Share

บทที่3 อยากได้

last update Last Updated: 2024-12-09 12:41:04

กัวเหม่ยอิงเดินเลี่ยงออกจากจุดพักของคนในหมู่บ้านเพื่อเข้าไปในป่าที่ไม่ค่อยจะมีคนเข้าไป ส่วนมากแล้วจะเป็นคนในหมู่บ้านที่รวมกลุ่มล่าสัตว์จะใช้เส้นทางนี้ และเพราะแบบนี้แล้วมันจึงอุดมสมบูรณ์กว่าด้านนอกมากนัก

“น้องสาวห้า”

ด้านหน้าของกัวเหม่ยอิงปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ที่ยิ้มให้กับเธอ กัวเหม่ยอิงมองพลางนึกถึงไปด้วยจนกระทั่งนึกออก

“พี่ใหญ่!”

“น้องห้าจะเข้าป่าทำไมไม่ไปบอกพี่ก่อน” พี่ใหญ่กัวที่เธอร้องตอบรับ รีบเดินตรงมาหาเธอที่กำลังนั่งเก็บเห็ดป่า ในมือของเขาถือไก่ฟ้าอยู่หลายตัว ด้านหลังยังสะพายตะกร้าไม้สานอันใหญ่

พี่ใหญ่กัวขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็ก หลังจากที่หล่อนคลอดลูกสาวก็มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไหนสามีก็ตายจากตั้งแต่อายุยังน้อยอีก ต่อไปน้องสาวของเขาจะทำยังไง ไหนจะบ้านใหญ่สกุลหานอีก ทุกครั้งที่เขาจะเข้าป่าเขาก็จะเป็นคนไปชวนน้องสาว หรือไม่ก็จะนัดกันเอาไว้ แต่หลังจากที่หล่อนตั้งท้องเขาก็ไม่ให้หล่อนติดตามเข้าป่า

“ฉัน ฉันลืมน่ะค่ะ”

“หากน้องสาวห้าอยากได้อะไรก็ให้มาบอก พี่จะเอาไปให้”

“ค่ะ”

กัวเหม่ยอิงสนทนากับพี่ชายต่ออีกไม่กี่คำก็แยกย้ายกัน พี่ใหญ่กัวนัดแนะว่าให้ลงมาเจอกันที่ตีนเขาก่อนจะกลับบ้าน และที่ไม่เอาเธอไปด้วยก็เพราะจะเดินทางลำบาก อีกอย่างถึงจะเป็นพี่ชายน้องสาวที่คลานตามกันออกมา แต่หากมีใครเห็นอยู่ด้วยกันสองคนมันไม่เหมาะสม

‘หน่อไม้เยอะมาก!’ กัวเหม่ยอิงอุทานในใจ พร้อมกับรีบวิ่งไปขุดหน่อไม้ที่ขึ้นเต็มกอไผ่

หน่อไม้พวกนี้เป็นหน่อไม้ที่เพิ่งจะเกิดและกำลังโตอย่างพอดี กัวเหม่ยอิงขุดเอาหน่อไม้เกือบสามสิบหน่อจึงเลิกขุด พรุ่งนี้หรือวันหลังค่อยมาอีกก็ไม่สาย เพราะเหมือนทางนี้คนจะไม่ค่อยได้เข้ามา

นอกจากหน่อไม้แล้ว กัวเหม่ยอิงยังได้เห็ดกับผักหวานป่าเพิ่มอีกเยอะพอสมควร ก่อนจะเดินหาแม่น้ำเพื่อที่จะนั่งพักและหาปลาในแม่

กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าเธอจะหาเนื้อสัตว์ได้จากที่ไหนนอกจากปลาก็เลยจะมาลองจับดู อย่างน้อยได้ไปทำน้ำแกงปลาสักหน่อยก็คงดี

