หายจากกันไป5ปี เจอหน้ากันอีกทีความรู้สึกที่มีก็ไม่เหมือนเดิม... ต่างคนก็ต่างไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก ความใกล้ชิดสนิทสนมจึงพาเขาสองคนก้าวสู่ความสัมพันธ์สุดลึกซึ้ง ///เรื่องของเฮียภพและเอมมี่
View More“แก ฉันจะทำยังไงดี ๆ”
[โอ๊ย เอมมี่ แกต้องตั้งสติก่อนย่ะอันดับแรก]
“ฮือ ฉันทำไม่ได้ แค่รู้ว่าเฮียกำลังมารับฉันก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วเนี่ย”
[อย่าทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กสิบสี่ที่กำลังหัดมีความรักได้ไหม]
“ฮือ ไอ้เรน แกช่วยฉันด้วยสิ T_T”
[ฉันบอกแล้วว่าให้แกล้งบ้าไปเลยถ้าไม่รู้จะทำตัวยังไง]
“ไม่ได้สิ ฉันไม่ได้เจอหน้าเฮียมาตั้งห้าปีเลยนะ”
[รู้แล้วน่า แกย้ำฉันรอบที่ล้านแล้วมั้งเนี่ย]
“แก ฉันโทรบอกให้พ่อมารับเลยดีไหม”
[สติค่ะ สตินิดหนึ่ง คิดถึงมากไม่ใช่หรือไง เห็นก่อนหน้านี้ครวญครางเหมือนคนโดนแฟนทิ้ง โอกาสมาถึงแล้ว ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองอีก เดินหน้าเลยค่ะเพื่อน!]
“แต่...”
[ถ้าแกปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้แล้วนะ!]
“เฮ้ย เฮียมาแล้ว ๆ แค่นี้นะแก เดี๋ยวคืนนี้ฉันโทรหา”
[อ้าว ไอ้เอม ไอ้เอม!]
เอมมี่ไม่ให้เรนนี่พูดอะไรต่อ เธอกดตัดสายและเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพายข้างที่วางอยู่ข้างกาย พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติยามเมื่อเห็นคนที่เธอเคยคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินตรงมา
ไม่สิ จะบอกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาก็ไม่เต็มปากเพราะเธอและธีรภพไม่ได้เจอหน้ากันมานานนับ 5 ปีเลยนะ!
“อะแฮ่ม” เอมมี่กระแอมไอหวังคิดหาคำทักทายที่ลอยวนอยู่ในหัว
“รอเฮียนานไหม”
“…”
เอมมี่แน่นิ่งไปชั่วขณะยามเมื่อธีรภพเดินเข้ามาใกล้ 5 ปีที่ไม่ได้เจอเธอต้องยอมรับเลยว่าเฮียธีร์ของเธอเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน ร่างกายกำยำ ใบหน้ายังหล่อคมเหมือนเดิม แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นนั้นยิ่งทำให้ธีรภพมีเสน่ห์ที่เธอไม่สามารถต้านทานได้...
“หนู...ทำไมหน้าแดง” ธีรภพโบกมือไปมาตรงหน้า
“อ๋อ...เอ่อ อากาศมันร้อน” เอมมี่ตอบไปแบบนั้น จะให้เฮียของเธอรู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าเธอนั้นเขิน!
