ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในอีกหลายอาทิตย์ผ่านมา
พ่อแม่ของพริมไม่อยู่บ้าน เพราะถูกเชิญไปงานบุญของญาติที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะต้องไปค้างคืน เธอเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว และเข้าช่วงวันหยุดพอดี ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเก็บกวาดทำความสะอาดรอบๆ บ้าน ทำหน้าที่แทนพ่อ
"พี่พริมครับ ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น?"
"อุ้ย ตกใจหมด!"
"ผมถาม ขึ้นไปทำอะไร ลงมาครับ เดี๋ยวก็ตกลงมาขาหักหรอก"
"พี่ขึ้นมากวาดใบไม้เฉยๆ"
"เดี๋ยวผมทำให้ครับ ลงมาเถอะ"
"ไม่เป็นไร พี่ทำเองดีกว่า"
"มันสูงนะครับ ถ้าพลาดตกลงมา พี่ขาหักได้เลยนะครับ"
"บอกว่าไม่เป็นอะไรไงเล่า เด็กนี่ตื๊อจริงวุ้ย!"
"พี่พริมค้าบ" ใช้เสียงอ้อน
หลังคาที่เธอขึ้นมันอยู่ติดกับริมรั้วพอดี ซึ่งรามก็ยืนคุยกับเธอจากบ้านของเขานั่นแหละ
ใบไม้มันหล่นลงมาใส่หลังคาบ้านจนเป็นกองพะเนิน ปล่อยเอาไว้แบบนี้คงได้พังซะก่อนแน่
"หน้าตาก็สวย หุ่นก็ดี ผิวก็ขาว ได้เป็นดาวมหาลัยด้วย ขึ้นไปปีนทำไมครับ ทำอะไรให้มันเหมาะสมหน่อยสิ"
"!!!!" ไอ้เด็กบ้ารามมันกำลังยืนด่าฉันอยู่ข้างล่าง กล้าดียังไงถึงมาพูดกับฉันแบบนี้ แค่ปีนหลังคาแค่นี้เอง หาว่าฉันทำไม่ดีแล้วเหรอ
"ถ้าตกลงมาหน้ากระแทกพื้น เสียโฉมขึ้นมา จะเป็นดาวมหาลัยยังไงครับ?"
"หยุดพูดได้แล้ว เด็กนี่!"
"ผมพูดจริงนะครับ"
"ไม่ต้องยุ่งเลย กลับเข้าบ้านไปได้แล้ว"
"ไม่กลับครับ จะรอดูคนตกหลังคา"
รามกอดอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเธออยู่แบบนั้น เหมือนกำลังกดดันว่าถ้าเธอไม่ลงมาเธอก็จะต้องตกลงไปต่อหน้าของเขาแน่ๆ
พริมค่อยๆ กวาดใบไม้อย่างระมัดระวัง ถามว่ากลัวไหม มันก็กลัวแหละ หลังคาบ้านมันสูงจะตาย ถ้าตกลงไปก็คงจะจะตกไปฝั่งนู้น ดีไม่ดีอาจจะกระแทกกับอะไรซักอย่างที่อยู่บ้านของคุณยาย แต่เธอก็แค่อยากจะช่วยงานพ่อเท่านั้นเอง งานพวกนี้ส่วนใหญ่พ่อของเธอเป็นคนทำหมดเลย
ฟึ่บ!
"ว๊าย!!"
"เฮ้ย! พี่พริมครับ"
และแล้วก็ได้พลาดจริงๆ ขณะที่ขากำลังก้าวลงบันได มันดันพลาดก้าวผิด ทำให้บันไดนั้นถูกผลักออกไป เช่นเดียวกับตัวเธอ ที่หงายตกลงมาพร้อมกัน
ตุบ!
"โอ้ยย!!"
"เจ็บหรือเปล่าครับพี่?"
"โอย...มะ ไม่เท่าไหร่ นายล่ะ?"
