Share

เข้าเมืองซื้อของ

Penulis: l3oonm@
last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-18 08:51:11

นางคิดว่าเขาเคยชินกับที่นอนแข็งๆ ที่มีเพียงเตียงไม้ไผ่ปูทับด้วยผ้าบางๆ

“ไม่ใช่” เลี่ยงรุ่ยได้ทีก็ขยับไปจนชิดกับนาง

“ที่นอนกว้างขวาง ท่านจะมานอนเบียดข้าเพื่ออันใด” นางลุกขึ้นไปมองที่นอนฝั่งของเลี่ยงรุ่ยที่กว้างจนคนอีกคนมานอนได้อย่างสบาย

“ข้าอยากนอนใกล้เจ้า” หลินเยว่เบิกตากว้างมองเลี่ยงรุ่ย

คืนนี้ที่ทั้งคู่นอนด้วยกัน เป็นเพียงคืนที่สามเท่านั้น เขาก็ทำหน้าหนาอยากนอนใกล้นางเสียแล้ว

“เอ่อ นอนนิ่งๆ เล่า ห้ามขยับอีก ข้าจะนอนแล้ว” นางพลิกตัวหันหนีไปอีกข้าง เพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่านางกำลังหน้าแดง

เลี่ยงรุ่ยมิได้ขยับตัวอีก จนเมื่อหลินเยว่นางหลับสนิท เขาก็ลืมตาขึ้น พร้อมทั้งดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแทน

รุ่งเช้าเมื่อหลินเยว่นางตื่นขึ้น นางจึงได้รู้ว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดของเลี่ยงรุ่ย นางจึงนอนนิ่งไม่ยอมขยับ เลี่ยงรุ่ยที่รู้ว่านางตื่นแล้วแต่ไม่ยอมที่จะขยับตัวก็รู้สึกขบขันไม่น้อย เขาจึงกระซิบข้างหูของนาง

“ตื่นแล้วเหตุใดถึงไม่ลุกเล่า” เสียงทุ้มต่ำยามตื่นนอนของเขา ทำให้นางอดจะขนลุกไม่ได้

หลินเยว่รีบพลิกตัวหนีไปอีกด้านทันที นางยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิด เพราะตัวนางคิดว่าเป็นตัวเองที่เผลอเข้าไปกอดเขาตอนที่นอนหลับไม่รู้สึกตัว

“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอของเลี่ยงรุ่ย ยิ่งทำให้หลินเยว่นางอับอายจนไม่กล้าจะเปิดผ้าห่มออก

“ประเดี๋ยวก็หายใจไม่ออก” เขาดึงผ้าห่มให้ออกจากตัวของนาง

“ข้า ข้า ไม่คิดว่าตนเองจะนอนดิ้นเพียงนี้” นางโผล่หน้าออกมา พร้อมทั้งเอ่ยบอกเขา

เลี่ยงรุ่ยเพียงแค่อมยิ้มมองนาง เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเขาที่ดึงนางเข้ามาสวมกอดไว้ทั้งคืน ในเมื่อนางเข้าใจเช่นนี้ ก็ดีแล้ว จะได้ไม่คิดว่าเขาฉวยโอกาสกินเต้าหู้นาง

“ลุกเถิด เจ้าเป็นภรรยาข้า จะเป็นอันใดไปเล่า ประเดี๋ยวจะไม่ทันเกวียนวัวเข้าเมือง” เขามองนางด้วยสายตาที่เร่าร้อน จนหลินเยว่นางทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรลุกออกจากผ้าห่มดีหรือไม่

เป็นเลี่ยงรุ่ยที่ดึงตัวนางให้ลุกขึ้น ก่อนจะพากันเข้าไปล้างหน้าล้างตาในมิติ แล้วกินอาหารรองท้อง ก่อนจะพากันเดินออกจากเรือนไปที่หน้าหมู่บ้าน

หมู่บ้านที่หลินเยว่นางมาอยู่ นางก็เพิ่งจะรู้ว่าเรียกว่า หมู่บ้านจิ่วหาน อยู่ที่เมืองหานตง ทิศตะวันออกของแคว้นต้าเยี่ยน หากจากเมืองหลวงถึงสองพันลี้ (1ลี้=500เมตร)