เสียงน้ำไหลกระทบกับโขดหินดังขึ้นทั่วบริเวณ ตรงนี้เป็นต้นน้ำที่จะไหลผ่านข้างหมู่บ้าน พวกเขาจะใช้น้ำเส้นนี้ทั้งดื่ม ทั้งใช้และอาบ กัวเหม่ยอิงมองหาโขดหินเพื่อจะวางของในตะกร้า เมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ ก็นำตะกร้าไปวางบนโขดหินแล้วถอดรองเท้าออก พร้อมกับเลิกแขนเสื้อขึ้น

น้ำบริเวณที่กัวเหม่ยอิงจะลงไปจับปลานั้นเป็นน้ำตื้นเพียงขา เธอจึงสามารถลงไปได้โดยที่ไม่กลัวจะจมน้ำ ปลาหลากหลายสายพันธุ์เวียนว่ายรอบตัวกัวเหม่ยอิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง บริเวณนี้คนในหมู่บ้านมาหาปลาแทบจะตลอด เป็นไปไม่ได้เลยที่ในแม่น้ำจะอุดมสมบรูณ์

กัวเหม่ยอิงเริ่มสงสัย ในนิยายที่เคยได้อ่านผ่านตามา หลาย ๆ เรื่องนางเอกจะมีมิติ ซึ่งเธอไม่มี นางเอกแยกบ้านออกไปอยู่กับสามีและลูก แต่เธอไม่สามารถแยกบ้านได้เพราะแม่สามีไม่สามารถดูแลตัวเองได้

ในเวลานี้จึงเธอเหมือนเสาหลักของครอบครัวด้วยซ้ำ คงจะมีเพียงแต่ของในตู้เสื้อผ้าที่เธอไม่รู้ว่ามีได้ยังไง แม้แต่สะใภ้รองยังถามเธอว่าเอาข้าวมาแต่ไหน

แต่สุดท้ายกัวเหม่ยอิงก็ทำได้แค่สะบัดหัวไม่ให้คิดเรื่องไร้สาระ เธอหันมาจับปลาที่อยู่ ๆ ก็ไม่ขยับตัวว่าย เหมือนมันต้องการให้เธอจับ เพราะเธอไม่ได้เอาอะไรมาใส่ปลา จึงต้องถอดเสื้อคลุมผืนนอกออกแล้วมัดรวมกันเพื่อใส่ปลา

กัวเหม่ยอิงจับได้ทั้งปลา ทั้งกุ้งก้ามแดง และปู พอเห็นว่าจับได้เยอะแล้ว เธอก็เลยขึ้นจากน้ำเพื่อเตรียมตัวจะกลับ

“หนัก” เธอบ่นเบา ๆ

ลำพังแค่ของในตะกร้าก็หนักอยู่แล้ว พอมีปลาที่คาดว่าจะมีมากกว่าห้าชั่งเพิ่มอีกก็ยิ่งหนักไปกว่าเดิม

แต่เธอก็กัดฟันสะพายตะกร้าลงเขา ของในตะกร้านี้สามารถทำกับข้าวได้หลายมื้อเลยทีเดียว

กัวเหม่ยอิงแบกตะกร้าของลงจากเขา โดยที่เอาผักหวานป่าขึ้นวางบนสุดของตะกร้า ทำให้ไม่มีใครมองเห็นของข้างในได้ ส่วนในย่ามผ้าที่สะพายมาด้วยก็มีผลไม้ป่าที่เจอระหว่างทางเดินกลับอีกหลายชนิด

เป็นช่วงเวลาเที่ยงมีหลายคนเดินทางกลับกันประปรายเพราะไม่ได้ห่อข้าวไปด้วย หรือใครที่ห่อไปก็ไม่ได้ออกมา แต่กัวเหม่ยอิงที่ห่อข้าวไปด้วยกลับเดินออกมาเพราะของหนัก ไหนจะต้องรอเจอพี่ชายอีก

“โอ้ สะใภ้ใหญ่ไปหาผักหวานป่ามาจากไหนน่ะ” คนในหมู่บ้านที่เดินลงมาตามหลังกัวเหม่ยอิงรีบปรี่เข้ามาหาเธอที่วางตะกร้าลงบนพื้น 

