พี่ขุน และน้องหมูแดง พระเอก-นางเอกที่สุดจะน่ารักน่าหยิก ภายใต้รั้วมหาวิทยาลัย ฉายาแต่ละอย่างที่พี่ขุนตั้งให้น้องหมูแดงของเราวอนโดนหยิกตลอด หมูปีศาจบ้าง หมู ๆ ทั้งที่คนเขาชื่อหมูแดง แต่ถึงพี่เขาจะกวนแต่คลั่งรักน้องหมูสุดหัวใจ สกินชิพขั้นสุด ตำแหน่งผัวของน้องหมูต้องเป็นของพี่เท่านั้น
View Moreมหาวิทยาลัย G
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมขึ้นปีสองวันแรกหลังจากปิดภาคเรียนไปสามเดือนเต็มและเทอมนี้ฉันก็ต้องลงเรียนวิชาจิตวิทยาทั่วไปเป็นวิชาเลือกในหมวดสังคมเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าเพื่อนสนิทอีกสองคนมันดันลงทะเบียนวิชานี้ไม่ได้เนื่องจากมันเต็มเลยกระเด็นหลุดโผต้องไปลงวิชาอื่นแทน ซึ่งมันทำให้ฉันเซ็งมากถึงมากที่สุดเลยแหละ และตอนนี้ก็ต้องมานั่งแกร่วเป็นเล่นเกมส์ในมือถือไปพลางๆ เพราะเปิดประตูเข้าห้องเรียนมาเป็นคนแรก เพื่อนร่วมคลาสคนอื่นๆ ก็ยังไม่มีใครโผล่มาให้เห็นหน้าเลยสักคนเดียว ชักช้ากันจังเลย แล้ววิชานี้ต้องเรียนรวมกับทุกชั้นปีแบบไม่จำกัดคณะ สาขาวิชาอีกด้วยสิ คือมันไม่ดีตรงนี้นี่แหละค่า คนไม่มีเพื่อนมาเรียนด้วยเช่นฉันคงหงอยเหงาเศร้าสร้อยเป็นนกปากเจ็บแน่เลย จะมีคนรู้จักมาเรียนบ้างไหนหนอคงต้องรอดู
นี่ก็เหลือเวลาเข้าเรียนตามตารางสอนอีกประมาณยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนขยันจัดหรือรักเรียนเป็นชีวิตจิตใจหรอกนะ ฉันกลัวรถมันจะติดต่างหากเลยรีบออกทั้งที่คอนโดกับมหาลัยไม่ได้ไกลกันมากมายอะไร คือด้วยความที่เป็นวันเปิดเทอมวันแรกไง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มันจะคึกคักกันเป็นพิเศษ คนเยอะ รถแยะ ปีหนึ่งเข้ามาใหม่สถานที่กว้างขวางจะกลายเป็นเล็กไปถนัดตา การจราจรในบริเวณใกล้เคียงก็พาลติดตามไปด้วยเลยต้องพาตัวเองมาให้เร็วไว้ก่อน แต่พอเวลาผ่านไปได้สักระยะก็จะเข้าสู่สภาวะปกติ ความตื่นเต้นทั้งหลายก็จะหายไปด้วย ฉันเรียนรู้มันมาแล้ว รับน้องเหรอ กิจกรรมบลาๆ เหรอ ไม่บังคับให้ทำหรอกที่นี่อ่ะ ใครใคร่สมัครใจอยากเข้าร่วมสนุกก็เข้าไปเถอะ ถ้าไม่สนก็ไม่ต้อง เอาใจโดยแท้จริง มีเพียงชมรมเท่านั้นที่จะบังคับให้นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมเพื่อให้ได้รู้จักกันมากขึ้น ไม่อย่างนั้นจะเอาแต่พวกพ้องที่เรียนด้วยกันเท่านั้น ฉันว่าก็ดีเหมือนกันนะแนวความคิดนี้ ไม่งั้นต้องเรียนและเรียนเพียงอย่างเดียว
“ขอให้ฉันมีมิตรดี น่ารักๆ ในวิชานี้ด้วยเถิดนะเจ้าคะ สาธุค่ะ” ฉันภาวนาขอในใจแล้วยกมือท่วมหัวกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่าฉันกลัวการอยู่เพียงลำพังคนเดียว แต่ฉันคิดการณ์ไกลไปถึงอนาคตภายภาคหน้านับต่อจากนี้ต่างหาก เพราะการเรียนรู้ๆ กันอยู่ว่ามันต้องมีงานมีการบ้านที่อาจารย์สั่ง เพื่อเอาในส่วนนั้นมาช่วยเสริมกับคะแนนสอบอีกที ฉันเลยอยากมีคนที่คอยถามไถ่อะไรได้บ้าง อย่างน้อยสักคนหรือสองคนก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
ปัง!