"นิดหน่อยครับ"
"นายมารับไว้ทำไมเล่า เจ็บตัวไปด้วยเลยเห็นไหมเนี่ย"
"ถ้าผมไม่รับ พี่จะตกมาสภาพไหนครับ ขาหักขึ้นมาทำไง"
"อือ ขอบใจนะที่ช่วย ลุกขึ้นสิจะดูแผลให้"
รามลุกขึ้นจากนั้นก็ปัดฝุ่นบนตัวออกกัน เขาข้อศอกเป็นแผลสองข้างเลย มีรอยถลอกตามแขนนิดหน่อยด้วย
"เดี๋ยวทายาให้นะ แต่ต้องล้างแผลก่อน ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ แล้วไปหาพี่ที่บ้าน"
"ได้ครับ"
พริมลากบันไดตัวปัญหากลับบ้าน ถึงจะมีคนรับตอนตกลงมาไม่ได้มีแผลเลือดออก แต่ก็เจ็บไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
ผ่านไปสักพัก
รามมาที่บ้านหลังจากอาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นสีเทา
"พี่พริมครับ"
"มาแล้วเหรอ นั่งลงก่อนสิ"
"พ่อแม่พี่ไม่อยู่เหรอครับ"
"อืม ไปงานบุญของญาติน่ะ"
"แล้วพี่ทำไมไม่ไปครับ"
"พี่มีงานของมหาลัยต้องทำ ใกล้จบแล้วงานเลยเยอะ"
"อ๋อ.."
พริมถือกระปุกที่ใส่อุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้กับราม เพราะเขาต้องเจ็บตัวเพราะเธอ
"เจ็บมากไหมเนี่ย"
"ไม่ครับ"
"เช้าเย็นมาหาที่บ้านนะ พี่จะทำแผลให้ ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่ช่วย"
"ผมขอเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ"
"อะไร?"
"คำขอบคุณ ขอเป็นจูบได้หรือเปล่าครับ"
"อะ ไอ้บ้า ไอ้เด็กบ้า!!"
"ผมพูดความจริงนะครับ"
"หยุดพูดนะ เด็กยังเล็ก พูดจาแบบนี้ได้ยังไงกัน"
"เด็กที่ไหนครับ ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว อายุ 21 แล้วนะครับ"
"นั่นแหละ ยังเด็กอยู่"
"ผมจริงจังนะครับ พี่เป็นจูบแรกของผมได้ไหมครับ"
"ราม พี่บอกว่าไง"
"ขอจูบนะครับ"
"....." เด็กนี่มันตื๊อจริงวุ้ย ดื้อมากด้วย ทำไมพูดไม่ฟังเลยเนี่ย จูบแรกหรือจูบธรรมดาๆ ใครเขาให้กันคนรักก็ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่ จู่ๆ มาขอกันแบบนี้ เป็นคนอื่นเขาตบปากไปแล้วนะ
"พี่พริมครับ"
รามยื่นหน้าเข้ามาใกล้กัน เราใกล้กันมาก จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ หัวใจที่เต้นผิดจังหวะ มันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
"อืม..."
"!!!"
จูบ! ฉันถูกเด็กบ้านี่ขโมยจูบแรกไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่จูบที่ดูดดื่ม หรือร้อนแรงอะไร แต่นี่มันครั้งแรกของฉัน ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับผู้ชายใกล้ชิดขนาดนี้ หนำซ้ำหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงมากด้วย นี่มันความรู้สึกบ้าบออะไรกันเนี่ย
"ระ ราม! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!"
