนห้องที่สี่เป็นห้องของหลี่เวยเวย ห้องนอนที่ห้าจะเป็นห้องนอนของหลี่หม่าฮัวและสุดท้ายห้องนอนที่หกกัวเหม่ยอิงสั่งให้หานหรงเจ๋อเอาโต๊ะเข้ามาตั้ง และเอาเตียงนอนชิดผนัง ห้องนี้จะเป็นห้องไว้ทำการบ้านหรือห้องอ่านหนังสือของเด็ก ๆเวลามีการบ้านกัวเหม่ยอิงก็จะสอนให้ทำก่อนที่จะไปเล่น เพราะตอนนี้เด็กทั้งสี่มาอยู่ด้วยกันจึงต้องจัดเวลาให้ดี เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านให้ทำการบ้านให้เสร็จ หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า ถ้าให้ทำตอนเย็นก็ยุ่งทำกับข้าว ไม่ต้องพูดถึงเวลาอื่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status