ทั้งสองจ่ายค่าเกวียนวัวเพื่อเดินทางเข้าเมืองคนละสามอิแปะ ต้องนั่งเกวียนไปถึงหนึ่งชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) กว่าจะเดินทางถึงตัวเมืองหานตง หากเดินเท้าเลี่ยงรุ่ยบอกว่าต้องมีถึงสองชั่วยามกว่าจะถึง

หลินเยว่สีหน้าของนางหมองลง นางต้องนั่งอยู่ในเกวียนวัวที่โขยกเขยกเช่นนี้ไปตลอดทางเลยหรือ

เพราะความที่นางไม่เคยนั่งมาก่อน จึงทำให้การทรงตัวของนางไม่ค่อยจะมั่นคงนัก ยังดีที่เลี่ยงรุ่ยช่วยโอบประคองนางไว้ มิเช่นนั้นนางคงได้หน้าทิ่มลงพื้นเกวียนตั้งแต่เดินทางออกจากหมู่บ้านแล้ว

พอมาถึงที่ประตูเมือง ลุงถังคนขับเกวียนก็นัดแนะเวลาเดินทางกลับหมู่บ้านกับพวกเขา ก่อนที่เลี่ยงรุ่ยจะเดินพาหลินเยว่นางไปจ่ายค่าผ่านทางเข้าเมืองแล้วพากันเดินเข้าไปด้านใน

หลินเยว่มองผู้คนที่เดินสัญจรไปมา พร้อมกับร้านค้าที่ละลานตาไปหมด ชาวบ้านส่วนมากที่นำผักป่าหรือเนื้อสัตว์เข้ามาขาย หากไม่ไปส่งที่เหลาอาหารก็จะนำมาวางขายแบกับดินอยู่ที่ใกล้ประตูเมือง

“ทางด้านทิศใต้ก็ยังมีตลาดเช่นนี้อีก หากเจ้าอยากเที่ยวดูไว้ข้าจะพาไป” เลี่ยงรุ่ยเห็นว่านางสนใจจึงเอ่ยบอกนาง

“วันนี้คงยังไม่ไปดู มีของที่ต้องซื้ออีกไม่น้อยข้ากลัวจะไม่ทันกลับพร้อมเกวียนวัว” นางไม่มีทางยอมเดินอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก็ต้องเสียเงินจ้างเกวียนวัวกลับหมู่บ้านแทน

“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด” เลี่ยงรุ่ยเดินไปที่ร้านขายข้าวสารก่อนเป็นอันดับแรก แต่มิใช่ร้านที่จางซุนเป็นหลงจู๊แต่อย่างใด เพราะร้านของจางซุนขายราคาแพงกว่าร้านอื่นถึงสามอิแปะต่อชั่ง (1ชั่ง=500กรัม) ข้างร้านขายข้าวสารยังมีร้านขายไหและเครื่องเคลือบอยู่ด้วย จึงไม่ต้องเดินไปหาซื้อที่ใดให้ยุ่งยาก

หลินเยว่เมื่อเห็นขวดเครื่องเคลือบและตลับเครื่องเคลือบดวงตาของนางก็เปล่งประกายออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกดูอย่างสนใจ

“ฮูหยิน ท่านต้องการสิ่งใดหรือขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาถามหลินเยว่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาในร้าน

“ข้าอยากดูขวดกระเบื้องและตลับเท่านี้มีหรือไม่” นางทำมือให้เขาดูว่านางต้องการขนาดประมาณไหน

หลินเยว่นางต้องการขวดกระเบื้องเพื่อนำไปใส่สบู่เหลว ส่วนตลับนางต้องการนำไปใส่ลิปสติกที่นางคิดจะทำออกมาวางขาย

“ท่านลองเลือกดูขอรับ” เสี่ยวเอ้อ นำขวดและตลับหลายขนาดออกมาให้หลินเยว่นางได้ดู

ทุกแบบนางล้วนแต่ชื่นชอบทั้งสิ้น แถมยังคิดไว้แล้วด้วยว่าขวดสีนี้จะใส่ครีมอาบน้ำกลิ่นไหน หรือตลับลายไหนจะใส่ลิปสีใดดี