"ผมบอกแล้วไงครับ ว่าขอจูบ"
"ทำเกินไปแล้วนะ" ที่ผ่านมาฉันไม่โกรธเลย ไม่ว่าจะถูกตามตื๊อแค่ไหน แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ
ฉันอยากจะตบเขาให้เหมือนกับนางเอกในละครด้วยซ้ำ แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะฉันยังเคารพนับถือคุณยายดอกไม้อยู่ และเขาก็เป็นหลานชายคนเดียวของคุณยายด้วย
"กลับไปซะ ไม่ต้องมาหาพี่อีก เรื่องแผลนั่นดูแลเอาเองก็แล้วกัน พี่จะถือว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น อย่ามายุ่งกับพี่อีก"
"พี่พริมครับ คือผม..."
"ออกไปซะราม อย่าให้พี่ต้องรู้สึกแย่กับเรามากกว่านี้เลย"
"ผมขอโทษนะครับ"
"....."
พอเขาออกไปฉันก็รีบเก็บข้าวของกลับขึ้นห้องนอนของตัวเองทันที ตอนเด็กๆ รามน่ารักจะตายไป เขาเป็นเด็กดีมากนะ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ เขาไม่ใช่คนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก แต่ก็อย่างว่าแหละ เวลายังเปลี่ยนได้เลย นับประสาอะไรกับใจคน อีกอย่างตอนที่เราเจอกันเราก็ยังเด็กกันอยู่เลย
คลิ๊ก ~
คุณได้รับข้อความใหม่
ราม : ขอโทษนะครับพี่พริม T_T
ราม : ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ ยกโทษให้ผมนะครับ
ราม : T_T พี่พริมครับ
ฉันอ่านข้อความแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะยังตกใจอยู่และก็ยังโกรธด้วย ฉันไม่อะไรกับเขาก็จริง แต่เขาก็ไม่ควรล้ำเส้นฉันขนาดนี้ รู้อยู่หรอกว่ากำลังชอบอยู่ ก็พูดกรอกหูอยู่ทุกวัน
@เวลาต่อมา
กริ๊ง~
เสียงกริ่งหน้าบ้านฉันรีบเดินออกไปดู เพราะคิดว่าเขามาส่งของอะไรหรือเปล่า เห็นแบบนี้ฉันเองก็นักช็อปออนไลน์เหมือนกัน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ฉันไม่เห็นใครยืนอยู่เลยที่หน้าบ้าน นอกจากถุงก๋วยเตี๋ยวที่แขวนอยู่เสารั้ว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร คิดจะง้อกันด้วยของกินสินะ ฝันไปเถอะ
คลิ๊ก~
ราม : ผมซื้อราดหน้าที่พี่ชอบไปแขวนไว้ให้หน้าบ้านนะครับ ^_^
ราม : ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากเจอผม >_<
ราม : กินให้อร่อยนะครับพี่พริม ^^
ฉันควรทำยังไงกับเด็กนี่ดี นี่ขนาดโดนฉันว่าไปขนาดนั้นนะ นึกว่าจะเข็ดซะอีก นึกว่าจะงอนด้วย นี่อะไรกลับตื๊อไม่เลิกเหมือนเดิม แถมรู้จักใช้วิธีอ้อนด้วยนะ สติ๊กเกอร์หน้าเศร้าเนี่ยส่งมาอยู่ได้
ฟึบ~
พริม : ขอบคุณมากนะ แต่คราวหลังไม่ต้องซื้อมาให้แล้ว
พริม : ถ้ายังพูดไม่ฟังอีก จะทิ้งให้หมดเลย ไม่กินด้วย
ราม : ผมอยากให้พี่กินนะครับ ผมตั้งใจซื้อให้พี่เลย
เนี่ยๆๆๆ ถ้าฉันเอาไปทิ้งขึ้นมา ฉันก็จะกลายเป็นคนไม่ดีใช่ไหม เพราะรามตั้งใจซื้อมาให้อ่ะ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมล่ะ
คลิ๊ก~
ราม : ยังไม่ต้องหายโกรธผมก็ได้ครับ แค่กินของที่ผมซื้อให้ก็พอ
พริม : ขอบใจ แต่คราวหลังเก็บเงินไว้เถอะ พี่ไม่อยากได้จริงๆ ต่อให้ตั้งใจซื้อให้ก็ตาม
ฉันก็ไม่ได้อยากพูดทำลายน้ำใจหรอก แต่เขายังเด็กอยู่เลยนะ ทำงานอะไรมีเงินพอใช้แล้วหรือไง ถึงได้เอามาซื้อของให้คนอื่นเรื่อยๆ แบบนี้