เสียงเปิดประตูดังปังเหมือนคนเปิดกำลังโกรธใครมาทำเอาฉันที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสะดุ้งโหยงสุดตัวไม่กล้าหันไปมองเพราะกลัวจะไม่ส่งผลดีต่อชีวิตอันแสนสงบ และไม่นะ เสียงฝีเท้าเหมือนมีใครเดินมาตรงที่ฉันนั่งอยู่เลย หรือว่านี่คือคำขอที่เป็นจริงของฉันกันนะ โอ สวรรค์คงได้ยินคำอ้อนวอนฉันแล้วใช่ไหม
“นี่เธอ ที่ตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่า”
เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นว่ามีใครเลยเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็แทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ หล่อมาก คือคำสั้นๆเลยที่หัวสมองฉันคิดได้ในตอนนี้ ผู้ชายหน้าตาเกาหลีอปป้าเหมือนพระเอกซีรีย์มาถามฉันว่าที่ว่างข้างๆ ฉันมีใครนั่งไหม โอย แต่ฉันจะมาแสดงท่าทางว่าหลงใหลได้ปลื้มเขามากมายไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะถูกมองว่าฉันบ้าผู้ชายจนขึ้นสมองน่าอายตายเลย
“มะ...ไม่ ไม่มีคนนั่งหรอก เชิญนั่งได้ตามสบายค่ะ” ที่นั่งมีตั้งเยอะแยะแต่เขาเลือกมานั่งตรงนี้ฉันควรดีใจใช่ไหมแม้นิสัยจะดูออกอันธพาลไปหน่อยเรื่องเปิดประตูน่ะนะ แปลกจังเรียนที่นี่มาปีนี้ปีที่สองแล้วทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยนะ ว่าแต่เรารุ่นเดียวกันรึเปล่าเนี่ยอยากรู้จังเลยแต่ใครจะกล้าถามก่อนล่ะ
“เธอสติดีใช่มั้ย ? ฉันเห็นเธอพึมพำๆ อะไรคนเดียวเหมือนท่องบทสวด ว่าแต่มันคือคาถาไล่ผีหรือคาถาป้องกันตัวล่ะบอกหน่อยดิเผื่อได้ยืมไปใช้มั่ง” เลิกคิ้วมองแล้วกระตุกยิ้มตรงมุมปากเมื่อเห็นเธอทำหน้าเอ๋อๆ แถมยังอ้าปากซะกว้างเชียว ผมแค่แกล้งหยอกเธอเล่นไปอย่างนั้นเอง ขำๆ น่ะไม่ได้เห็นว่าเธอทำอย่างที่พูดหรอกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเชื่อผมซะเต็มเปาเลยมั้งเนี่ยว่าตัวเองทำท่าเปิ่นๆ ออกมาจริง
อ้าปากค้างเติ่งเลยฉัน ถามแบบนี้หมายความว่าไง ? เขาคิดว่าฉันจิตไม่ปกติงั้นเหรอหรือว่าฉันแสดงท่าทางทุเรศๆ อะไรออกไปให้เขาเห็น เหอะๆ แต่เอาเถอะฉันจะไม่ถือสาหาความละกัน จะบอกว่าถ้าไม่สนิทด้วยอย่ามาตลก ฉันคงดูไม่ต่างจากนายนี่เท่าไหร่ เจอหน้ากันครั้งแรกและคาบแรกต้อนรับเปิดเทอมด้วย ไม่ควรมีเรื่องมีราวกับใครสุ่มสี่สุ่มห้าหมูแดง ท่องเอาไว้มีมิตรดีกว่ามีศัตรู อะไรยอมได้ก็ยอมๆ ไป อย่าเก็บใส่ใจเลยมองโลกในแง่ดีมันคงเป็นการสร้างความคุ้นเคยในฐานะเพื่อนร่วมคลาสในแบบของเขาละมั้ง
