ทหารต้าฉู่ที่รอดชีวิตต่างพร้อมใจพากันทิ้งอาวุธอย่างพร้อมเพรียง ทุกชีวิตทรุดกายลงนั่งคุกเข่าพร้อมส่งเสียงขานรับพระบัญชาของจอมมารออกมาทันที
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ! นับตั้งแต่นี้ต่อไปแคว้นต้าฉู่ยินดีสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเทียนโจวตลอดไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!”เหล่าทหารแคว้นต้าฉู่เปล่งถ้อยคำออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ครั้นจอมมารชินซางได้ยินคำกล่าวของบรรดาทหารต้าฉู่เอ่ยออกมาเช่นนั้น พระองค์หันพระวรกายกลับไปทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้ พระวรกายสูงทะมึนเสด็จพระดำเนินก้าวเข้าไปหาบุรุษที่เหมือนพระบิดาของพระองค์อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย “ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของท่านแล้ว ที่จะจัดการเยี่ยงไรต่อไป ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถจัดการได้ออกมาเป็นอย่างดี” รับสั่งสุรเสียงเรียบเฉย พร้อมพระดำเนินออกไปจากบริเวณนั้น ครั้นเฉินกงฮ่องเต้หายจากพระอาการตกตะลึงและทอดพระเนตรบุรุษปริศนากำลังจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ พระองค์ทรงรีบมีรับสั่งทักท้วงออกไปทันที “เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม!” สุรเสียงรับสั่งรั้งจอมมาร พระวรกายสูงทะมึนทรงหยุดพระดำเนินเมื่อเฉินกงฮ่องเต้รับสั่งรั้งพระองค์เอาไว้ พระพักตร์หล่อเหลาคมคร้ามหันกลับมาทอดพระเนตรฮ่องเต้ผู้นั้นอีกครา “มีอะไรกับข้าอีกอย่างนั้นหรอกรึ” รับสั่งถามกลับไป “เหตุใดจึงรีบไปเสียเล่า ข้ายังมิทันได้กล่าวขอบใจและตอบแทนน้ำใจเจ้าเลยพ่อหนุ่ม อยู่เจรจากับข้าก่อนเถิด สงครามครั้งนี้แคว้นเทียนโจวสามารถรบชนะได้ด้วยฝีมือของเจ้าเพียงผู้เดียว เพียงชั่วพริบตาวรยุทธ์ไม่กี่กระบวนท่าของเจ้าก็สยบกองทัพเป็นเรือนแสนได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นการรบอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ และข้าคือโจวเฉินกงฮ่องเต้กษัตริย์แคว้นเทียนโจว ที่เจ้าช่วยรบ แล้วเจ้าเล่ามีนามว่ากระไร” รับสั่งถามกลับไป พระพักตร์หล่อเหลาคลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “กระหม่อมยินดีช่วยฝ่าพระบาทในฐานะพสกนิกร แต่ตอนนี้กระหม่อมกำลังตามหาคนสำคัญในชีวิตจึงมิอาจอยู่สนทนากับฝ่าบาทได้นาน ขอได้ทรงโปรดประทานอภัย หากรับสั่งถามถึงนามนั้น กระหม่อมมีนามว่าชินซางพ่ะย่ะค่ะ” จอมมารรับสั่งพร้อมก้มพระเศียรเพียงน้อยนิดถวายคำนับให้กับฮ่องเต้แคว้นเทียนโจวในฐานะที่พระองค์ทรงเหมือนพระบิดาผู้ให้กำเนิด ในขณะที่เฉินกงฮ่องเต้มีพระอาการตกตะลึงขึ้นมาทันใด ครั้นทรงได้ยินพระนามของจอมมาร ฮ่องเต้วัยกลางคนรีบพระดำเนินไปดักหน้าพระพักตร์เอาไว้ทันใด “เจ้ามีนามว่าชินซางอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามย้ำกลับไปอีกคราเพื่อความแน่พระทัย พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงติดต่อกัน “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” รับสั่งตอบกลับไป และคำตอบของจอมมารทำให้องค์ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์กว้างออกมาทันที ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรพบป้ายหยกสีเขียวมรกตห้อยอยู่ที่บั้นพระองค์ ก่อนจะจดจำได้ว่าเป็นป้ายหยกที่พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ช่างหลวงจัดทำขึ้น “ปะ... ป้ายหยกนี้ขอข้าดูใกล้ๆ จะได้หรือไม่” รับสั่งขอทอดพระเนตรป้ายหยกในระยะใกล้ชิด พระเนตรสีนิลกาฬของจอมมารทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้อยู่เพียงครู่ ก่อนจะปลดป้ายหยกที่ห้อยอยู่บั้นพระองค์ยื่นส่งให้ฮ่องเต้แคว้นเทียนโจวได้ทอดพระเนตรอย่างชัดเจน ทันทีที่พระหัตถ์รับป้ายหยกจากจอมมารขึ้นมาทอดพระเนตร เฉินกงฮ่องเต้มีพระอาการที่แสดงออกถึงความดีพระทัยสุดขีดขึ้นมาทันที พระองค์แหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรบุรุษตรงหน้า “หยกนี้มีสองชิ้น นอกจากชิ้นนี้แล้วยังมีอีกชิ้นหนึ่งที่สลักชื่อเอาไว้เช่นกันใช่หรือไม่”พระองค์รับสั่งถามย้ำกลับไป ครั้นจอมมารทรงได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงเป็นสัญญาณตอบรับ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” รับสั่งตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมพระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงป้ายหยกอีกชิ้นยื่นส่งให้เฉินกงฮ่องเต้รับไว้ พร้อมมีรับสั่ง “ป้ายหยกทั้งสองชิ้นนี้ บังเอิญกระหม่อม...” ยังมิทันที่พระองค์จะรับสั่งจนจบประโยค เฉินกงฮ่องเต้ตรงปรี่เข้าสวมกอดพระวรกายสูงใหญ่ของจอมมารทันที ครั้นได้ทอดพระเนตรป้ายหยกชิ้นที่เหลือ “ชินซางลูกพ่อ! ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ตาย! เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ด้วย ลูกรักของพ่อ” เฉินกงฮ่องเต้รับสั่งสุรเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำพระเนตรเอ่อล้นคลอเบ้า พร้อมเสียงของบรรดาทหารองครักษ์ที่ได้ยินถ้อยรับสั่งฮ่องเต้ของตน ต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงเป็นการใหญ่ “องค์ชายสี่ยังไม่สิ้นพระชนม์! ที่แท้บุรุษผมสีเงินคือองค์ชายชินซาง!!!” บรรดาทหารองครักษ์ที่ได้ยินถ้อยรับสั่งต่างโจษขานบอกต่อๆ กันออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงของทหารองค์รักษ์และเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งกองทัพ เมื่อได้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วบุรุษร่างสูงใหญ่ทะมึน เจ้าของเส้นผมสีเงินยวงสวมอาภรณ์สีนิลกาฬคือองค์ชายโจวชินซาง หรือองค์ชายสี่ที่หายสาบสูญไปพร้อมพระสนมเอกจิ่วซิน พระมารดาเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน บุรุษผู้นำชัยชนะมาสู่แคว้นเทียนโจว ด้วยฝีมือการสู้รบเพียงลำพังสามารถสยบกองทัพแคว้นต้าฉู่ ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนได้อย่างราบคาบ เหตุการณ์สู้รบระหว่างแคว้นฉู่และแคว้นเทียนโจวบริเวณเขาเหิงไห่ ถูกกล่าวขานปากต่อปากจากกองทหารทั้งสองฝ่ายที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและเริ่มแผ่กระจายข่าวสารออกเป็นวงกว้าง ในขณะที่บุรุษปริศนาร่างสูงใหญ่ทะมึน เจ้าของเกศาสีเงินยวงภายใต้อาภรณ์สีนิลกาฬ เป็นผู้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่แคว้นเทียนโจว และกลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วบุรุษปริศนาคือองค์ชายโจวชินซางที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน เรื่องราวกาลกลับตาลปัตร เมื่อเฉินกงฮ่องเต้ ซึ่งเข้าใจว่าจอมมารชินซางคือพระโอรสที่หายสาบสูญไปพร้อมกับพระสนมเอกผู้เป็นที่รัก ด้วยสาเหตุซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใด พระสนมเอกจิ่วซินจึงหอบพระโอรสหนีจากพระสวามีไปอย่างไม่มีเยื่อใย จอมมารชินซางได้แต่ยืนนิ่ง มิกล่าวถ้อยรับสั่งสิ่งใดต่อไปอีก ก่อนจะก้มลงทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้ที่กำลังสวมกอดพระวรกายของพระองค์อยู่ในขณะนี้ บุรุษวัยกลางคนกำลังโอบกอดจอมมารด้วยความดีใจอย่างหาที่สุดมิได้เมื่อของรักได้หวนกลับคืน “เป็นองค์ชายแคว้นนี้ก็เข้าท่า ฐานันดรสูงส่งเช่นนี้จะทำให้ข้าสามารถตามหานางได้ดีกว่าสถานะทั่วไป แต่ข้าจะเริ่มต้นค้นหานางจากจุดไหนดีเล่า” รับสั่งรำพึงอยู่ในพระทัย ในขณะที่เฉินกงฮ่องเต้ยังคงสวมกอดพระวรกายจอมมารอยู่เช่นนั้นพร้อมสุรเสียงรับสั่ง “ชินซางลูกพ่อ! ในที่สุดสิ่งที่หวังไว้ก่อนแผ่นดินกลบหน้า ว่าอยากพบเจ้ากับแม่อีกครั้งในที่สุดก็เป็นความจริง แม้พ่อต้องสิ้นชีพแดดิ้นนับต่อจากนี้ก็หมดห่วงแล้ว... หมดห่วงแล้วที่พ่อจะฝากความหวังทั้งหมดให้แก่เจ้าชินซาง” ถ้อยรับสั่งของเฉินกงฮ่องเต้ ทำให้จอมมารชินซางรู้สึกมีบางอย่างวิ่งแล่นเข้ามาจุกที่อก สองพระกรค่อยๆ ยกขึ้นโอบกอดเฉินกงฮ่องเต้ ด้วยรู้สึกอบอุ่นในพระทัยเสมือนอดีตจอมมารพระบิดาเคยโอบกอดพระองค์เมื่อครั้งเยาว์ชันษา พระเนตรสีนิลกาฬที่มีแต่ความแข็งกร้าว อ่อนแสงลงโดยพลัน “เสด็จพ่อ!”พระราชวังจำลองพิธีอภิเษกสมรสในซีรีส์เรื่องดัง ถ่ายทำฉากกราบไหว้ฟ้าดินระหว่างนางมารร้ายตัวเอกของเรื่องและชินอ๋องแห่งแคว้นเทียนโจว ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉินวาวาด้วยความรู้สึกยากเกินจะบรรยายออกมาได้ ด้วยทุกอย่างตรงกับพิธีที่การทุกอย่างในยุคอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่โดยรอบ บรรดาข้าราชบริพารที่ยืนประจำจุดของตน รวมไปถึงตำแหน่งที่ประทับขององค์ฮ่องเต้ล้วนเหมือนกันทุกอย่าง“อะ... อะไรกันนี่!” หญิงสาวในชุดเจ้าสาวโบราณในพิธีเตรียมพร้อมเข้าฉากถึงกับยืนตะลึงไปโดยพลันในขณะที่อู๋ชิงเหยียนก็มีอาการไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดว่าพิธีแต่งงานในยุคโบราณจะยิ่งใหญ่อลังการถึงขนาดนี้“โอ้โฮ! วาวาเธอนี่โคตรโชคดีเลยให้ตายสิ! ได้เข้าฉากแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ ราวกับว่าเข้าไปมีชีวิตในซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ” แม่ผู้จัดการสาวกล่าวออกมาตามความรู้สึก“ฉันเคยเข้าพิธีแบบนี้มาแล้วกับชินอ๋องแห่งเทียนโจว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ฉันจะได้เข้าพิธีแบบนี้อีก แตกต่างตรงที่คนที่ฉันจะเข้าพิธีในครั้งนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องของฉัน”
งานแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรเฉินวาวานั่งเงียบงันอยู่บนรถ SUV ของบริษัทฯ ซึ่งเธอเดินทางมาร่วมงานในฐานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ JCS GOLD MASTER ใบหน้างดงามลึกล้ำถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนเฉิดฉายน่ามองชวนหลงใหลอย่างยิ่งยวด หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีแต่ความหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อน“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากแม่ผู้จัดการสาว บ่งบอกให้รู้ว่าเธอกลุ้มใจกับอาการของเพื่อนรัก“วาวา! ถึงงานแล้วไม่ลงเหรอ นั่งเหม่อมาตลอดทาง ไม่ใช่สิ นั่งเหม่อมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นแบบนี้จะสองอาทิตย์แล้วนะ ถามจริงเถอะ! เมื่อไรอาการแบบนี้จะหายไปจากตัวแกเสียที” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนรัก“ไม่หาย! ไม่มีใครรักษาฉันหายหรอกเหยียนเหยียน ป่วยกายรักษาด้วยยาหายได้ แต่ป่วยใจคนที่รักษาได้คือคนรักของฉันเท่านั้น มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ทำได้” กล่าวพร้อมหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาทันที“แปะ!” น้ำตาร่วงหล่นลงมาทันใด“อั้ยยะ! อย่าร้องนะ! อย่าร้อง... ห้ามร้องเด็ดขาดเลย จะต้องเข้าไปในงาน
มณฑลเสฉวน ณ โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องคนไข้พิเศษพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารชินซางยังคงอยู่ในห้วงญาณหลับใหลมาโดยตลอด พระพักตร์หล่อเหลาตราตรึงรัญจวนจิต รับกับขนตางามงอนเป็นแพยาวสวย พระนาสิกโด่งสันสวยขึ้นเป็นสันคม ภายใต้เกศาสีเงินยาวสยายเต็มหมอนที่กำลังถูกนางพยาบาลใช้แปรงหวีพระเกศาสีเงินยาวสยายอย่างเบามือ“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีกเลยเนอะ พระเอกบางคนยังหล่อสู้ไม่ได้เลย เป็นลูกครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงมีเส้นผมสีบลอนด์เงินแบบนี้ สีเงินสม่ำเสมอไม่ใช่สีขาวเพราะผมหงอกก่อนวัยด้วย แถมสูงเกือบสองเมตร หุ่นก็ดี๊ดี... กล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วนเลย เช็ดตัวให้ทีไรมีความสุขจริงๆ เลยนะเธอ” นางพยาบาลสองคนที่ช่วยกันดูแลคนไข้ปริศนา ต่างคุยกันอยู่ใกล้เตียงด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่งยวดตั้งแต่จอมมารถูกช่วยขึ้นจากน้ำตกในอุทยานแห่งชาติที่เดียวกันกับเฉินวาวา หากแต่พบพระองค์ห่างไกลออกไปนอนหมดสติอยู่ทางต้นน้ำ หลังจากนั้นได้ถูกช่วยจากเจ้าหน้าที่อุทยานนำส่งโรงพยาบาลเฉิงตู หลังพระชายาเข้าทำการรักษาไปแล้วหนึ่งวัน นับ
ร่างระหงตรงดิ่งเข้าสวมกอดนางพยาบาลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด ในขณะที่อีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนางร้ายหน้าสวยจึงรู้จักชื่อของเธอ สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“คุณเฉินวาวารู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอคะ” นางพยาบาลที่เหมือนมู่อิงราวเป็นคนเดียวกันถามทำลายความเงียบหญิงสาวที่กำลังสวมกอดด้วยความดีใจ ยิ้มกว้างพร้อมหยาดน้ำตาก่อนจะปล่อยร่างนั้นออกจากอ้อมกอดของเธอเพื่อสำรวจใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ครั้นยิ่งมองยิ่งเหมือนมู่อิงในยุคอดีตทำให้เฉินวาวายิ่งหลั่งน้ำตามากขึ้นไปกว่าเดิม“ขอโทษด้วยคะ พอดีคุณเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักมากๆ เธอมีชื่อและหน้าตาเหมือนกับคุณพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน ก็เลยทำให้นึกถึงและคิดถึงมากด้วย”หญิงสาวตอบพลางส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันทีนางพยาบาลสาวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที เธอเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของนางร้ายที่เธอชื่นชอบ พร้อมเอ่ยปลอบโยน“อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวคนที่คุณรู้จักถ้ารู้ว่าร้องไห้เพราะคิดถึงแบบนี้จะไม่สบายใจเอาได้ ร้องไห้มากตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ”หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีเม
ยุคอนาคตมณฑลเสฉวน ณ.โรงพยาบาลเฉิงตูภายในห้องพิเศษบัดนี้ร่างงามระหงของเฉินวาวา กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล หญิงสาวได้กลับคืนสู่ยุคอนาคต และยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ เธอหลับใหลตั้งแต่อยู่ในอดีตกาลจนกระทั่งกลับมาสู่อนาคตอย่างไม่คาดฝันร่างของเธอถูกพบอยู่บริเวณน้ำตกในอุทยานแห่งชาติในชุดเกราะและสวมหน้ากากทองคำอยู่ด้วยในขณะนั้น แผลจากคมธนูที่ถูกฮ่องเต้แคว้นเยว่ยิงปักถูกร่างนั้น ถูกเย็บและได้รับรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีใครล่วงรู้ว่าเธอมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ในขณะที่การพบนางร้ายหน้าสวยเฉินวาวาเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพราะหญิงสาวหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งเดือน อันเป็นระยะเวลาของโลกอนาคตที่ดำเนินอยู่ ซึ่งแตกต่างจากยุคอดีตที่จากมากาลเวลาในยุคอดีตผ่านไปแล้วหนึ่งปีในขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนักข่าวต่างรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น เมื่อข่าวการค้นพบของเฉินวาวา นางร้ายหน้าสว
ฉับพลันสุรเสียงของจอมมารชินซางดังกระหึ่มท่ามกลางทะเลเพลิง“มันผู้ใดหาญกล้าแตะต้องราชินีของข้า!” สุรเสียงของจอมมารดังกึกก้อง พร้อมพระวรกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ลุกโชนท่วมสูงทิวเขาต่อหน้ากองทัพของทั้งสามแคว้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนของสองฝั่งแม่น้ำ ต่างยืนมองอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นบุรุษสวมอาภรณ์สีนิลกาฬ เกศาสีเงินปลิวยายสยาย ในขณะที่รองแม่ทัพซึ่งล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเห็นชินอ๋องทรงฟื้นขึ้นดั่งเดิมและปรากฏอยู่ตรงหน้าท่ามกลางทะเลเพลิงอยู่ในขณะนี้“ชินอ๋องทรงฟื้นแล้ว! พระองค์ช่วยพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ฮ่องเต้โฉดผู้นี้กำลังจะจับพระชายาถ่วงน้ำ!” รองแม่ทัพตะโกนแทรกออกไปทันทีและนั่นทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้ถึงกับชะงักงันเมื่อบุรุษสูงใหญ่ตรงพระพักตร์แท้จริงแล้วคือชินอ๋องผู้วายชนม์ไปแล้วเมื่อสามเดือนก่อนแต่บัดนี้กลับมาปรากฏพระวรกายด้วยร่างที่ยังคงรูปมิเน่าเปื่อยแต่อย่างใด“เป็นไปไม่ได้! คนตายแล้วฟื้นคืนกลับมาอย่างนั้นรึ!” รับสั่งรำพึงรำพันในขณะเดียวกันพระวรกายสูงใหญ่ทะ