เลี่ยงรุ่ยเมื่อซื้อข้าวสารเรียบร้อยก็เดินเข้ามาหานางที่ด้านในร้าน เขาปล่อยให้หลินเยว่ได้เลือกดูของอย่างเต็มที่ โดยที่เขาไปนั่งรออยู่ด้านข้างของร้านแทน

“ราคาเท่าใดรึ” นางชี้ไปที่ขวดและตลับเคลือบที่วางอยู่ด้านหน้าของนาง

“ขวดเล็กสองตำลึง ขวดใหญ่สามตำลึง ตลับขนาดสองร้อยอิแปะ ตลับขนาดใหญ่สามร้อยอิแปะขอรับ”

หลินเยว่กลืนน้ำลายลงคอทันที เมื่อนางได้ยินราคาของเครื่องเคลือบ

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ไว้ข้าขอตัดสินใจก่อน” นางยิ้มแห้งมองเสี่ยวเอ้อ ก่อนที่จะเดินไปหาเลี่ยงรุ่ยแล้วรีบดึงเขาให้ออกเดินไปทันที

“หึหึ เป็นอันใดไป” เขาหยอกล้อนางที่ยังมีสีหน้าตกตะลึงไม่หาย

“แพงมาก” นางกระซิบบอกเขา

เมื่อก่อนซื้อของแทบไม่ต้องเอ่ยถามราคา แต่มาในยามนี้เงินที่ตัวก็มีไม่มาก จะซื้อสิ่งใดต้องคิดแล้วคิดอีก และนางก็ไม่คิดว่าราคาเครื่องเคลือบจะแพงเช่นนี้

“ข้าคิดว่าเจ้ารู้ราคาแล้วเสียอีก”

“จะรู้ได้อย่างไรเล่า” นางอดจะมองค้อนเขาไม่ได้ นางเพิ่งจะมาถึงได้กี่วันกันเอง

หลินเยว่เปลี่ยนความคิดทันที ที่จะนำสบู่เหลวออกมาขายในตอนนี้ เพราะราคาต้นทุนที่สูงจนนางต้องยอมถอยออกมา

“จะไปที่ใดต่อ” เลี่ยงรุ่ยเห็นหลินเยว่เหมือนจะมองหาอะไร จึงได้เอ่ยถามออกมา

“ข้าอยากจะไปดูร้านเครื่องหอม หรือเครื่องประทินโฉม” นางไม่รู้ว่านางเรียกถูกหรือไม่ หากอิงตามนิยายที่อ่านมาก็เรียกเช่นนี้ทั้งนั้น

“ได้ เดินไปอีกสองถนนก็พบแล้ว” เลี่ยงรุ่ยเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพราะเมื่อครู่หลินเยว่นางเสียเวลาอยู่ที่ร้านเครื่องเคลือบเป็นเวลาไม่น้อย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ตอนจบ

    ผ่านเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดมาได้สิบวัน หลินเยว่ก็เดินทางกลับจวนของตนเอง เซี่ยเหลี่ยงและไป๋ซื่อที่ติดเหลนชายตัวน้อยเข้าเสียแล้วก็มิอาจจะทนห่างเหลนได้ จึงได้พักอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ตลอดไปอวี่หรันการค้าของนางนับวันก็เริ่มจะดีขึ้น หลังจากที่ผู้คนทั่วเมืองหลวงรู้ว่าซูเซียวและหลินเยว่ตัดผ้าที่ร้านของนางก็เริ่มเข้ามาสั่งจองวัดตัวกันมากมายความจริงมิใช่ว่าชื่อเสียงของหลินเยว่และซูเซียวโด่งดังอันใดมากนัก แต่เป็นเพราะแบบร่างของนางมากกว่า ที่มีลวดลายแปลกใหม่และแบบเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนของผู้อื่นหลินเยว่ยังแนะนำให้นางทำตราประทับร้านซ่อนลายไว้ที่ตัวผ้าของนางด้วย เมื่อทำเช่นนี้หากมีสินค้าที่ลอกเลียนแบบก็รู้ได้ทันทีนับว่าวิธีนี้ของนางสร้างชื่อเสียงให้ร้านของอวี่หรันอยู่ไม่น้อยเซี่ยหมิ่นที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว และได้เข้าพักที่จวนหลังใหม่ เขาก็หันมาทำการค้าให้หลินเยว่อย่างเต็มตัว เรื่องเรียนของเขาตอนที่อยู่เมืองหานตงก็มิได้ทิ้งขว้าง นับว่าตอนนี้เขามีตำแหน่งซิ่วไฉไว้อวดอ้างก็เพียงพอแล้วสินค้าของหลินเยว่ที่ทั้งส่งให้เหมยฮวาและที่ในร้านเหม่ยเซียง ต่างสร้างชื่อให้กับนางอย่างมากมาย จนพ่อค้าต่างแคว้นเ