“ฉันโอเค สติดีไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตหรือกำลังท่องบทสวดอะไรอย่างที่นายคิดร้อยเปอร์เซ็นต์” ฉันนี่แทบจะกัดฟันตอบออกมาเลยล่ะถึงใจจะคิดว่าไม่ควรถือสาหาความ แต่มันอดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองค้อนอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ คือเจอหน้ากันครั้งแรกดันมาถามว่าฉันสติดีรึเปล่าเนี่ยนะ เชื่อเขาเลยแหละ มารยาทไม่สมกับหน้าตาหล่อเหลาที่ฉันชื่นชมสักนิด นี่ขนาดว่าฉันพยายามมองโลกในแง่บวก มองโลกแบบสวยๆแล้วนะแต่ก็ยังอดคิดอคติกับนายนี่อยู่เลย
“อือ ปกติก็ดีแล้วล่ะ ถ้าไม่ปกติเธอคงน่าสงสารตายชักเลย” ปากหยักแดงอย่างเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มเล็กน้อย ขณะที่สายตากำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ ฟังจากเสียงของคนข้างกายแล้วคงจะโมโหอยู่ไม่น้อย แต่ใครสนกันล่ะ
ฉันนั่งหุบปากเงียบไม่คิดตอบโต้อะไรอีก เพราะคิดว่านั่นคือประโยคบอกเล่าธรรมดาทั่วไป ถึงแม้มันจะทำให้ฉันรู้สึกอยากบีบคอของหมอนี่มากก็ตามที ดังนั้นเลิกสนใจดีที่สุด ในห้องเรียนตอนนี้ก็เริ่มมีนักศึกษาทยอยเดินเข้ามาจับจองที่นั่งบ้างแล้ว เลยไม่วังเวงและเงียบเหงาเหมือนก่อนหน้านี้
“ฉันก็จะกินกับแกมินนี่ เอาลาบหมู น้ำตกหมู ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ส้มตำไข่เค็ม ตำซั่วหอยดอง ยำวุ้นเส้นด้วย ที่เหลือแกกับยัยพิ้งค์ก็เพิ่มเติมไปเลย” สั่งสิ่งที่อยากไปเต็มที่ แต่เชื่อเถอะว่าเห็นว่าเยอะๆ แบบนี้ สองสาวต้องเพิ่มอีกแน่ๆ“งั้นก็กินส้มตำกันทั้งหมดนี่เลยง่ายดี ไม่ต้องแปลกแยก สั่งไก่ทอดชุดใหญ่มาเพิ่มด้วย โอเคไหมวะไอ้ขุน ไอ้จิว ได้ยินที่น้องหมูแดงร่ายรายการอาหารให้มินนี่จดแล้วกูก็เริ่มอยากกินส้มตำไปด้วยแล้วเนี่ย แสบไส้ฉิบ”“อือ คุณนายเมียหมูกูกินอะไรก็กินตามนั้นแหละ ไม่เรื่องมาก” ตอบอย่างเนือยๆ แต่กลับทำตัวไม่เนือยตาม เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมขาฉันประหนึ่งว่ามันคือน้ำมันหอมระเหยให้ความสดชื่นแก่ร่างกาย ตั้งแต่เริ่มทำรายงานที่ไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราวอะไรเลย นี่ก็พร้อมใจกันหยุดพักแล้วด้วยเพราะความหิวเข้าโจมตี ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิก็ไม่ได้ด้วยนะ ไม่ยอมต้องให้ขาฉันห้อยลงมาทั้งสองข้าง บางครั้งก็ให้พาดบ่าเกี่ยวเอาไว้ ไอ้ที่ว่าเมื่อยๆ นี่อาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้นะฉันว่า“เออ สั่งมาเยอะๆ หน่อยนะครับสาวๆ คือพวกพี่หิวกันมาก”“ห้องแกมีน้ำแข็ง น้ำหวาน น้ำอัดลมพอพวกเรากินไหมอ่ะหมูแดง ถ้าไม่มีจะได้ให้พี่จิวล