“ขอโทษนะ พอดีเฮียติดประชุมเลยมารับช้า”
“ไม่เป็นอะไรเลย แค่เฮียมารับหนูก็ดีแล้ว” เอมมี่ตอบแต่ไม่กล้ามองหน้า
ธีรภพขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วง “งั้นไปกันไหม หนูจะได้พักผ่อน”
“ไป ๆ ไปกันค่ะ”
เฮียธีร์หรือธีรภพ เป็นลูกชายของเพื่อนคนสนิทของพ่อเอมมี่ เธอและธีรภพเติบโตมาด้วยกันก่อนที่ธีรภพจะไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ
ตอนนั้นเอมมี่อายุ 17-18 ปี เธอยังความรู้สึกนั้นได้ดี... เธอทำใจไม่ได้ที่ต้องแยกจากพี่ชายที่แสนดี แต่ธีรภพก็บอกให้เธอตั้งใจเรียน ถ้าเธอเรียนจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หากเธออยากไปเรียนต่อปริญญาตรีด้วยกัน ธีรภพจะคุยกับผู้เป็นพ่อของเธอให้
แต่แล้วธีรภพก็เริ่มติดเพื่อน เรียนหนักจนไม่มีเวลาติดต่อกับเอมมี่ ทั้งสองจึงห่างกัน ไม่ได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนี้เอมมี่อายุ 22 ปี กำลังจะเรียนจบปริญญาตรีแต่ต้องฝึกงานในเทอมนี้ให้จบเสียก่อน พ่อของเธอเลยเสนอให้มาฝึกงานที่บริษัทของธีรภพ ตอนแรกเธอคัดค้านแต่ลึก ๆ ในใจเธอก็อยากเจอหน้า ไม่เจอหน้ากันนานขนาดนั้นไม่รู้ตอนนี้เฮียสุดที่รักของเธอจะเป็นเช่นไร
เอมมี่ยอมรับว่าธีรภพในวัย 27 ย่างเข้า 28 ยังคงหล่อเหมือนตอนแรกรุ่นที่เธอหลงใหล คนอะไรไม่รู้...ยิ่งโตยิ่งหล่อ อยากได้!
บ้านสองชั้นหลังใหญ่ บริเวณโดยรอบกว้างขวาง ธีรภพขับรถหรูคันเกือบสิบล้านเข้าไปจอดในโรงจอดรถ ระหว่างทางไม่มีเสียงพูดคุยกันแม้แต่น้อยเพราะธีรภพเอาแต่คุยงานกับเลขา เอมมี่เลยไม่กล้าชวนคุย
“ถึงแล้ว” ธีรภพบอกพร้อมกับก้มลงมาปลดสายเข็มขัดนิรภัยให้กับเอมมี่
“โอ้โฮ เฮียอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเหรอ” เอมมี่สนใจบ้านหลังใหญ่ตรงหน้ามากกว่า
“ใช่...แต่ตอนนี้เฮียก็มีหนูมาอยู่ด้วยแล้วไง” ธีรภพยกยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาหัวใจของเอมมี่ทำงานหนัก เจ้าของรถเดินลงจากรถไปก่อนอ้อมมาอีกฝั่ง ประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับถูกเปิดออก
“ขอบคุณค่ะ” เอมมี่ยิ้มพร้อมกับพูดเสียงหวาน
“เดี๋ยวเฮียให้แม่บ้านพาหนูไปดูห้องนะ”
“อ้าว เฮียจะไปไหน”
“เฮียต้องกลับไปบริษัทก่อน”
“อ๋อ โอเค”
“เจอกันตอนเย็นนะ”
“ครับผม!”
ธีรภพวางมือลงบนหัวของเอมมี่อย่างเคยชิน ยีมันไปมาเบา ๆ ก่อนขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับตามเดิมและขับรถออกไป
เอมมี่เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง อยากจะกรี๊ดออกมาแทบแย่แต่ทำไม่ได้!