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เรื่องแปลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    คนทั้งห้องโถงตระกูลเซี่ยล้วนแต่ตกตะลึงกับสิ่งที่อวี่หรันนางพูดออกมา“จะ เจ้า พูดสิ่งใดออกมา เรื่องที่นางพูดไม่เป็นความจริงนะขอรับ” เซี่ยเหว่ยตวาดอวี่หรันเสียงดัง พร้อมกับหันไปบอกผู้อาวุโสคนอื่นอย่างร้อนรน“อาเหว่ย เจ้าทำจริงรึ” เซี่ยเหลี่ยงเอ่ยถามน้องชายเสียงสั่น แม้จะสงสัยในตัวของเซี่ยเหว่ยอยู่ไม่น้อย แต่พอมารับฟังเรื่องราวจริงๆ เช่นนี้ เขาก็ไม่อาจจะทำใจได้เช่นกัน“มะ ไม่ ไม่จริง พี่ใหญ่ นางพูดปด ทะ ท่านอย่าได้เชื่อนาง”นางจงซื่อที่ได้สติกลับมาก็กรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม“ใครให้เจ้าพูดเรื่องในปีนั้นออกมา ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า”นางจงซื่อพุ่งเข้าไปทุบตีอวี่หรัน แต่ก็ถูกจินห่าวบังตัวของนางไว้ นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ คนอื่นก็เข้ามาดึงนางจงซื่อออกไปสงบสติอารมณ์ท่าทางเช่นนี้ของนางจงซื่อราวกับตอกย้ำว่าเรื่องที่อวี่หรันนางพูดออกมาเป็นความจริงทั้งหมด“พอ!!! พอกันที วันนี้ข้าจะตัดพวกเจ้าออกจากตระกูลเซี่ยเสีย หากผู้ใดที่ไม่เห็นด้วยกับข้าก็จงรอรับผลได้เลย” เซี่ยเหลี่ยงหมดความอดทนทันที ดวงตาที่แดงก่ำของเขาไล่มองไปที่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเสียงร้องคร่ำครวญราวกับจะขาดใจของไป๋ซื่อยิ่งทำให้เซี่ยเหลี่ย

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ความจริงปรากฏ

    ตั้งแต่ที่เลี่ยงรุ่ยฝึกวรยุทธ์ นางก็ไม่อาจทนมองเขายามที่ถอดเสื้อได้เลย หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อขึ้นมัดอย่างชัดเจน แผงอกก็ดูเหมือนจะกว้างขึ้นหลายชุ่น“อาเยว่...” เลี่ยงรุ่ยเสียงของเขาแหบพร่าไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เพียงแค่นางสะกิดเขาก็ติดเสียแล้วหลินเยว่ดันตัวเลี่ยงรุ่ยให้ลุกขึ้น นางปลดเชือกที่มัดอยู่ที่กางเกงเขาออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะชักรูดลำทวนของเขาอย่างชำนาญเรียวลิ้นน้อยๆ ของนางเตะลงเพียงแค่ส่วนหัว ร่างกายของเลี่ยงรุ่ยก็สั่นสะท้านเสียแล้ว “อาเยว่ เจ้ากำลังจะทำให้ข้าคลั่งตาย” เขาลูบหัวของนางยามที่ปากน้อยๆ ของนางดูดกลืนลำทวนของเขาเข้าไปจนสุด เลี่ยงสุดก็เผลอกระแทกเข้าออกอย่างลืมตัว จนหลินเยว่นางเกือบจะอาเจียนออกมา แต่จำต้องฝืนเอาไว้ เพราะเป็นนางที่ยั่วยวนเขาก่อนเพียงแค่การมัดจำของนางก็เร่าร้อนจนเขาแทบอยากจะส่งลำทวนเข้าไปในร่างของนางแล้ว ไม่รู้ว่าหากเป็นรางวัลที่นางจะมอบให้ จะเร่าร้อนกว่านี้มากเพียงใดรุ่งเช้าหลินเยว่นางเดินออกไปส่งเลี่ยงรุ่ยที่หน้าจวน นางยังกระซิบบอกเขาว่าให้ทำเต็มที่ เมื่อกลับมานางมีรางวัลจะมอบให้ เลี่ยงรุ่ยก็มิอยากจะเข้าไปอยู่ในสนามสอบเสียแล้วอวี่หรันตั้งแต่

