“ตกลงว่าได้เดตกับเขาจริงเหรอ”
“อาฮะ” รวีกานต์พยักหน้ารับ หยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นจิบ อิ่มจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ แต่ยังไม่หยุด ยังเหลือไอศกรีมอีกถ้วย เธอต้องยัดมันลงกระเพาะน้อย ก่อนที่มันจะละลาย ว่าแล้วก็...
“อื้ม...อาหย่อยอีกแย้ว...”
หนุ่มรุ่นร้องส่ายหน้าระอา ทว่ามีรอยยิ้ม
“เลอะหมดแล้ว กินเลอะเป็นเด็กๆ ไปได้” เด็กน้อยเทคแคร์พี่สาวคนดีด้วยการเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปเช็ดคราบไอศกรีมออกให้
สัมผัสเบาๆ ที่มุมปากทำให้รวีกานต์หัวใจเต้นแรง ช้อนไอศกรีมหลุดจากมือ จ้องมองเขาตาปริบๆ แต่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้
“อะไรกัน อย่ามาหว่านเสน่ห์ใส่ฉันนะ ฉันอายุเยอะกว่านายตั้งห้าปีนะพ่อเด็กน้อย”
“อา...อย่าพูดแทงใจดำแบบนั้นสิครับ ถ้าผมอายุเท่าตะวัน คิดหรือว่าตะวันจะลอยนวล ผมจะขายขนมจีบทุกวันเลย”
เขาเอ่ยแล้วหยิบแก้วเบียร์ขึ้นจิบเท่ๆ คำพูดคำจาที่ไม่รู้พูดจริงหรือแค่ล้อเล่นทำให้รวีกานต์ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อดี
“เชอะ...ฉันไม่สนนายหรอกย่ะ ฉันน่ะ มีเจ้าชายในดวงใจแล้ว” ว่าแล้วหัวเราะคิกๆ พออกพอใจ ดวงตาเหม่อมองเบื้องบน คล้ายตกอยู่ในภวังค์ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยสมองน้อยๆ
ปลายภูมองค้อนพี่สาวคนสวย แก้วเบียร์ในมือถูกยกกระดกจนเกลี้ยง หน้าตาเริ่มบอกบุญไม่รับ ก็นะ...อุตส่าห์พามานั่งกินของอร่อยก็ยังมิวายพูดถึงผู้ชายคนอื่น น่าน้อยใจชะมัด
“พอสวยหน่อยก็ได้เดตเลยนะ รู้งี้ไม่บอกให้ถอดแว่นหรอก นายนั่นน่ะ ไม่รู้จะชอบตะวันจริงหรือเปล่า ผมห่วงนะ รู้ไหม”
“เถอะน่า เขาเป็นคนดี หน้าที่การงานใหญ่โต ไม่ต้องห่วงฉันหรอก นายเอาเวลาไปอ่านหนังสือเถอะ จะได้เรียนจบไวๆ อย่าห่วงฉัน โอเคนะ” บอกแล้วยิ้มเก๋
ปลายภูส่ายหน้า กวักมือเรียกบริกรให้เอาเบียร์มาอีกขวด
“ไม่ได้ห่วงอย่างเดียวนะ หวงด้วย” วลีท้ายๆ เอ่ยเสียงแผ่วเกือบไม่ได้ยิน
“ฮะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”
“ปะ...เปล่า ก็ห่วงไง เป็นห่วงน่ะ เฮ้อ...แก่แล้วหูตึง”
“อ๊าย...เด็กบ้า ฉันแก่ตรงไหน เมื่อกี้ยังชมว่าฉันสวยอยู่เลย นายนี่เปลี่ยนใจง่ายจริงๆ”
“ช่างผมเถอะน่า งอนแล้ว เบื่อคนบ้าผู้ชาย”
“นายภู!” คนสวยมีปราม เท้าสะเอวเอาเรื่องทั้งที่นั่งอยู่
ปลายภูแกว่งผ้าเช็ดปากในมือเล่น เป็นเชิงบอกว่าขอยกธงขาวยอมแพ้ แม่คนบ้าผู้ชายเลยได้ยอมสงบปากแล้วนั่งกินไอศกรีมของตัวเองต่อ รอเวลาที่เบียร์ของปลายภูหมดขวด จะได้กลับบ้านเสียที