“อย่าจับ!” เธอใช้มือปัดมือคนที่จะจับผักหวานของเธอ ผักหวานพวกนี้แค่จับก็ช้ำแล้ว ถ้ามีคนจับอีกผักของเธอก็กินไม่ได้แล้ว

“อะ…อะไรกัน ฉันแค่จะดูผัก” นางตะลึง สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ไม่เคยคัดค้านนางสักครั้งเพราะนางเป็นญาติผู้ใหญ่สามีของหล่อน แต่อยู่ ๆ สะใภ้ใหญ่ก็ขัดนาง

“หากป้าสะใภ้ใหญ่ อยากได้ก็ขึ้นไปเก็บเอาเถอะค่ะ ผักพวกนี้ช้ำง่าย ถ้าแตะฉันกลัวว่ามันจะช้ำ” กัวเหม่ยอิงตอบญาติของสามี

ป้าสะใภ้ใหญ่ก็คือภรรยาของพี่ชายพ่อสามี หรือก็คือลุงของสามีเธอเอง นางเป็นคนดูแลเรื่องราวในบ้านและป็นคนที่กดขี่บ้านสาม ชอบใช้ย่าหานมาอ้างเมื่อจะเอาเงินไป ซึ่งคนทั้งสกุลหานหรือทั้งบ้านต่างรับรู้ แต่ก็พากันหลับตาเอาไว้เพราะพวกเขาได้ประโยชน์

“งั้นก็เอามาให้ฉันสิ” นางว่า “คุณแม่ก็อยากกินแกงผักหวาน เธอจะไม่เอาให้ย่าสามีของเธอกินเหรอ” ไม่ว่าเปล่ามือของนางก็พยายามที่จะจับเอาผักหวานในตะกร้าไป

“อยากได้ก็ขึ้นไปเก็บเอาเอง”

แต่กัวเหม่ยอิงไม่ยอม เรื่องอะไรที่เธอเก็บผักมาเหนื่อย ๆ แล้วต้องเอาให้คนอื่นกันล่ะ หากเป็นกัวเหม่ยอิงคนก่อนหล่อนอาจจะยอม แต่นี้เป็นถิงถิงคนที่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ

“สะใภ้ใหญ่!”

 นางตะคอกใส่กัวเหม่ยอิง ด้วยความที่แต่ก่อนเพียงแค่อ้างชื่อแม่สามี บ้านของน้องชายสามีก็ยอมทุกอย่าง ไม่ว่านางจะหยิบจับอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่วันนี้สะใภ้ใหญ่กลับขัดขืน คนในหมู่บ้านที่เดินตามหรือรอกันอยู่ต่างหันมามอง

“มองอะไร! ไม่เห็นคนคุยกันหรือยังไง”

“เหอะ แค่ผักหวานป่าก็จะเอา”

“สะใภ้ใหญ่ก็บอกอยู่ให้หล่อนไปเก็บเอาเอง”

“ใช่ ฉันเห็นมันเพิ่งขึ้นทางด้านโน้น”

“อยากได้แต่ไม่หาเอาเหอะ”

คนในหมู่บ้านต่างซุบซิบกันอย่างออกรส บ้านของพวกนางเป็นบ้านใหญ่จึงไม่มีใครกลัวคนสกุลหาน หากสกุลหานอยากมีปัญหาก็ลองดู แม้บ้านพวกนางจะคนน้อยกว่า แต่หากเทียบกับจำนวนบ้านพวกนางรวมกันทั้งหมดยังไงก็มากกว่า

“เหอะ แค่ผักหวานป่าหลานสะใภ้อย่างหล่อนก็ไม่กล้าเอาให้ย่าสามีกิน” นางหัวเราะ

“ผักหวานพวกนี้ฉันเก็บมาแค่พอกับคนในครอบครัวค่ะ ไม่คิดว่าป้าสะใภ้จะอยากได้มัน” กัวเหม่ยอิงอธิบาย ผักหวานป่าที่ทุกคนเห็นมันมีไม่เยอะ และพอแกงไปมันก็จะยุบลงมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับหญิงผอม ๆ สามคน