ถึงของแต่ละอย่างมันจะไม่ได้แพงขนาดนั้น แต่เก็บเงินไว้ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้มีไว้ใช้ ไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้
เรื่องโกรธน่ะ ยังไม่หายง่ายๆ หรอก ฉันยังโกรธอีกนาน โทษฐานที่ทำรุ่มร่ามกับฉัน ทำเกินไปแล้ว
@หลายปีต่อมาฉันกับรามเราแต่งงานกันแล้ว หลังจากที่ช่วยกันทำงานเก็บเงินและมีเงินเก็บมากพอ เราซื้อบ้านน็อคดาวน์ไว้หลังนึง ราคาไม่แพงเท่าไร แต่ก็ถือว่าอยู่ได้สบายมากสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเรา และบ้านของเราก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่เท่าไรด้วยตอนนี้รามเปิดอู่เล็กๆ อยู่ใกล้บ้านส่วนอู่ที่เคยทำงานอยู่ก็ยังไปทำงานอยู่เหมือนเดิม รามทำงานหลายที่มากๆ จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขา กลัวว่าเขาจะพักผ่อนไม่เพียงพอหลังจากที่ย้ายบ้านมาอยู่ด้วยกันสองคนฉันก็ท้อง ทีแรกฉันก็กะว่าจะลาคลอดระยะยาวเลย เพราะตัวเองก็มีลาพักร้อนอยู่แล้ว แต่รามบอกให้ฉันลาออกจากที่นั่นมาเลย จะได้ไม่ต้องเจอคนแย่ๆ จนทำให้สุขภาพจิตของเราเสียอีก ยิ่งฉันท้องยิ่งไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลยเราสองคนเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดที่อยู่บ้านนั่งกินนอนกินสบายๆ ไม่ต้องทำงาน เราแค่มีเก็บมากพอจะใช้จ่ายได้ไม่ลำบากก็เท่านั้นเองบวกกับปีก่อนคุณยายของรามเอาที่มาให้ รามก็เลยประกาศขาย เพราะถึงยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่อยู่แล้ว ทำเลตรงนั้นขายได้หลายล้านเลยทีเดียว ที่ตัดสินใจขายเพราะเราสองคนวางแผนอนาคตกันเอาไว้แล้ว ฉันกับรา
@อีกหนึ่งปีต่อมาณ บ้านของพริมมีงานเล็กๆ เป็นงานหมั้นระหว่างพริมกับราม ญาติพี่น้องทางฝั่งของพริมก็มาไม่กี่คน เพราะส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ กันหมด และมีเพื่อนๆ ของพริมไม่กี่คน ทางฝั่งของรามก็มีแค่ยายและเพื่อนๆ ที่อู่กับอาที่เป็นเจ้าของอู่เท่านั้นแม่ของเขาเหมือนถูกตัดขาดจริงๆ รามยอมติดต่อไปหาแม่ เพื่อให้ยายนั้นสบายใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็เล่นเอาจุกเหมือนกัน เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากบอกให้รับรู้ รามรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าการตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศมันจะเป็นยังไงไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ไม่เคารพ แต่บางเรื่องเราก็ต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง เพราะนี่คือชีวิตของเราถ้าเขาไปแล้วคุณยายจะอยู่กับใคร ที่ผ่านมาคุณยายก็อยู่โดยลำพังมาตลอดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่ของเขาตัดสินใจแบบนั้นได้ยังไง ในมุมของคนเป็นลูกดูใจร้ายมากเลยนะตัดกลับมาที่งานหมั้น ทุกอย่างจัดขึ้นแบบเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา มีกินเลี้ยงกันนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาเพื่อนเกลอ พูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นงานหมั้นเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นมากเลยทีเดียวเงินสด 99,999 ทองอีก 1 บาท