___________
คฤหาสน์ศิวเศขร เวลาทุ่มเศษๆ
เวนิสาง่วนอยู่กับการจัดสำรับกับข้าวรอขึ้นโต๊ะ วันนี้มีกับข้าวหลายอย่าง มากเกินกว่าปกติเสียด้วย เธอมีความสุขที่ได้ทำอาหาร เป็นความสุขเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ มารดาของเธอมีธุรกิจหลายสิ่งอย่าง แต่เธอไม่มีหัวทางด้านนั้นมากนัก แม้เรียนจบบริหารมา แต่กลับไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ได้นึกชอบ เรียนจบพอให้มารดาสบายใจเท่านั้น เวลาทั้งหมดที่ว่างเธอทุ่มเทให้กับการเรียนทำอาหาร ทั้งเบเกอรี่ จนในที่สุดก็เปิดโรงเรียนสอนทำอาหารของตัวเอง มีนักเรียนในคลาสพอสมควร มันทำให้เธอภูมิใจและมีความสุข
“เอาละ ตักแกงมัสมั่นรอเสิร์ฟเลยนะ ฉันจะทำยำผลไม้อีกสักจานไว้ทานแก้เลี่ยน” บอกสาวใช้แล้วเอาผลไม้ที่มีทั้งหมดในตู้เย็นไปล้างในอ่าง ล้างไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้รู้เลยว่าศศินมายืนซ้อนหลังอยู่ เหล่าสาวใช้ก็รู้งาน รีบปลีกตัวไปแม้ว่าเจ้านายไม่ได้สั่ง
“โอย...เมื่อยจัง วันนี้ฉันคงหลับเป็นตายแน่ๆ”
“อยู่บ้านเฉยๆ นี่เหนื่อยด้วยเหรอ”
“เฮ้ย! พี่? มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ถามแล้วเอียงหน้าขึ้นมอง ศศินยืนซ้อนหลังเธออยู่ ในระยะประชิดเสียด้วย ใกล้จนเธอรับรู้ถึงไออุ่นจากร่างเขา กลิ่นครีมอาบน้ำแบบเดียวกับที่เธอใช้ กรุ่นอยู่ทั่วร่างชาย เขาจะลูบไล้สบู่เหลวที่จุดใดบ้างนะ ซอกคอขาวๆ ท่อนแขนล่ำๆ แผงอกหนั่นแน่นนั่น หรือว่าต่ำลงไปกว่านั้น ต่ำกว่าใต้สะดือ โอ...นี่เธอกำลังคิดเรื่อง หื่นๆ อยู่ใช่ไหม
“นี่...ดูทำหน้าทำตาเข้า อย่าคิดเรื่องอีโรติกกับฉันนะ นี่มันเวลามื้อค่ำ”
“โอ๊ย...รู้ทันอีกละ เบื่อ...” แม้บอกว่าเบื่อแต่ริมฝีปากคลี่ยิ้มขบขัน
“ทำอะไรอีกล่ะ อาหารเต็มโต๊ะแล้ว พ่อเริ่มกินแล้วด้วย สงสัยจะหิว”
“ว่าจะทำยำผลไม้อีกสักจานค่ะ มีแต่แกงกะทิกับผัดๆ ทอดๆ เดี๋ยวจะเลี่ยนเอา” ว่าแล้วจับตะกร้าผลไม้ขึ้นมาถือไว้ แต่คนที่ยืนซ้อนหลังอยู่ไม่ยอมขยับ “ขยับสิพี่ ฮั่นแน่...รู้หรอกน่าว่าอยากอยู่ใกล้ๆ รอคืนนี้สิคะพี่ขา...”
“อา...พูดเองเออเอง” เอ่ยออกมาแก้เขิน ขยับออกจากเวนิสา เฝ้ามองแม่คนตัวบางจับมีดหั่นผลไม้อย่างทึ่งๆ หล่อนทำทุกอย่างเร็วมาก ปอกหั่นผลไม้หลายชนิดในเวลาไม่กี่นาที จังหวะนั้นเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้านก็แว่วเข้าหู ไม่รู้ใครมาเอาค่ำป่านนี้
“อ้อ...เมื่อกี้แม่เธอโทรมา”
“เอ้า แล้วทำไมไม่เอามือถือฉันลงมาด้วยล่ะ”
ศศินมองค้อนแม่คนที่บ่นเขาอยู่ แต่เวนิสาหาได้กริ่งเกรง
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่