เช้าวันอาทิตย์แทนที่จะได้นอนตื่นสายสบายๆ แต่ผมกลับต้องแหกตาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมง กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ค่อนคืนเข้าไปแล้วเพราะร่างในอ้อมแขนทำให้เสียการทรงตัว ลุกเข้าห้องน้ำไปสองรอบ เป็นไอ้ขุนบางครั้งก็ทรมานเป็นบ้าเลย แทะเล็มหมูจนได้เรื่องและเดือดร้อนตัวเองจนโดนรังแก“ขุน!! ทำให้ไม่รีบตากให้มันเสร็จๆ ไปล่ะ จะยืนหล่อเหม่อมองท้องฟ้าอีกนานไหม ไม่ได้กำลังถ่ายเอ็มวีเพลงหรือซีรีส์โปรดอย่าเข้าใจหน้าที่ตัวเองผิดไป” เสียงแหลมๆ เล็กๆ ทำเอาสะดุ้งลืมเรื่องที่กำลังคิดชั่วขณะเลย“รู้แล้วครับคุณนายหมู เร่งจังเลย มีแค่สองมือจะให้เร็วยังไงวะเนี่ย ขอเวลาให้ฉันหน่อยดิ” งานของผมตอนนี้ก็คือยืนตากผ้ารับอากาศร้อนๆตรงระเบียงที่เมียหมูซักไง คุณเธอโยนลงเครื่องกดปุ่มปั่น แล้วกระชากผมให้ลืมตาขึ้นตื่นมาทำหน้าที่ตาก เป็นการทำโทษที่ผมจับถอดชุดนอนออกเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวที่ติดกายโคตรจะน่าขย้ำ จับฟัดจับจูบจนง่วง หลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงตะคอกดุๆ และหนังหัวแทบหลุดพร้อมสายตาแข็งๆ ของเมียหมูที่กลายร่างเป็นปีศาจ“จะไม่ให้ฉันเร่งได้ยังไงล่ะกับอีแค่ตากผ้าทำซะนานชะมัดเลย นายยังต้องไปเก็บกวาดเช็ด
Kunpon Talks“คุยกับใครหมู ผู้ชายรึเปล่า” ผมเดินออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขกระแทกเข้าหูเลยเร่งฝีเท้ามาที่เตียงนอนแล้วคลานเข่าเข้าซ้อนหลังบอบบางที่นอนตะแคงข้างหันหน้าไปทางซ้ายมือ ด้วยความอยากรู้จึงชะโงกหน้ามองโทรศัพท์หน้าจอที่มือเล็กกำลังพิมพ์โต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว และเห็นตรงมุมบนซ้ายเป็นชื่อกลุ่มที่มีสมาชิกเป็นยี่สิบคน“คุยกับเพื่อนๆ สมัยที่เรียนโรงเรียนน่ะ มีทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่นแหละ ห้ามโวยวายเด็ดขาดบอกไว้ก่อน สระผมแล้วทำไมถึงไม่ยอมเช็ดให้มันแห้งก่อนล่ะ ยังเปียกชุ่มอยู่เลยนะขุน เช็ดเดี๋ยวนี้เลยน้ำมันหยดใส่ฉันเนี่ย ให้มันแห้งก่อนค่อยนอน แน่ะบอกละยังจะทำนิ่งทำเฉยอยู่อีก โตแล้วไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย” หมูแดงเอี้ยวหน้ากลับมาดุและบ่นแล้วก็กลับไปสนใจหน้าจอโทรศัพท์ต่อ“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มเลย อยากให้เช็ดนักเธอก็เช็ดให้ฉันหน่อยดิ ไม่งั้นฉันจะนอนแบบนี้จริงๆ ด้วย เธอตัวเปียกไปด้วยอย่ามาบ่นฉันละกัน” ผมเลิกคิ้วหยั่งเชิง แล้วแย่งสิ่งที่ดึงความสนใจของหมูไปจากผมมาถือไว้ แล้วยัดผ้าขนหนูผืนหนาใส่มือเล็กแทนเวลานี้มันควรจะเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น ดึกๆ ดื่นๆ ไม่ไปหลับไปนอนกันวะ
