แสงแดดอุ่นยามสายส่องลอดใบไม้บนต้นที่ลู่ไหวตามลมเบา เสี่ยวซุ่ยยืนเก็บผ้าอยู่ริมลำธาร ผ้ากองโตที่ตากไว้ตั้งแต่เช้าก็เริ่มแห้งแล้ว ขณะที่ผ้าชุดสุดท้ายกำลังถูกเก็บลงตะกร้าผ้า ดวงตาของนางยังทอดมองลงไปบนผืนน้ำ ราวกับกำลังรอให้มันพัดพาความคิดที่วุ่นวายไปด้วย
ในหัวนางไม่อาจหยุดคิดถึงภาพเมื่อคืนได้ เฉินอี้ยืนใต้แสงจันทร์ ดวงตาเขาที่มองมาด้วยความอ่อนโยน คำพูดซื่อตรงที่เล่าความหลังให้นางฟัง รอยยิ้มที่ยังติดอยู่ในความทรงจำ ทั้งหมดนั้นยังวนเวียนไม่ไปไหนเลย
วันนี้นางรู้สึกอ่อนแรง ทว่าไม่ใช่เพราะการทำงาน แต่อ่อนแรงเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซึ่งไม่สมควรมี นางรู้แก่ใจว่าลั่วชิงผู้นี้ไม่ควรหวั่นไหวกับอะไร ทว่าหัวใจของเสี่ยวซุ่ยนั้นไม่ได้คิดอย่างนั้น มันกำลังเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อพบกับเฉินอี้ หรือนึกถึงเขา
เมื่อผ้าแห้งหมด เสี่ยวซุ่ยเก็บผ้าใส่ตะกร้า กำลังเดินกลับเข้าตัวโรงเตี๊ยม แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังมาจากชั้นบน จากหน้าต่างที่เปิดไว้
“เสี่ยวซุ่ย เก็บผ้าเสร็จขึ้นมาที่ห้องข้า” เป็นเสียงของซูหรง นิ่ง เรียบ และแฝงด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้นางรู้ว่าคงหนีไม่ได้ นางยืนมองเสี่ยวซุ่ยที่หน้าต่างพลาง