“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ย่าสามีของเธออยากจะกินมัน!” นางว่าอย่างหงุดหงิด คนที่กำลังว่าให้นางพวกนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้ จึงมีเพียงหลานสะใภ้ตรงหน้าที่นางทำได้ และคนอื่นก็ห้ามไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว

แม่สามีของนางอยากจะกินแกงผักหวานป่าจริง ๆ จึงให้นางขึ้นมาเก็บ แต่นางตื่นสายกว่าจะมาถึงคนในหมู่บ้านต่างเก็บไปหมดแล้ว จะให้นางทำยังไง

 ยังดีที่นางตาดีจึงเห็นหลานสะใภ้มีผักหวานป่าก็เลยคิดที่จะเอาไปให้แม่สามีที่อยากกิน ขอแค่ได้กินแม่สามีของนางก็ไม่สนว่านางได้มันไปยังไง แต่ก็ต้องตะลึงเพราะสะใภ้ใหญ่ปฎิเสธที่จะให้

เสียงเอะอะโวยวายของคนที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าดังลั่นบริเวณ เนื่องจากพวกเขาจับกลุ่มกันเป็นก้อน บางคนก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์คนเดียวอย่างพี่ใหญ่กัว บางคนไปกันเป็นคู่ บางคนจับกลุ่มในสกุลตัวเองขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หรือบางคนก็ชวนกันขึ้นไปล่าสัตว์

“มีอะไรกันเหรอครับ”

“โอ๊ย! จะอะไรกันอีกพี่ใหญ่กัว ก็ป้าสะใภ้ของน้องสาวเจ้าน่ะสิ จะแย่งผักหวานของน้องสาวเจ้าไป” หนึ่งในกลุ่มคนในหมู่บ้านผู้หญิงพูดขึ้น

“หล่อนอย่ามากล่าวหาฉันมั่ว ๆ นะ!” ป้าสะใภ้ใหญ่รีบแก้ตัว สามีของนางก็อยู่ในกลุ่มล่าสัตว์กลุ่มนี้ นางจะทำให้สามีเสียหน้าไม่ได้

“เหอะ มีหรือคนอย่างฉันจะกล่าวหามั่ว ๆ ถามคนที่อยู่ตรงนี้ก็ได้”

“ก็แน่สิ ที่นี่มีแต่สหายเจ้า”

“พอ ๆ พวกเจ้าจะมาทะเลาะอะไรกัน ไป ๆ แยกย้ายกลับบ้านนู้น” ลุงใหญ่สามีของป้าสะใภ้พูดขึ้น แค้เมียอ้าปากเขาก็เห็นยันลิ้นไก่แล้ว จะอยู่ต่อให้แฉตัวเองไปทำไมกัน

“จุ๊ ๆ พี่ใหญ่หานช่างใจกว้าง”

กัวเหม่ยอิงหยุดมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วหันไปสะพายตะกร้าสานขึ้นหลังเพื่อที่จะกลับบ้าน โดยมีพี่ใหญ่ของเธอเดินตามหลังมา ก่อนจะผ่านบ้านกัวมันต้องเดินผ่านบ้านของพวกเธอก่อน

จึงไม่แปลกที่พี่ใหญ่จะเดินตามมา ส่วนความวุ่นวายได้หลังกัวเหม่ยอิงไม่ได้สนใจกับมัน

“อ้ะ เอาไปทำน้ำแกงบำรุงร่างกายของเธอ” พี่ใหญ่กัวยื่นไก่ฟ้าสามตัวแล้วก็ฟักทองหลายลูกให้กับเธอ

“มันเยอะไปค่ะ ฉันเอาแค่ตัวเดียวก็พอ” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวปฎิเสธ

พี่ใหญ่กัวคงจะกลัวเธอยกมันให้กับบ้านใหญ่หาน จึงให้เธอมาสามตัว เผื่อเธอจะได้เก็บไว้กินตัวหนึ่ง มันเป็นแบบนี้มาตลอด

“ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวแม่ก็จะว่าพี่อีก เธอเอาไปเถอะ ต้มน้ำแกงให้แม่สามีก็ได้” พี่ใหญ่กัวยิ้มให้น้องสาว

“อ่า” กัวเหม่ยอิงมองไก่หลายตัวที่ถูกวางลงบนแคร่ไม้หน้าบ้าน พร้อมกับฟักทองอีกหลายลูก “ขอบคุณค่ะ”

“อืม พี่จะไปแล้ว ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกได้เข้าใจไหม เธอสกุลกัวไม่ใช่สกุลหาน” พี่ใหญ่กัวยื่นมือมาลูบผมผู้เป็นน้องสาวอย่างเป็นห่วง เด็กคนนี้พวกเขาทะนุถนอมมาตั้งแต่เกิด ได้เรียนในระดับสูง ๆ แต่ต้องมาแต่งกับคนในชนบทไหนจะต้องเสียสามีไปอีก หากไม่มีลูกสาวหล่อนคงจะต้องกลับบ้านเดิมไปแล้ว

“ค่ะ” กัวเหม่ยอิงน้ำตาคลอ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอก็มีเพียงคุณยาย แต่พอท่านจากไปเธอก็ตัวคนเดียว จนกระทั่งมาอยู่ที่นี่เธอยังไม่ได้กลับไปดูบ้านเดิมเพราะเธอแต่งออกมาแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าคนในครอบครัวจะอบอุ่นขนาดนี้

“ยังไงก็พาเสี่ยวลู่น้อยไปให้แม่ดูหน่อย ท่านคิดถึงหลานแต่ไม่กล้ามา” พี่ใหญ่กัวว่าก่อนจะเดินออกไป กัวเหม่ยอิงจึงต้องขนของเข้าบ้านคนเดียว

ที่แม่กัวไม่กล้ามาหากัวเหม่ยอิงกับหลานสาวก็เพราะกลัวคนสกุลหานจะว่านางมาเอาของของลูกสาวไป และมันจะเป็นช่องโหว่ให้คนสกุลหานเข้าไปดูบ้านลูกสาวเพื่อตวรจสอบของ และนางก็กลัวว่าจะทำให้ลูกสาวเดือดร้อน

กัวเหม่ยอิงขนของเข้าไปในครัวก่อนที่จะออกมาปิดรั้วหน้าบ้านที่ต่อให้ปิดเอาไว้ ก็สามารถข้ามเข้าในบ้านได้ แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ไม่ปิด

“กลับมาแล้วหรอคะ” สะใภ้รองรีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอที่หิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้าน

“เสี่ยวลู่ล่ะ” เธอถามหาลูกสาวที่ไม่เห็น

“หล่อนเพิ่งนอนไปน่ะค่ะ ฉันก็เลยออกมาป้อนข้าวคุณแม่เพิ่งจะเสร็จ”

“อือ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “เธอแยกของพวกนี้เอาไว้ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ใครมาเคาะประตูก็ไม่ต้องเปิด” เธอกำชับหล่อนเอาไว้

ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ได้ผักหวานไปให้ย่าสามีก็จริง แต่หากนางบอกย่าสามีว่าเธอได้มา ยังไงพวกนางก็ต้องมาเอา แต่เธอไม่ใช่กัวเหม่ยอิงที่จะยอมเพราะตัดปัญหา

“ค่ะ ฉันซักชุดให้พี่แล้วนะคะ”

กัวเหม่ยอิงพยักหน้า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่89 บทส่งท้าย

