“คิดว่าฉันจะสนเหรอ เธอนี่ตัวปัญหาจริงๆ” ว่าจบก็หันหลังเดินไปที่ประตู
เวนิสาถอนหายใจแรงๆ พยายามลุกยืนด้วยสองขาแต่ไม่สำเร็จ
“โอย...นั่งพักก่อนแล้วกัน ไม่ไหวๆ” บอกตัวเองแล้วนั่งลงที่เดิม ทว่านาทีถัดมาร่างของเธอก็ถูกอุ้มด้วยแขนแกร่งของคนที่ชอบเอ็ดอึง หน้าตาเขาไม่สบอารมณ์นัก
“น่ารำคาญ” ปากบ่นว่า แต่สองแขนอุ้มร่างเวนิสาดิบดี
หญิงสาวค้อนฟ้าค้อนลม
“ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย พี่ต่างหากที่ดึงฉันลงสระ”
“ก็เธอใส่ชุดว่ายน้ำมา เป็นใครก็ต้องรู้ว่ามาว่ายน้ำ จะไปรู้ได้ไงว่าว่ายน้ำไม่เป็น” เขาชี้แจง
เวนิสาค้อนให้อีกวงใหญ่ ยกสองแขนโอบรอบคอแกร่งของพี่ศศินคนดี
“ฉันกลัวจริงๆ นะ น้ำเข้าปากเข้าจมูกฉันจนหายใจไม่ออก แสบกะโหลกไปหมดเลย” เธออ้อนบ้าง ได้ยินเสียงศศินถอนหายใจเบาๆ เขาพาเธอเดินออกจากโรงยิม เข้าไปในบ้าน โชคดีที่ลุงวศินไม่อยู่เลยไม่ต้องอธิบายอะไร
“ลงได้แล้ว ขึ้นบันไดเอง” เขาสั่งแต่หญิงสาวส่ายหน้าดิก
“อือ...บอกแล้วว่าขาเปลี้ย ไม่มีแรงเลย ถ้าพี่ปล่อยฉันลงตรงนี้ ฉันคงได้คลานขึ้นไป” บอกเขาแล้วทำตาปริบๆ อ้อนๆๆ
ศศินไม่หลงกล จะวางหล่อนลงยืน
“พี่คะ...ไม่มีแรงจริงๆ โอย...เหนื่อยจัง ฉันจะตายแล้วเหรอ ทำไมมันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขนาดนี้” บอกแล้วทำสองแขนหล่นร่วงจากการโอบรอบคอเขา
ศศินหน้ายู่ ไม่มีทางเลือกเลยต้องอุ้มแม่ตัวแสบขึ้นบันได แล้วบันไดไม่ได้มีแค่ขั้นสองขั้นนะ มากกว่าสิบขั้นด้วยซ้ำ มันลำบากจนเหงื่อแตกพลั่กๆ กว่าจะอุ้มหล่อนขึ้นมาถึงห้องนอน
“อา...ถึงแล้ว ปล่อยสิคะพี่ อุ้มมาไม่หนักหรือไง”
“หา!?” ศศินอ้าปากค้าง แม่ตัวแสบปีนลงจากแขนเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่หล่อนแกล้งเขาสินะ
ปัง!
ประตูห้องนอนถูกปิดลงด้วยมือเจ้าของห้อง เวนิสาเมินใส่ คว้าผ้าขนหนูได้ก็เดินเข้าห้องน้ำ
“นี่! ให้ฉันอาบก่อน!”
“ฉันเหนียวตัวนี่คะ ขออาบก่อนแล้วกัน”
“แต่นั่นห้องน้ำฉันนะ!”
“เฮ้อ...งั้นก็มาอาบพร้อมกันดีไหมคะพี่ขา...” ถามเขายิ้มๆ เข้าไปในห้องน้ำแต่ไม่ปิดประตู แง้มมันไว้เล็กน้อยเพื่อ อ่อย...สุดชีวิต
คนถูกอ่อยส่ายหน้าระอา เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วถอดกางเกงว่ายน้ำออกแรงๆ โมโหที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเวนิสาสามารถสร้างความวุ่นวายให้เขาทั้งร่างกายและจิตใจได้ขนาดนี้ ดูหล่อนสิ คงสนุกกับการแกล้งเขาสินะ อาบน้ำเสียงดังซู่ๆ แต่ไม่ยอมปิดประตู
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!”