“บ้าเหรอ ใครจะติดสปริงที่หน้าอก อื้อ! อย่าบีบสิขุน เดี๋ยวก็ดูหนังไม่รู้เรื่องหรอก เลิกเล่นซนสักทีเถอะน่า ปล่อยเลย” ฉันทุบไหล่หนาเมื่อมือซนๆ เริ่มไม่อยู่นิ่ง แทนที่จะฟังกันดันเลื้อยเข้ามาในเสื้ออีก สมาธิไม่มีตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย“เรื่องอะไรต้องเอาออกด้วยมันก็ของฉันเหมือนกัน เธอรู้ไหมสถานที่ที่คู่รักอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพลอดรักกันเธอรู้ไหมว่าโรงหนังก็ติดอันดับหนึ่งในห้าเลยนะหมูจ๋า บนเครื่องบิน บนเรือ ในทะเลก็ติดนะฉันอ่านเจอมาเมื่อไม่นานนี้เอง ที่ติดเป็นเพราะว่ามันค่อนข้างตื่นเต้นดี และไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำมันได้” พลอดรักในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงจูบกันธรรมดาใช่ไหม บ้าน่า“ละ...แล้วยังไงล่ะ นายจะมาบอกทำไมเนี่ย ไม่อยากรู้เลยสักนิด” ฉันถามอย่างระแวดระวังสุดฤทธิ์และพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ตื่นเกินเหตุ นายขุนไม่น่าไว้วางใจอีกแล้วเพราะสายตาเจ้าเล่ห์คู่นี้มันกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับฉัน“ก็อยากลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในนี้ดูบ้างว่าจะตื่นเต้นมากน้อยแค่ไหน น่าสนใจดีไม่ใช่เหรอ ไหนๆ เราสองคนก็นอนกอดกันอยู่ในโรงหนังแล้วด้วย ลองหน่อยดีไหม” ฮือ หมูแดงอยากมีคาถาหายตัวได้ตอนนี้เลยเจ้าค่ะสวรรค์เจ้าขา“ขุ
“อย่างอนพี่ขุนสิจ๊ะเมียหมูจ๋า พี่ขุนไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าโรงหนังเลย ส่วนมากจะพาเข้าแต่โรงแรมน่ะ อะ...โอ๊ย! ซี๊ดด...เจ็บโคตร” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดหลุดออกมาราวถูกฉันปาดคอ เพียงเพราะว่าถูกเล็บคมๆ ของฉันหยิกเข้าที่สีข้าง“แล้วตอนนี้ล่ะยังได้พาผู้หญิงคนไหนเข้าอยู่อีกไหมโรงแรมน่ะ ตอบมาให้ชัดๆ เลยนะ!!” ฉันถามคนปากดีเสียงเข้มและห้วนจัดแต่ไม่ได้ดังอะไรมากมายแค่ให้ได้ยินกันสองคนพอ เพราะด้วยสถานที่ในตอนนี้มันคือที่สาธารณะ มีคนนอกอยู่ไม่น้อยต้องเกรงใจคนส่วนมาก ท่องไว้เงียบๆ แม้ฉันจะเกลียดหน้าหล่อๆ ของไอ้บ้าขุนตอนตอบว่าส่วนมากจะพาเข้าแต่โรงแรมขั้นสุด หน้าตาช่างระรื่นชื่นบานจนน่าหมั่นไส้ โดนหยิกแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ โมโห“ก็ไม่เคยไง วันๆ มีแต่หมู คิดถึงแต่เมียหมู ไม่อยากได้ใครอีกนอกจากหมู ถ้าจะพาเข้าโรงแรมก็คงจะเป็นเมียคนหมูคนนี้คนเดียวเท่านั้น ล้อเล่นนิดหน่อยทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเนี่ย” เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงติดงอนๆ อ้อมแขนก็กอดรัดแน่นขึ้นไปอีกเมื่อพูดจบและจมูกโด่งเป็นสันก็กำลังคลอเคลียอยู่ที่แก้มไม่ห่าง แทบจะนั่งสิงร่างกายกันอยู่รอมร่อแล้วตอนนี้“ทำไมต้องจริงจังงั้นเหรอ? ลองสลับให้ฉันพ
ตอนนี้ฉันกับขุนมาถึงห้างดังเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างจะหนาแน่นแม้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดแต่สำหรับคนที่ทำงานวันเสาร์และหยุดเพียงวันอาทิตย์วันเดียว ก็ยังคงเอาเรื่องอยู่หากมาในช่วงเวลาเลิกงาน คนเจ็บปากเพราะโดนเฮียหนึ่งต่อยร้องอยากจะมาดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าเมื่อสองสามวันก่อน ฉันก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด ส่วนหนึ่งคืออยากเดินเที่ยวด้วยเผื่อจะได้อะไรใหม่ๆ ติดไม้ติดมือกลับไปใช้สอยให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ คอลเลกชันล่าสุดที่ยังไม่มีไรงี้ และสำคัญที่สุดคือเราสองคนยังไม่เคยได้ทำกิจกรรมนี้ร่วมกันเลยถ้าไม่นับที่ดูหนังด้วยกันในคอนโดครั้งนั้นที่ไม่จบอีกต่างหาก ไม่จบไม่ว่าคืนนั้นเป็นคืนที่อ๊าย หน้าอกฉันถูกลวนลามอย่างบ้าคลั่งด้วย มีแต่รอยแดงเต็มไปหมด คิดแล้วเลือดลมก็สูบฉีดดีเหลือเกิน ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเลยเนี่ย ฉันไม่ได้หื่นนะแค่ความคิดมันไหลไปเอง ควบคุมไม่ได้ด้วยไม่ ไม่ ไม่ ฉันหลับตาแล้วสะบัดหัวนิดหน่อยเพื่อขับไล่ความคิดสิบแปดบวกให้ออกจากสมอง ยืนฟังขุนเจรจากับพนักงานอย่างตั้งอกตั้งใจแทน“ขอบคุณมากครับ”“ครับ”สรุปที่อุต
“มันไม่ใช่อย่างที่เฮียหนึ่งพูดนะหมูจ๋า” ผมดึงตัวเองออกจากเงื้อมมือของไอ้เฮียนี่แล้วคว้าตัวหมูมากอดแนบอก ไม่สนแล้วว่ามันจะโมโหหรือจะต่อยหรือไม่ต่อย“แล้วมันแบบไหน ตอบมาให้ดีนะขุน” เสียงกระเง้ากระงอดพูดอย่างน่ารัก ใจจะละลาย“ผลักแล้วแต่ไม่ลุกต่างหาก ตักฉัน ฉันอยากให้เธอนั่งแค่คนเดียว” ผมโน้มหน้าลงต่ำให้หน้าผากเราแตะกัน บีบแก้มป่องๆ ที่พองลมเอาไว้เบาๆ อย่างมันเขี้ยว“ไอ้ขุน! กูยังอยู่!” เฮียหนึ่งหน้าตึง ยืนเท้าเอวมองตาขุ่นขวาง“เฮียอยากสร้างงานให้ผมเอง ถ้าผมจะง้อแฟนมันผิดตรงไหน” ผมโต้กลับ กระชับอ้อมแขนที่กอดรัดเอวคอดให้แน่นขึ้น เมียหมูก็ช่างน่ารักจับเอวผมแน่นไม่ต่างกันเลย“แฟนมึงแต่น้องสาวกู ปล่อยแขนมึงแล้วไปคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลย”“คุยอะไรคะเฮีย”“คุยแบบลูกผู้ชาย ไม่ต้องรู้หรอกเราน่ะ”“ไม่งอแงนะน้องหมูของพี่ขุน ไปนั่งรอในห้องรับรองเย็นๆ ดีกว่าป่ะ เสร็จธุระกับเฮียหนึ่งแล้วจะเข้าไปหา อยู่ตรงนี้มันร้อน ไม่อยากให้เป็นอาหารตาตัวผู้แถวนี้นานด้วย”“ก็ได้ แต่อย่าต่อยกันล่ะ”“เฮียไม่รับปาก”Kunpon Endฉันนั่งรออยู่ในห้องรับรองกับพี่จิวและพี่เคน ส่วนผู้หญิงที่เฮียหนึ่งจ้างมากลับไปแล้ว ใช่ทั้งหมดมัน