    “กรี๊ด”“พี่เสี่ยวลู่!”“หลิงเฟยยย”“ช่วยด้วย!”“ฮ่า ฮ่า”กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้า ในรอบหลายเดือนที่สาว ๆ ได้กลับมาเจอกันยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิมหานหลินเฟยกับหานหลิงเฟยปิดเทอมได้สองสัปดาห์แล้ว แต่ที่เพิ่งมาถึงปักกิ่งก็เพราะทั้งสองกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน ค่อยขึ้นมาหาผู้เป็นป้าที่ปักกิ่งแต่น้องชายคนเล็กไม่ได้มาด้วยกัวเหม่ยอิงที่เห็นว่าเด็ก ๆ ได้กลับมาเจอกันในรอบหลายเดือนจึงชวนพี่น้องบ้านหลี่ บ้านสามของน้องชายสามมากินข้าวมื้อเย็นนอกบ้านนอกบ้านก็คือนอกบ้านจริง ๆ บริเวณหน้าบ้านของกัวเหม่ยอิงนอกจากจอดรถไว้แล้วก็ยังมีที่ให้นั่งได้อีก และแต่ก่อนเด็ก ๆ เรียนอยู่ในปักกิ่งก็จะนั่งกินข้าวด้านนอกกันเพราะคนเยอะ ซึ่งทุกคนก็คุ้นเคยกันดีวันนี้กัวเหม่ยอิงลงมือทำกับข้าวมื้อเย็น ทั้งเคาหยก ไข่ตุ๋น ต้มยำปลา ไก่ทอด สามชั้นทอดเกลือ หมูต้มสาหร่าย และของหวานอีกหลายอย่าง เป็นการลงครัวในรอบเดือนด้วยซ้ำเพราะทุกวันนี้หานเมิ่งลู่ลูกสาวคนเดียวของเธอห้ามไม่ให้กัวเหม่ยอิงทำกับข้าว หรือทำงานบ้านเพราะหล่อนจะทำเอง แต่กว่าจะเลิกงานในแต่ละวันกัวเหม่ยอิงทำงานบ้านรอแล้ว“เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เลย” เหอลี่

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่88 ลูกสาวคนสวย

    ในระแวกตลาดประจำกรุงปักกิ่งใคร ๆ ก็รู้จักบ้านของคุณนายหานที่มีลูกสาวแสนสวยกับหลาน ๆ ที่สวยไม่แพ้กัน ยิ่งปีนี้พากันเรียนจบถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแล้วต้องบอกว่านอกจากภูมิใจลูกสาวแล้วกัวเหม่ยอิงก็ภูมิใจหลาน ๆ ด้วย เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ตอนนี้โตพอจะเลี้ยงเธอได้กันหมดแล้ว“คุณนายแม่”“หื้ม”กัวเหม่ยอิงลูบหัวลูกสาวที่พุ่งเข้ามากอด เธอรู้ว่าลูกสาวเครียดเพราะช่วงนี้หล่อนเข้าไปเรียนรู้งานในร้าน แม้จะมีผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือแต่ก็เครียดอยู่ดี เสี่ยวลู่บอกที่ผ่านมาคนเป็นแม่เก่งมาก จากที่มีร้านเล็ก ๆ ตอนนี้ขยายร้านใหญ่มากร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีมากถึงสิบสาขา สาขาหลักและสาขาที่สามตั้งอยู่มณฑลบ้านเกิด สาขารอง สาขาสี่ และสาขาห้า กระจายอยู่ในปักกิ่งแต่ก็ไม่ได้ห่างกันมาก เพราะกัวเหม่ยอิงกลัวลูกสาวจะไปมาร้านลำบากสาขาที่หกและสาขาที่เก้าตั้งอยู่ในมหานครฉงชิ่ง สาขาที่เจ็ดและสาขาที่แปดตั้งอยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ และสาขาที่สิบตั้งอยู่ในมหานครเทียนสินยังไม่รวมกับพ่อค้า แม่ค้า ที่เข้ามาขอซื้อเสื้อไปขายต่ออีก หลัง ๆ มานี้กัวเหม่ยอิงให้สั่งเป็นรอบ ๆ จะได้ตัดแยกกับที่เอามาขายในร้าน“เหนื่อยมากเหรอจ๊ะ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่87 ของว่างของเด็ก ๆ

    หลังจากเสร็จงานของย่าหานกัวเหม่ยอิงก็พาสามีกลับปักกิ่งทันที เพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ นี่ก็ทิ้งมากันหลายวันแล้วและเป็นไปตามที่สะใภ้รองบอกจริง ๆ แม่หานไม่ยอมไปปักกิ่งด้วย หลานก็เป็นห่วง แต่ห่วงลูกชายคนกลางที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านคนเดียวกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เธอก็ให้สะใภ้รองไปด้วย ให้สะใภ้รองไปช่วยงานสักเดือนสองเดือนก็จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านจริง ๆ ก็ไม่ได้ช่วยงานหรอก แค่ช่วยอยู่กับเด็ก ๆ ระหว่างที่กัวเหม่ยอิงกับหานหรงเจ๋อไปทำธุระกันก็พอ ยิ่งช่วงนี้มีการติดประกาศขายที่ดิน ขายบ้าน ขายตึก กัวเหม่ยอิงก็อยากซื้อเก็บไว้ ถ้าไม่ใช้ค่อยขายต่อหรือให้คนอื่นเช่าแทนกัวเหม่ยอิงคิดว่าตัวเองจะทำงานได้อีกไม่เกินสามสิบปี ระหว่างที่สามารถทำงานได้เธอจึงรีบทำ ยิ่งพื้นที่ทำเลทองในอนาคตกัวเหม่ยอิงก็ต้องรีบซื้อเก็บไว้ เพราะบางผืนสามารถขายต่อในอนาคตได้มากกว่าเดิมหลานพันหยวน“พี่จะทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” สะใภ้รองถามกัวเหม่ยอิงที่ล้างผลไม้อยู่ทั้งสี่คน กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ สะใภ้รอง และน้องชายสามพึ่งมาถึงบ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ แต่เด็ก ๆ ไปโรงเรียนกันแล้ว กัวเหม่ยอิงเลยปล่อยให้ไปพักกัน แต่ถ้าถึงเวลาเด็ก

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่86 ย่าหานถึงแก่กรรม

    กัวเหม่ยอิงมองคนในบ้านใหญ่ที่ร้องห่มร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาตั้งแต่ที่เธอ หานหรงเจ๋อกลับมาถึงบ้านแล้วแวะมาดูย่าหาน มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนในบ้านใหญ่ร้องไห้มีน้ำตาบ้าง และย่าหานยังไม่ถึงแก่กรรมแต่บ้านใหญ่กลับทำเหมือนย่าหานถึงแก่กรรมแล้ว“ทำไมเขาร้องไห้ไม่มีน้ำตาเลยล่ะคะ” กัวเหม่ยอิงกระซิบถามสามีด้วยความอยากรู้ แต่จริง ๆ ก็คือจะบอกว่าพวกเขาแสดงไม่เนียนกันเลยหานหรงเจ๋อส่ายหน้าเพราะไม่มีคำตอบ แค่ตอนนี้เขาก็เอือมระอาเต็มทนแล้ว มีที่ไหนบ้างที่คนป่วยไม่ไหวแล้วแต่เอาออกมานอนกลางบ้าน ทั้งยังฉุนไปด้วยกลิ่นฉี่และสิ่งปฏิกูลอีก นอกจากกลิ่นแล้วยังไม่ทำความสะอาดอีก“จะ..เจ้าใหญ่ แค่ก ๆ ละ…หลาน มารับ…พี่ ชะ ชาย นะ…น้อง ชาย ไป…ทะ ทำงาน ดะ…ด้วย ใช่…มะ ไหม แค่ก ๆ ”กัวเหม่ยอิงหันขวับทันที แค่ตอนนี้ตัวเองก็ยังเอาชีวิตจะไม่รอดยังจะมาห่วงหลานจากบ้านใหญ่แต่มาทำให้หลานอีกบ้านหนักใจอีก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เดี๋ยวจะกระอักเลือดซะก่อน“บ้านใหญ่บอกย่าป่วยครับ ผมเลยลงมาดู แต่มานานไม่ได้” หานหรงเจ๋อบอกยังดีที่น้องชายสามทำงานในโรงงานของคนรู้จักจึงลางานมาได้ แต่ก็แลกกับการต้องหาคนไปทำงานแทนระหว่างที่ไม่อยู่ ซึ่งโชคดีที