@หนึ่งปีต่อมารามเรียนจบมาได้สักพักแล้ว และหลังจากที่เรียนจบก็ได้ทำงานอย่างเต็มตัวเต็มเวลา และก็ได้รับหน้าที่คอยดูแลเป็นหูเป็นตาแทนอาที่เป็นเจ้าของที่นี่ เขาเป็นคนละเอียดมีฝีมือ เรื่องงานช่างไม่ต้องห่วงเลยถึงจะอายุเท่านี้แต่ประสบการณ์ทำงานก็มากเลยทีเดียวพอได้ทำงานเต็มเวลารามก็เริ่มจะมีเงินเก็บจากที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวัน มีมากพอจะซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับแฟนสาวได้ในช่วงเวลาที่สำคัญของเธอรามกำเงินเก็บจำนวนนึงที่ได้มาจากการทำงานที่อู่เข้าร้านทองใกล้ๆ กับอู่ที่ทำงานอยู่สายตาคมกวาดมองแหวนทองที่ทางร้านวางโชว์หราอยู่ด้านหน้า กำลังเลือกลายและขนาดที่นิ้วของพริมจะใส่ได้ กะขนาดจากระยะสายตาของเขาเองเนี่ยแหละ ไม่เคยพลาดหรอก"อ้าวราม""หวัดดีครับเสี่ย"รามทักทายเจ้าของร้านทอง เสี่ยยักษ์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาที่เป็นเจ้าของอู่ ถึงรามจะไม่เคยมาใช้บริการร้านทองเลยสักครั้งแต่ก็พอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เพราะเสี่ยยักษ์ก็เอารถไปใช้บริการที่อู่เป็นประจำอยู่เหมือนกัน"จะเอาแบบไหนล่ะหืม เลือกมาเลย เดี๋ยวเสี่ยลดราคาให้เป็นพิเศษ""อ๋อ ขอบคุณครับ""ซื้อให้แฟนเหรอ?""ครับ อยากได้แหวนสองสลึง วงเล็กๆ มีลาย
พริมกระโจนโถมเข้าหาแฟนหนุ่มจนกระทั่งเขานั้นหงายหลังลงไปกับที่นอนฟูกหนาของตัวเอง จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายเล้าโลมเขาก่อน อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่ต้องเป็นคนอยู่ข้างบน เพราะที่ผ่านมารามเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอดเลย"อึก พะ พี่ครับ""....." พริมไม่ได้สนใจท่าทางที่พยายามขัดขืนของอีกฝ่าย อารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย แต่ก็ช่างมันเถอะ"อ่าส์~ แฮ่ก! รุนแรงจังเลยนะครับที่รักของผม""อือ...อยู่นิ่งๆ สิราม""อืมพี่ครับ"พริมชะงักเพราะเสียงเรียกของอีกฝ่าย เธอมองหน้าของเขาก่อนจะโน้มใบหน้าลงบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่นตวัดลิ้นเลียอย่างรุนแรงจนหายใจกันแทบไม่ทันหน้าอกอวบก็เบียดเสียดลงไปกับอกแกร่งของร่างกำยำแน่น ชนิดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจของกันและกันเลยทีเดียว"อืมพี่พริมครับ อ่าส์""....." ร่างบางผละตัวออกไปก่อนจะถอดเสื้อยืดของตัวเองออกต่อหน้าของแฟนหนุ่ม หน้าอกที่อวบปลิ้นออกมาจากชุดชั้นในครึ่งเต้านั้นมันทำให้รามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปบีบเคล้นอย่างมันส์มือ "อึก..บะ เบาๆ สิพี่เจ็บนะ!""นมพี่ใหญ่จังเลยครับ มองข้างนอกนึกว่าคนไม่มีนม" นี่ถือว่าเป็นคำชมนะ เพราะ