แอ๊ด...
ประตูห้องน้ำเปิดผางออก เวนิสาในชุดว่ายน้ำทูพีชยืนอยู่ใต้สายน้ำ ตื่นตระหนกเพราะไม่นึกว่าเขาจะเข้ามาจริงๆ
“อย่าคิดเรื่องนั้น ฉันแค่เหนียวตัว ถ้าเธอทนไม่ไหวก็ออกไป ฉันจะอาบก่อน” ว่าแล้วเข้าไปยืนซ้อนหลังเวนิสา
ผิวเนื้อที่สัมผัสกันชวนให้แม่สาวพรหมจรรย์ชักกลัวขึ้นมา เขาไม่ได้สวมอะไรเลย พร้อมสำหรับการอาบน้ำอย่างเต็มที่
“งะ...งั้น งั้นฉันจะอาบทีหลัง พี่อาบก่อนเถอะ” พอตั้งท่าจะหนีออกไป เขากลับจับแขนเธอไว้แล้วดันจนหลังเธอติดผนัง “จะทำอะไรคะ”
“ทำไม กลัวเหรอ”
สีแดงระเรื่อกลืนกินผิวแก้มของเวนิสา พยายามตั้งสติให้มั่นแล้วจ้องเพียงลาดไหล่ขึ้นมาถึงใบหน้า ไม่ยอมมองลงไปต่ำกว่านั้น ศศินหัวเราะเยาะเหมือนรู้ทัน เขาปิดฝักบัวให้น้ำหยุดไหล แล้วหันมาไล้มือไปตามแนวคางของเธอ หลังมือเขาอุ่นแม้ถูกชโลมด้วยมวลน้ำ เขาวางมือลงมาที่บ่าของเธอ
“เล่นยั่วกันขนาดนี้แล้วเดินหนีมันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ เธอทำเกินไปนะวี”
“ฉะ...ฉัน เอ่อ...ตอนนี้คงไม่เหมาะมั้งคะ ยังไงซะวันนี้ฉันก็คงไม่ท้อง ต่อให้ระหว่างเรามีค่ำคืนอีโรติกร่วมกันก็ตาม มันไม่ใช่วันไข่ตกของฉันค่ะ” เธออธิบายด้วยหลักของความจริง วันไข่ตกของเธอไม่ได้มีทุกวัน ทุกอย่างต้องอาศัยจังหวะตามกลไกร่างกายมนุษย์
“ฉันไม่สนวันไข่ตกหรอก ถ้าอยากขึ้นมาวันไหนก็เหมือนกัน!”
“อื้อ...”
ริมฝีปากอิ่มถูกบดคลึงอย่างรุนแรง ศศินเหมือนต้องการลงโทษเวนิสา สายเสื้อของชุดว่ายน้ำถูกดันลงจากบ่าบาง เขาดึงมันทิ้งอย่างไม่ไยดี ริมฝีปากคมพรมจูบไม่หยุด เหมือนว่ารสจุมพิตอร่อยลิ้นเสียจนมิสามารถยุติได้ ทว่าเมื่อจุมพิตดูดดื่มจนพอใจ และเมื่อสองมือได้สัมผัสผิวทรวงนุ่มลื่น สติของศศินก็ได้โคจรกลับมา เขาทำแบบนี้กับเวนิสาไม่ได้ เรื่องยุ่งยากจะตามมา เขาต้องหยุด!
หญิงสาวหอบแฮ่กๆ เมื่อเขาถอนจูบที่กินเวลากว่าสามนาที สายเสื้อของเธอถูกดึงคืนมาที่เดิม เขากัดฟันแน่น มองมาด้วยดวงตาหวานเยิ้มแต่ไม่ยอมทำต่อ
“อย่ายั่วฉันอีก ถ้าไม่อยากเสียใจ!”
เขาเตือนเพียงเท่านั้นแล้วพาร่างเปล่าเปลือยออกไปจากห้องน้ำ
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่