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่85 นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น

    ความสำเร็จของลูกสาวถึงแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่มันก็ทำให้กัวเหม่ยอิงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ แค่ไม่กี่ปีลูกสาวของเธอก็จบในระดับชั้นประถมแล้ว และตอนนี้ยังเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นกัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าวันนี้มันเร็วมาก เหมือนเมื่อวานเด็กคนนี้ยังร้องไห้ข้าง ๆ เธออยู่ แต่จริง ๆ มันผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปีแล้วปีนี้เสี่ยวลู่อายุสิบสามแล้วแต่เสี่ยวหนิงยังสิบสองย่างสิบสามอยู่ และเด็กแฝดตอนนี้ก็สิบขวบกันแล้ว ส่วนหลานชายคนเล็กก็เพิ่งจะเจ็ดขวบและกัวเหม่ยอิงก็ให้สามีไปรับเขามาเรียนในปักกิ่งแล้วด้วยหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวเรียนจบโรงเรียนภาคค่ำสาขาบัญชีเมื่อสามปีก่อน ทั้งสองมีงานที่มั่นคงแล้วนั้นก็คืองานในร้านเลยขอออกไปใช้ชีวิตข้างนอกกันสองคน ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็อนุญาต ที่บ้านเลยมีแค่กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ เสี่ยวหนิง หานหลินเฟย หานหลิงเฟยและหานหลงเฟย แต่พอมีหลานชายคนเล็กมา กัวเหม่ยอิงก็ให้หลี่เวยเวยกลับมาช่วยในบ้าน บางวันก็ให้น้องชายสามมารับเด็ก ๆ ไปนอนด้วยน้องชายสามเรียนจบเศรษฐศาสตร์สาขาวิชาการเงิน ตอนนี้ทำงานในโรงงานขนาดใหญ่ เงินเดือนยังไม่มั่นคงเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน แต่ก็มีเงินที่สามารถเลี้ยงครอ

  • ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายเลี้ยงครอบครัวสามียุค70   บทที่84 หลี่เวยเวยอยากทำงาน

    การปรับตัวช่วงแรกของเด็กแฝดเป็นการปรับตัวที่ต้องให้เสี่ยวลู่กับเสี่ยวหนิงต้องไปปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนด้วย เนื่องจากเด็กแฝดไม่ได้เรียนแบบจริงจังและยังไม่เคยเรียนโรงเรียนประถมส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะทั้งสองมีพื้นฐานที่กัวเหม่ยอิงสอนก่อนเปิดเรียนภาคค่ำแล้ว ยิ่งในแต่ละวันสอนแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมง ทั้งหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวก็มีเวลาทบทวนการเรียนมากขึ้นห้องนอนห้องแรกเป็นห้องนอนของกัวเหม่ยอิงกับสามี ห้องนอนห้องที่สองเป็นห้องของลูกสาวกับเสี่ยวหนิงเวลาหล่อนจะมานอนที่บ้านห้องนอนห้องที่สามเป็นห้องของหลินเฟย หลิงเฟย ห้องนอนห้องที่สี่เป็นห้องของหลี่เวยเวย ห้องนอนที่ห้าจะเป็นห้องนอนของหลี่หม่าฮัวและสุดท้ายห้องนอนที่หกกัวเหม่ยอิงสั่งให้หานหรงเจ๋อเอาโต๊ะเข้ามาตั้ง และเอาเตียงนอนชิดผนัง ห้องนี้จะเป็นห้องไว้ทำการบ้านหรือห้องอ่านหนังสือของเด็ก ๆเวลามีการบ้านกัวเหม่ยอิงก็จะสอนให้ทำก่อนที่จะไปเล่น เพราะตอนนี้เด็กทั้งสี่มาอยู่ด้วยกันจึงต้องจัดเวลาให้ดี เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านให้ทำการบ้านให้เสร็จ หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า ถ้าให้ทำตอนเย็นก็ยุ่งทำกับข้าว ไม่ต้องพูดถึงเวลาอื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status