[3]
ซ่อนรัก
________
รวีกานต์เดินออกจากลิฟต์มาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ด้วยว่าวันนี้เธอได้แจ้งแก่บอสใหญ่เรื่องเดตที่เขาเคยสัญญาไว้ พวกเธอนัดกันวันเสาร์นี้ ศศินจะมารับเธอที่บ้าน เหมือนฝันที่เป็นจริง ในที่สุดเธอก็จะได้เดตกับชายในฝันแล้ว
ปรื๊นๆๆๆ
เสียงแตรรถดังสนั่นแทรกเข้ามาในห้วงคำนึงอันแสนหวาน รวีกานต์พาตัวเองออกมาสู่โลกของความจริง ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้มืดมิดเต็มที แต่เธอยังไม่ถึงบ้าน เพิ่งจะลงจากรถไฟฟ้า เบื้องหน้าคือถนนที่คลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะและควันโขมงจากท่อไอเสียรถยนต์
เธอควรขึ้นรถสองแถวตรงกลับบ้าน แต่ว่า ความยินดีบางอย่างทำให้เธอต้องไปพบเพื่อนผู้คุ้นเคยเสียก่อน
ณ ปลายภู Coffee
ป้ายหน้าร้านช่วยทำให้รอยยิ้มของรวีกานต์กระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง พอมองเข้าไปด้านในก็เห็นบุรุษร่างสูง กำลังเทคแคร์ลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใสและใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอรีบโบกมือให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาไม่ได้สวมชุดอย่างพนักงานคนอื่น แต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาทว่าดูดี เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านใน คลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนที่ไม่ได้ติดกระดุม มีผ้ากันเปื้อนแบบเดียวกันกับพนักงาน คาดทับเอวไว้ ร้านกาแฟ ณ ปลายภู มีชื่อเสียงในละแวกนี้ อาจเพราะการตกแต่งร้านที่เน้นธรรมชาติด้วยต้นไม้ใบหญ้า แม้จะตั้งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองกรุงฯ ก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใดคือรสชาติกาแฟที่ส่งความสุขมาจากไร่ของที่นี่โดยเฉพาะ
ตอนนี้ลูกค้าเบาบางมากแล้ว ด้วยใกล้เวลาปิดร้านเต็มที
รวีกานต์นั่งลงยังโต๊ะประจำที่สายตาสามารถมองออกไปนอกร้านแล้วเห็นสวนเล็กๆ ที่ทางร้านจัดไว้ มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งสวยงาม ที่สำคัญคือมีต้นกาแฟจริงๆ ให้ได้ทอดสายตาพิจารณา แล้ววินาทีต่อมา กลิ่นนมปั่นหอมๆ ก็ลอยเข้ามาในจมูก
รวีกานต์หลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับกลิ่นหวานนุ่มที่กำลังถูกเสิร์ฟลงตรงหน้า
“อภินันทนาการประจำวันนี้ แด่สตรีที่สวยที่สุดของผมครับ”
บุรุษหน้าหวานเอ่ยพร้อมโปรยยิ้มเจ้าชู้
รวีกานต์ย่นจมูกใส่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อถูกยอ
“วันนี้ก็ฟรีอีกใช่ไหม” เธอถามแล้วหยิบหลอดนมปั่นมาดูดอึกใหญ่ๆ
“แน่นอนครับ ร้านนี้มีของฟรีให้ชิมทุกวัน มาบ่อยๆ สิครับตะวัน”
ปลายภู สุรสุนธร เอ่ยกับสตรีตรงหน้าอย่างมีมิตรไมตรี สามปีแล้วที่เขาเปิดร้านกาแฟที่นี่ และสามปีเช่นกันที่เขากับรวีกานต์สนิทกัน อายุที่ห่างกันถึงห้าปี ไม่ได้ทำให้เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ
“เจ้าของร้านคงรวยเว่อร์ หรือไม่ก็นายคงถูกหักเงินค่าที่เอาของกินมาเซ่นฉัน”
“ว่าไปโน่น บอกว่าฟรีก็ฟรีสิครับ”
“ขอให้จริงเถอะน่า อืม...อร่อยจัง”
“แน่นอน ฝีมือผมนี่”
เขาว่าแล้วยิ้มจนตาหยี ทั้งสองนั่งถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไปเรื่อยๆ พนักงานในร้านเริ่มเก็บกวาดเนื่องด้วยใกล้เวลาปิดร้าน ตอนนี้ทั้งร้านเหลือแค่รวีกานต์เป็นลูกค้าเพียงคนเดียว
“มีเรื่องจะคุยกับนายเยอะเลย แต่นายต้องทำงานใช่ไหม งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ฉันมาใหม่ดีกว่า”
“ไม่เอาครับ คุยวันนี้แหละ ไม่ได้เจอตะวันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
“ก็นายหายไปไหนล่ะ ฉันก็มาส่องทุกวัน ไม่เห็นนายมาทำงานฉันเลยไม่เข้าร้าน” ว่าแล้วทำหน้าเง้าใส่หนุ่มรุ่นน้อง ถ้าไม่มีศศินอยู่ในใจก่อนแล้ว เธอคงตกหลุมรักพ่อเด็กน้อยร้านกาแฟแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ เขาเป็นแค่เด็กเสิร์ฟร้านกาแฟ ไม่มีอนาคตสดใสพอให้เธอฝากชีวิตไว้ได้ คบกันเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง ไว้ปรึกษาหารือน่าจะเหมาะกว่า
“ช่วงนี้ผมยุ่งๆ ครับ เรื่องเรียนน่ะ”
“อ้อ...จริงด้วย นายยังเรียนไม่จบนี่นา ดีแล้วล่ะ ต่อไปจะได้มีงานดีๆ ทำ ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องเขาแบบนี้”
“เอ่อ...คือว่า ตะวันครับ มันไม่ใช่...”
“เอ๊ะ เขาเริ่มเก็บร้านแล้วนี่นา งั้นฉันไปดีกว่า”
ปลายภูรีบลุกยืน ยังไงวันนี้ก็ต้องได้คุยกับรวีกานต์สักนิด
“ไปคุยกันฝั่งโน้นเถอะครับ” ว่าแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกวางไว้บนโต๊ะ
รวีกานต์ชักงง “แล้วนายไม่ต้องเก็บร้านช่วยเพื่อนเหรอ”
“เฮ้อ...มาเถอะน่า ไม่ต้องห่วงเรื่องผมหรอก” ว่าพลางกุมมือน้อยของรวีกานต์แล้วจูงออกไปนอกร้าน ปล่อยให้เหล่าพนักงานทำงานกันไปไม่ได้สนใจจะอยู่ช่วย
ปลายภูพารวีกานต์มานั่งที่ร้านอาหารกึ่งผับที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านกาแฟ ร้านหรูพอสมควร มีนักดนตรีมาเล่นแต่หัวค่ำ สร้างบรรยากาศให้ลูกค้าได้ผ่อนคลาย
“พาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย ร้านนี้แพงจะตาย หัวหน้าแผนกเคยพามาเลี้ยงครั้งหนึ่ง เช็กบิลมาทีลมแทบจับ” รวีกานต์บ่นอุบ กลัวว่าจะได้จ่ายเงินค่าอาหารมื้อนี้
“สั่งอาหารเถอะครับ ผมหิวจะตายอยู่แล้ว เอาเลยๆ ผมเลี้ยง”
“เงินเดือนออกหรือไงยะ”
“ถือซะว่าถูกหวยแล้วกัน เลี้ยงจริงๆ น่า”
เขาย้ำอีก กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมสั่งอะไร
“งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ จะสั่งให้กระเป๋าแฟบเลยคอยดู”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ เพราะกระเป๋าผมตุงเสมอสำหรับตะวัน”
เด็กน้อยหยอดคำหวาน รวีกานต์ยิ้มแป้น รู้สึกดียามมีคนเอาอกเอาใจ
หญิงสาวสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย อาจเพราะคนที่มาด้วย คุยกันถูกคอ อาหารมื้อนี้เลยถูกปากเป็นพิเศษ
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่