หลังจากวันนั้นพริมกับรามก็ใช้ชีวิตกันโดยปกติมาตลอด ไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังใครแล้ว คุณยายเองก็ได้รู้ว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หลานชายตัวเองพูดไปเรื่อยพริมเรียนจบแล้วและมีกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนแยกย้ายกัน เลยนัดกันที่ร้านอาหารในเมือง"พี่พริมกลับกี่โมงครับ ผมจะได้มารอรับ" รามเอ่ยถาม หลังจากที่จอดรถส่งแฟนสาวถึงร้านอาหารที่เธอนัดกับเพื่อนๆ แล้ว"ไม่เป็นไร นายนอนเถอะ พี่คงกลับดึกๆ เลย""นั่นแหละครับ ดึกแล้วพี่จะกลับไง นั่งแท็กซี่มันอันตราย" พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง"เดี๋ยวเพื่อนมันแวะไปส่งน่ะ""ให้ผมรอมั้ยครับ ผมรอได้""ไม่เป็นไร นายทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ กลับไปพักเถอะ""จะดีเหรอครับ?""ใช่ ดีมากๆ เลย พี่อยู่กับเพื่อนได้ กลับเองได้ พี่ไม่ใช่เด็กแล้ว""โอเคครับ ผมกลับก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใครไปส่งพี่ต้องโทรหาผมนะครับ ห้ามกลับแท็กซี่เด็ดขาด""อื้ม พี่สัญญา"พริมพยักหน้าตอบ เธอไม่อยากให้รามรอ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับตอนไหน จะให้รามรออยู่ได้ยังไงในเมื่อเขาเองก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน"ขับรถกลับดีๆ นะราม วันนี้พี่ขอวันนึง""ครับ ผมไม่ว่าหรอก กินกับเพื่อนตามสบายเลยครับ
@บ้านพริม"มีอะไรหรือเปล่าลูก พริมราม""คือว่า เราสองคนกำลังคบกันค่ะ คบกันมาสักพักแล้ว" ทั้งที่มันเป็นการบอกข่าวดีแท้ๆ แต่เธอกลับตื่นเต้นกลัวไปหมดเลย"อะไรนะ?" แม่ของพริมมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา"ผมกำลังคบกับพี่พริมครับคุณน้า" รามยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เพราะมีหลายอย่างที่ตัวเองทำเกินเลยลงไป เขาจะยอมรับหากพ่อแม่ของเธอถาม และเขาพร้อมจะรับผิดชอบ"ราม.." เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้น สายตาที่แข็งกร้าวมันทำให้พริมเริ่มใจเต้นแรง เพราะเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอเป็นแบบนี้เลย"ครับคุณลุง""มาคุยกับลุง""พ่อคะ...""คุยสองคน อย่างลูกผู้ชาย""ครับ"รามลุกขึ้นและเดินตามพ่อของพริมไปทางหลังบ้าน พริมอยากจะเดินตามไปเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะจบไม่สวย แต่ก็ถูกแม่ห้ามเอาไว้"มันจะเกิดอะไรไหมคะแม่""เรากลัวอะไรล่ะหืม?""ไม่รู้สิคะ แม่ไม่เห็นสายตาของพ่อเหรอ น่ากลัวมากเลย""ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาได้คุยกันแบบลูกผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องไปอยากรู้หรอก""....." โอ้ย! ทำไมมันถึงตื่นเต้นกลัวอะไรขนาดนี้นะ พ่อของฉันใจดีจะตายไป คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก จะว่าไปรามมันก็ยังเด็กไง และด้วยความที่เป็นเด็กก็ยังไม่มีอะไรเป็