เอมมี่ใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่ก่อนจะผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีแม่บ้านมาเคาะประตูเรียกเธอลงไปทานข้าวเย็น
เธอไม่ได้สนใจข้าวเย็นหรอกนะ...เธออยากเห็นหน้าเฮียสุดที่รักของเธอต่างหาก
เอมมี่หวีผมเติมลิปสติกสีสดใส รีบเดินลงจากชั้นสองไป ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงราวกับคนมีความรัก
“เฮีย...” เสียงขาดหายไปในอากาศเมื่อมองไปยังโซฟารับแขกที่มีธีรภพและผู้หญิงที่เอมมี่ไม่ชอบหน้าเอาเสียเลย
ผู้หญิงคนนั้นนั่นคล้องแขนธีรภพอยู่โดยที่ธีรภพก็ไม่ได้ขัดขืนหรือปฏิเสธ
“นี่ไง น้องของเราที่เราเคยเล่าให้เมย์ฟัง” ธีรภพพูดกับคนข้างกาย
“อ๋อ น้องเอมมี่ใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมา
“ใช่”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ชื่อเมย์ เป็นแฟนของธีร์เขาน่ะ”
หาดทรายเงียบสงบ น้ำทะเลสีใส บ้านพักตากอากาศที่ธีรภพซื้อไว้เพื่อเป็นของขวัญวันรับปริญญาของเอมมี่ บ้านชั้นเดียวหลังกว้าง บริเวณรอบบ้านมีสวนหย่อมขนาดเล็ก เอมมี่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ ทอดมองทะเลกว้างที่อยู่ตรงหน้า ลมเย็นจากใต้ร่มไม้บวกกับลมจากทะเลปะทะเข้าที่หน้า เสื้อสายเดี่ยวผ้าทักลายดอกไม้ กระโปรงสีขาวผ้าบางปลิวไปตามแรงลม เอมมี่มองวิวตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด “สดชื่นจัง” เอมมี่ยิ้มกว้าง “หนู” ธีรภพเดินมาซ้อนด้านหลัง ใช้มือวางลงบนมือของเอมมี่ที่จับเชือกชิงช้าอยู่ “ขา” เอมมี่แหงนหน้าไปสบตา จุ๊บ ธีรภพจุ๊บลงบนริมฝีปากเธอแผ่วเบา “ไม่ร้อนเหรอ” ธีรภพเดินลงไปนั่งบนพื้นหญ้าที่อยู่ข้าง ๆ กับเอมมี่ “ไม่ค่ะ ตรงนี้เย็นสบาย” “ชอบไหม” เอมมี่ก้มลงไปสบตา ยิ้มกว้างก่อนเอ่ย “ชอบค่ะ ชอบมาก ๆ แต่มันคงแพงมากเลยใช่ไหม” “ไม่แพงเลยสักนิด” “โกหก” “เฮียไม่ได้โกหกครับ” “ขอบคุณนะคะ” เอมมี่ไม่พูดเปล่า เธอลุกขึ้นยืน เ
เอมมี่ยิ้มหวานเพราะความมึนเมา ไม่ว่าใครเข้ามาขอชนแก้วเธอก็ชนกลับไปทุกราย“ไม่เอาแล้วโว้ย กลับไปแซ่บแบบเดิมดีกว่า” เอมมี่ยกแก้วขึ้นแล้วพูดออกมาเสียงดัง ยังดีที่เพลงในร้านดังกว่าเสียงของเธอ ไม่อย่างนั้นเรนนี่คงได้หาถุงมาคลุมหัวเพราะความอายแน่ ๆ“หนูจะกลับไปอะไรนะครับ” ธีรภพยื่นหน้าไปใกล้ เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุ“เฮีย!” เอมมี่ลดมือลง กะพริบตาปริบ ๆ ความมึนเมาเหมือนจะหายไปในทันที“เอ่อ” เรนนี่อึกอักก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อเรนนี่เป็นเพื่อนเอมมี่ค่ะ”“ครับ” ธีรภพยิ้มรับน้อย ๆ “พี่ขอถามน้องเรนนี่ได้ไหมว่าเอมมี่เป็นอะไร” เขาเลือกที่จะไม่ถามเจ้าตัวเพราะตอนนี้เอมมี่นั้นไม่ค่อยมีสติ คำพูดอาจจะเชื่อถือไม่ได้“คือว่า...” เรนนี่กำลังจะพูดแต่เอมมี่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน“ไอ้เรน ถ้าแกพูดฉันโกรธนะ!” เอมมี่ชี้หน้า“เออ ฉันไม่บอกพี่เขาหรอกว่าแกไปเจออะไรที่ห้องทำงานพี่เขาตอนเที่ยงน่ะ” เรนนี่ตอบติดตลก“ไอ้เรนนี่!” เอมมี่ขึ้นเสียง หวังจะลุกขึ้นไปตีเพื่อนตัวเองแต่ความเมาทำให้เธอขาอ่อนแรง อิงซบลงบนไหล่ของธีรภพที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง“อ๋อ จ้า ล้มถูกที่ซะด้วยนะ” เรนนี่แขวะเบา ๆ“เรื่องตอนเที่ยงเหรอ
