หลัวหยางโหวได้ฟังกุนซือก็ระบายลมหายใจออกอย่างช้า ๆ เพราะจะโทษแม่ทัพหนุ่มก็ไม่ได้ เนื่องจากฟางเซียวไม่รู้สาเหตุที่เขาจัดงานแต่งเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนสั่งให้แม่ทัพหนุ่มไปจัดการเรื่องเสบียงที่จะนำไปออกรบในศึกครั้งหน้า
“วันนี้ให้คนมาวัดชุดแต่งงานของข้ากับนาง ไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก เอาแค่พอใส่เข้าพิธีได้ก็พอ การจัดตกแต่งจวนก็จัดแค่เรือนของนางกับห้องโถงใหญ่ ไม่จำเป็นต้องจัดทั้งจวนให้สิ้นเปลือง ส่วนพิธีก็เพียงไหว้ฟ้าดินและส่งตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ นอกนั้นก็ตัดทิ้งเสียให้หมด จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” หลัวหยางโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ถึงจะเข้าใจฟางเซียวแล้ว แต่คำพูดของเด็กคนนี้ก็จี้ใจดำทำให้เขาหงุดหงิดใจไม่น้อย
“ขอรับท่านโหว” ทุกคนน้อมรับคำสั่งที่ผู้เป็นนายกล่าวโดยไม่กล้าขัด เพราะสายตาก่อนหน้าที่เห็นคงไม่ดีนักหากจะเอ่ยสิ่งใดในยามนี้
“ท่านโหวจะเชิญใครมาเป็นแขกในงานหรือไม่” กุนซือเอ่ยถาม
“มีแค่พวกเจ้าก็พอ” บุรุษหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือหงุดหงิดเล็กน้อย
หลัวหยางโหวพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินเข้