ศศินดึงเสื้อมาสวมอย่างไม่เต็มใจนัก เขาสวมกางเกงกับเสื้อกล้ามแล้ว แค่สวมเชิ้ตกับสูทเท่ๆ เข้าไปก็เป็นอันเรียบร้อย ทว่าพอมองดูแม่สาวขายาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ต้องแปลกใจ หล่อนไม่ได้แต่งชุดสวยเพื่ออยู่บ้านใช่ไหม ชุดกระโปรงสีชมพูยาวกรอมเท้า แขนเสื้อยาวถึงศอก ติดลูกไม้ที่รอบคอและที่ปลายสุดของแขนเสื้อ ดูน่ารักน่ามอง หล่อนแต่งหน้าอ่อนๆ ผมที่ยาวสลวยถูกถักเปียหลวมๆ เปิดวงหน้างามให้โดดเด่นสะดุดตา
“เธอจะไปไหน”
“ฉลองค่ะ”
“เรื่อง?”
“เรื่องที่รอบเดือนฉันหายสนิทแล้ว” ว่าแล้วยิ้มทะเล้น
ศศินส่ายหน้า “หาเรื่องเที่ยวละสิ”
“แน่นอนค่ะ ก็นี่มันวันหยุดนี่คะ พี่ยังหนีเที่ยวเลย”
“ฉันไปตามหน้าที่หรอกน่า”
“แหม...ไปตามหน้าที่ต้องลังเลในการเลือกชุดขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เชื่อหรอก”
“นี่...จะมาจับผิดฉันทำไมเนี่ย หลีกเลย จะออก”
เวนิสาเบี่ยงกายหลบคนขี้โมโห เธอยิ้มไล่หลังเขา ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาต่อสายหาเพื่อนรัก รอสายอยู่กว่าสามนาที เจ้าตัวถึงยอมรับ
“นี่! ทำอะไรอยู่ฮะ โทรทั้งนาน” แม่ดาวพระศุกร์บ่นให้ยัยดวงตะวัน
“หาเสื้ออยู่น่ะสิ ชุดสวยๆ ของฉันมันไม่เหมาะเลย โอ๊ย...ปวดหัว” คนปลายสายโอดโอย
เวนิสาเม้มปาก กลอกตาไปมา
“ของฉันในตู้ไง บางตัวซื้อมายังไม่ได้ใส่เลย แกเลือกๆ เอาเถอะ อย่าลืมแกะป้ายราคาออกด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
“เชิญเถอะย่ะ”
“อ๊าย...แกนี่น่ารักที่สุดเลย วีนัสของฉัน!”
เวนิสาส่ายหน้าแล้วยิ้ม มองตัวเองในกระจกแล้วถอนหายใจเบาๆ
“ว่าแต่...แกจะไปเดตที่ไหน”
“ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะไปสวนสนุกน่ะ รำลึกความหลังซะหน่อย”
เวนิสาเบะปากใส่กระจกเงา
“มันเวิร์คหรือแก ไหนแกเคยบอกว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด เขาจะชอบอะไรที่มันครึกครื้นเหรอ”
รวีกานต์ฉุกใจคิด “เออว่ะ ไปไหนดีวะ”
“โอ๊ย...ไม่บอกหรอก แกก็คิดเองสิ คู่เดตแกนะไม่ใช่คู่เดตฉัน แค่นี้นะ ฉันก็จะไปเดตเหมือนกัน”
“เฮ้ย...แกมีเดตแล้วไม่บอกเพื่อนเหรอ บอกมาเลยนะ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ใช่ว่าที่พ่อของลูกแกหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันเป็นสตรีที่น่าเวทนามาก เพราะฉันจะไปเดตคนเดียว ได้ยินแล้วก็รีบวางสายแล้วไปหาชุดสวยมาใส่ซะ แค่นี้นะ!”
เวนิสาวางสายเพื่อนรัก หันมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง เป็นผู้หญิงยุคใหม่ต้องสตรอง ไปเที่ยวคนเดียวก็ได้ ไม่ง้อผู้ชายหรอก เชอะ!
___________
เวลา 9:45 นาฬิกา ณ หอศิลป์ฯ
รวีกานต์ลงจากรถพร้อมรอยยิ้มสดใส ชุดสวยของเวนิสาช่วยให้เธอมีความมั่นใจ ราคาของมันไม่ต้องพูดถึง มือเธอแทบสั่นระริกตอนแกะป้ายราคาออกเมื่อเช้า ชุดบ้าอะไรราคาตั้งสี่หมื่น เท่าเงินเดือนทั้งเดือนของเธอเลย
“แปลกใจนะครับที่รู้ว่าคุณอยากมาที่นี่” ศศินประหลาดใจ หรือว่าเขาไม่ค่อยได้ออกเดตเลยไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงชอบมาที่นี่ด้วย
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันอยากไปสวนสนุก แต่กลัวว่าบอสจะไม่สนุกน่ะ”
“อ่า...ไปก็ได้นะครับ ผมแล้วแต่คุณเลย”
รวีกานต์ยิ้มขัน “ช่างเถอะค่า ที่ไหนก็ได้ แค่ได้ควงบอสออกเดตฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ”
ความจริงใจของหญิงสาวแทรกซึมสู่หัวใจของชายหนุ่ม เกือบคลี่ยิ้มออกมาแต่ฝืนตัวเองเอาไว้
“ไปเถอะครับ น่าจะใกล้เวลาเปิดแล้ว”
บิ๊กบอสแห่งศิวเศขรผายมือเชื้อเชิญ แดดเริ่มแรงขึ้นหลังจากเมืองกรุงฯ ตกอยู่ใต้หยาดพิรุณมาหลายวัน รถยนต์วนเวียนเข้ามาจอดภายในลานจอด ศศินต้องคอยมองก่อนข้ามถนน ทว่ามองอย่างไรก็ยังหลุดรอดจากสายตา
ปรื๊น!
“เฮ้ย!”
“บอส!”
หวืด! ปึก!
ร่างสูงของบุรุษถูกฉุดด้วยมือน้อย รวีกานต์ดึงแขนของศศินได้ทันก่อนที่เขาจะโดนรถคันหนึ่งเฉี่ยวเอา เธอดึงเขาสุดแรงจนร่างเขาชนกับท้ายรถอีกคันที่อยู่ข้างหลัง
“นี่! ขับรถประสาอะไรฮะ!” รวีกานต์ร้องไหล่หลังรถเก๋งคันหนึ่งที่คงจะเฉี่ยวร่างศศินหากเธอไม่ดึงเขาไว้เสียก่อน “เป็นยังไงบ้างคะ ขอโทษนะคะ ฉันดึงบอสแรงไปหน่อย”
ศศินนิ่วหน้า เจ็บหลังนิดๆ แต่พอทนได้
“ผมไม่เป็นไร คุณตะวันเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ถามแล้วพิจารณาร่างบอบบางของรวีกานต์ นอกจากใบหน้าตื่นตระหนกก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติ
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจน่ะ มันน่าตามไปเอาเรื่องจริงๆ ลานจอดรถแท้ๆ จะขับเร็วอะไรนักหนา”
“ช่างเถอะครับ ไปเถอะ แดดเริ่มร้อนแล้ว” ไม่ใช่แค่เอ่ยชวน แต่กำข้อมือของรวีกานต์แล้วดึงให้เดินตามมา ด้วยไม่มั่นใจว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเมื่อไหร่ เขาเป็นผู้ชาย จะอย่างไรก็ควรปกป้องผู้หญิงไม่ใช่หรือ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างรวีกานต์นี่อย่างไร
แม่ดวงตะวันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามถูกมือแกร่งจับจูง เหมาเอาว่าเขาคงมีความรู้สึกดีๆ ให้เธอบ้าง เธอนี่แมนไหมล่ะ แทนที่เขาจะช่วยให้หลุดพ้นจากอุบัติเหตุ กลับเป็นเธอที่ช่วยเขา คงได้ใจเขาสินะ อา...อยากโทรไปรายงานเพื่อนรักจังเลย ไม่รู้ตอนนี้เวนิสาจะทำอะไรอยู่นะ
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่