“ขุน!!”เสียงเรียกแปดล้านเดซิเบลดังสนั่นทำเอาพวกเราทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวแต่ผมไม่จำเป็นเพราะมั่นใจเต็มร้อยว่าเสียงนี้คือใคร เสียงตายแน่ๆดังมาแต่ไกล“เฮ้ย! น้องหมูแดง”“ซวยแล้วไหมล่ะมึงไอ้ขุน”“หมูจ๋า”พลั่ก!!“โอ๊ย!”ผมผลักยัยแจ๋มอะไรนี่ออกจากตัวอย่างไม่สนใจแล้วว่าจะเจ็บตัวมากน้อยแค่ไหน เพราะถือว่าทำตัวเองทั้งนั้น เตือนแล้วอยากไม่ฟังเองช่วยไม่ได้ พอสลัดสิ่งที่น่ารำคาญออกจากตัวได้สำเร็จก็ตรงดิ่งมาหาหมูแดงที่กำลังจะกลายร่างเป็นหมูปีศาจในทันที วันซวยของไอ้ขุนหรือยังไงวะเนี่ย“คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ไอ้บ้าขุน!!” เสียงตะโกนอย่างไม่กลัวเจ็บคอทำเอาผมหูแทบจะดับแต่ก็ยังใจกล้าเดินยิ้มอ่อนเข้าหาคนสวยที่สีหน้าบึ้งโคตรๆ“คิดถึงจังเลยเมียหมูจ๋า กลับมาก่อนเพราะอยากเซอร์ไพรส์พี่ขุนใช่ไหมครับ น่ารักที่สุดในโลกเลยหมูน้อยๆ ของพี่ขุน” ผมพูดไปคนละเรื่องกับที่โดนถาม คว้าตัวได้ก็กอดก็หอมอย่างไม่สนใจต่อการดิ้นรนขัดขืนอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนที่ตัวเองจะตายในช้าเพราะดูจากอาการแล้วน่าจะเชื่อคำพูดของผมค่อนข้างยาก“หยุดเดี๋ยวนี้นะขุน!!” เสียงขุ่นติดกระซิบดุผมแล้วผลักอกออกแต่ผมไม่ยอมออกไง ยังคงกอดรัดรอบเอวบางอ
Kunpon Talksหมูกลับบ้านไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ นี่ก็เพิ่งวันเสาร์เที่ยง กลับมาก็วันอาทิตย์เย็น มันทำให้ผมคิดถึงหมู อยากวาบไปวันพรุ่งนี้เร็วๆ ได้คุยกันผ่านวิดีโอคอลก็จริงแต่มันยังคงไม่เพียงพอ ได้เห็นหน้าได้ยินเสียงก็จริงแต่มันไม่ใช่ตัวจริงที่จับต้องได้ อยากกอด อยากหอม อยากและอยาก หมูปีศาจเล่นงานเข้าให้แล้ว“แค่น้องหมูแดงกลับบ้านแค่นี้ทำหน้าจะเป็นจะตายเชียวนะ คิดถึงมากทำไมไม่ขับรถบุกไปหาที่บ้านเลยล่ะวะ หรือว่าพ่อตาแม่ยายไม่ปลื้มลูกเขยอย่างมึงไอ้ขุนเลยต้องมานั่งอมทุกข์เหมือนผู้หญิงกำลังปวดท้องประจำเดือนงั้นแหละ หมดกันพี่ขุนของกู” เคนพูดแล้วก็หัวเราะขลุกขลักในลำคอเมื่อโดนโยนน็อตใส่หัวแต่ไม่โดนพลาดเป้าไปนิดเดียวเท่านั้น“หุบปากไปเลยมึงอ่ะ” ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ ความจริงก็อยากจะไปหาถึงบ้านอยู่หรอกแต่หมูสั่งห้ามไม่ให้ไป ไม่รู้แอบซ่อนเร้นอะไรไว้ที่บ้านรึเปล่าถึงไม่อยากให้ว่าที่สามีไปทำความรู้จักคนในครอบครัว คิดมาถึงตรงนี้อารมณ์มันก็ขุ่นมัว ขัดหูขัดตาขัดใจไปหมด อยากจะบ้าตาย“ถามจริงมึงเคยปวดประจำเดือนกับเขาด้วยเหรอวะไอ้เคนถึงได้รู้ว่าตอนผู้หญิงปวดพวกเธอจะนั่งอมทุกข์เหมือนอย่างกับไอ้ขุนมันทำตอ
Comments