วันนี้ธีรภพออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เอมมี่ยังไม่ทันลืมตาตื่นเขาก็ออกไปทำงานเสียแล้ว วันนี้ตอนเย็นเอมมี่มีนัดกับเรนนี่ เพื่อนสาวสุดสวยมาหาเธอทั้งที เธอเลยอยากพาเพื่อนไปเที่ยวแต่เอมมี่พยายามโทรติดต่อหาธีรภพหลายสายอีกฝ่ายก็ไม่ตอบรับ ช่วงพักเที่ยงเอมมี่เลยถือวิสาสะขึ้นไปยังชั้นบริหาร เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คนน้อยและทางสะดวก หากใครถามก็ค่อยตอบออกไปว่าเอางานมาให้เลขาของธีรภพสองเท้าก้าวออกจากลิฟต์ เดินตรงไปยังห้องทำงานของธีรภพแต่ก็ไม่เห็นว่ารุ่งนภาจะอยู่ตรงนี้...หรือว่าออกไปทำงานข้างนอกกันนะเอมมี่ไม่ปล่อยให้ความสงสัยทำงานนาน เพราะเธอไม่ได้อยากเป็นเด็กฝึกงานที่มาป้วนเปี้ยนอยู่ชั้นนี้เท่าไรนัก อย่างน้อยให้เธอแน่ใจว่าธีรภพไม่ได้อยู่ในห้องทำงานแล้วเธอจะรีบลงไปสองเท้าหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงาน ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่มองเห็นว่ามันมีกระจกบานเล็กสามารถมองเห็นภายในได้ในทันที เอมมี่จึงค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แต่แล้วภาพที่เธอเห็นก็ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจ... ธีรภพนั่งทำงานอยู่บนโซฟาตัวยาวและข้างกายมีรุ่งนภานั่งอยู่ เอมมี่จะไม่คิดมากหรือสงสัยอะไรเลยหากตัวของทั้งคู่ไม่ได้แนบชิดแทบจะไม่เหลือพื
แสงอาทิตย์ในยามเช้าไม่มีโอกาสได้เข้ามาทักทายเอมมี่ที่นอนหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงของเธอธีรภพกลับห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนกลับเข้ามาในห้องของเอมมี่อีกครั้ง เขาเดินไปนั่งลงบนพื้นที่เตียงฝั่งที่เอมมี่นอนอยู่ มือหนาลูบหัวเล็กแผ่วเบา“เฮียเหรอคะ” เอมมี่พึมพำ“เฮียจะไปทำงานแล้วนะ”“วันนี้หนูตื่นสายอีกแล้ว” เอมมี่พยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่เธอก็รู้สึกเจ็บช่วงล่างเล็กน้อย เธอเลยนอนลงตามเดิม“เจ็บเหรอ”“นิดหน่อยค่ะ”“เดี๋ยวเฮียให้ป้าน้อยเอายาเข้ามาให้นะ”“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวหนูก็ลงไปกินข้าว”“ลุกไหวเหรอ”“น่าจะนะคะ”เอมมี่ใช้มือขยี้ตาสองสามที เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นมาปิดครึ่งหน้า...“เขินเฮียเหรอ”“...” เอมมี่ไม่ตอบ เธอกะพริบตารัว“เฮียเห็นหมดแล้ว...”“เฮียไปทำงานได้แล้ว สายแล้วนะ ไปเลยไป” เอมมี่ใช้มือดันขาของธีรภพให้ออกให้ห่างธีรภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เดี๋ยวเฮียรีบกลับนะ”“โอเค ตั้งใจทำงานนะ”จุ๊บธีรภพโน้มหน้าลงมากดจูบลงบนปากบาง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าก่อนเดินหายออกจากห้องไปเอมมี่ตาเบิกโพลง ใจเต้นระรัว เธอกับธีรภพมีอะไรกันไปเมื่อคืน นี่มันคือเรื่องจ
ธีรภพไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือไปติดกระดุมชุดนอนให้กับเอมมี่ อุ้มเธอในท่าเจ้าสาวไปไว้ตรงกลางเตียงก่อนก้มหน้าลงไปจุมพิตบริเวณหน้าผากเล็ก“ฝันดีครับ” ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอกให้เอมมี่แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนในที่ว่างข้าง ๆ กัน แต่ธีรภพไม่ได้หันมาสบตาเอมมี่ เขานอนหันหลังให้กับเธอนิ้วชี้เรียวยาวจิ้มลงไปบนไหล่ของเจ้าของห้อง “เฮีย”“ว่าไง” ธีรภพตอบ“จะนอนแล้วเหรอคะ” เอมมี่ถามต่อ“ใช่ หนูก็นอนได้แล้ว”“เฮียไหวเหรอคะ” เอมมี่ขยับเข้าใกล้ มือวางลงบนแขนแกร่งของธีรภพ“…”“มันตุงจนหนูเห็นชัดขนาดนั้น...เฮียหลับลงเหรอคะ”ฟุบแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดไม่ได้เป็นอุปสรรคของธีรภพเลย เขาหันกลับมาก่อนกดให้เอมมี่นอนหงายลงไปกับเตียง มือทั้งสองข้างของเขากำลังล็อกข้อมือของเธอเอาไว้สายตาดุ ผมสีดำสนิท สำรวจใบหน้าสวยที่เขาหลงใหลมานานหลายปี“หนูก็รู้ว่ามันอันตราย”“หนูชอบค่ะ หนูอยากให้คนแรกของหนูเป็นเฮีย”“…” ธีรภพพูดอะไรไม่ออก หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน“เฮียให้หนูได้ไหมคะ หนูอยากให้มันเป็นเฮียจริง ๆ”“ทำไมหนูถึงพูดแบบนี้ครับ” น้ำเสียงเริ่มดุ“…” เอมมี่เม้มริมฝีปากเพราะเธอคิดว่าตนเองคงจะถูกธีรภพดุในไม่ช้าแต่ประโยคต่อมาที่ธ
เอมมี่ยกแก้วไวน์สีเข้มเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำให้เธอนอนไม่หลับ สุดท้ายเธอก็ลงไปหาไวน์มาดื่มเพื่อเรียกสติ แต่ไม่รู้ว่าเรียกสติจริงหรือเปล่า เพราะตั้งแต่ที่เธอดื่มไวน์เข้าไปในหัวก็เอาแต่วนเวียนนึกถึงสัมผัสที่ธีรภพมอบให้จูบที่ร้อนแรง ไอร้อนจากฝ่ามือยังคงอยู่ตามร่างกาย แค่นึกถึงความต้องการมันก็เพิ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น...“อ่า เขินเป็นบ้า” เอมมี่พูดกับตัวเอง พร้อมกับมองไวน์ที่เหลืออยู่ในขวด เธอคิดว่าตอนนี้เธอเริ่มเมาเล็กน้อยตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย เธอออกไปดื่มกับเรนนี่เป็นประจำ เธอเลยคอแข็งอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูท่าทางเธอจะแพ้ให้กับฤทธิ์ของไวน์ตรงหน้า“คิดถึงเฮียจัง...อยากให้เฮียจับอีก” พูดจบก็ไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ ชุดนอนแขนยาวผ้าลื่นสีขาวตัวสั้นที่สวมใส่ ภายในไม่ได้สวมชั้นในเพราะใกล้จะนอนเต็มทีเอมมี่เดินออกจากห้องก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของธีรภพก๊อก ๆ ๆอาจจะเป็นเพราะความมึนเมาทำให้เธอกล้ามารบกวนธีรภพในเวลาตีสองกว่า ๆ รอไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกเสื้อยืดสีขาวตัวบาง กางเกงนอนผ้าเนื้อดีสีดำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เอมมี่มองไปยังตรงนั้น...“หนู เมาเหรอ?
Comments