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ

    คนงานที่ร้านและบ่าวในจวนต่างได้รับเงินรางวัลกันมากถึงคนละห้าสิบตำลึงเงิน หากคิดว่าไม่มากให้เทียบเงินเดือนที่พวกเขาจะได้หากทำงานที่อื่น พวกเขาจะได้ต่อเดือนอยู่ที่สองถึงห้าตำลึงเงินเท่านั้นต่อให้พวกทาสสามารถเก็บเงินไถ่ตัวเองได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะทำเช่นนั้น สู้อยู่กับหลินเยว่นางอย่างสุขสบายทั้งยังมีเงินเหลือใช้จ่ายและส่งให้ทางบ้านยังดีเสียกว่าอาจจะเป็นเพราะน้ำในลำธารที่หลินเยว่นางให้แม่ครัวใช้ทำอาหารและต้มน้ำชาให้พวกเขาดื่มทุกวันก็เป็นได้ เพราะคนงานของนางทุกคนล้วนแต่ซื่อสัตย์กับนางทั้งสิ้นมีพ่อค้าบางคนที่ต้องการจะขอซื้อสูตรลับของหลินเยว่ ทุกคนต่างไม่มีใครหลุดปากพูดเรื่องในจวนหรือเรื่องการทำสินค้าออกมาสักคนเดียว แม้จะนำเงินมาวางกองตรงหน้าให้ถึงหนึ่งพันตำลึง ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะหักหลังหลินเยว่ตอนนี้อายุครรภ์ของหลินเยว่และซูเซียวเข้าเดือนที่ห้าแล้ว จวนตระกูลเซี่ยสายรองก็จัดงานมงคลของอวี่หรันพอดีทั้งสองต่างพากันไปร่วมงานที่จวนตระกูลเซี่ยสายรอง หลินเยว่และซูเซียวต้องไปเติมสินเดิมให้อวี่หรันหลินเยว่นางให้เป็นเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน ไม่ว่าสิ่งใดเงินย่อมสำคัญที่สุด ซูเซียวนางให้เครื่องประดับห

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   ร้านเหม่ยเซียง

    สองวันต่อมาเว่ยอ๋องต้องเดินทางมาที่จวนตระกูลฟู่ เพื่อขอน้ำลำธารในมิติไปให้ซูเซียวนางดื่ม ที่หลินเยว่นางส่งไปให้ก่อนหน้านี้ที่ตำหนัก หมดไปหลายวันแล้วหากซูเซียวนางไม่ได้ดื่มน้ำจากลำธารในมิติของหลินเยว่ นางก็ล้วนแต่ไม่อาจกินอันใดได้เลยทั้งวัน“หากท่านไม่มา ข้าก็จะเดินทางไปหาเซียวเซียวเช่นกัน” หลินเยว่นางไม่ได้เป็นอันใดมาก จึงคิดที่จะไปดูซูเซียวที่ดูท่าอาการจะหนักมากกว่านางเสียอีกเลี่ยงรุ่ยจึงต้องพาหลินเยว่นางไปที่ตำหนักอ๋องด้วยตนเอง เซี่ยเหลี่ยงและไป๋ซื่อก็ติดตามไปด้วย เพราะอยากจะไปเยี่ยมดูอาการของหลานสาวเว่ยอ๋องสั่งให้คนเตรียมโอ่งน้ำไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อหลินเยว่นางไปถึง เว่ยอ๋องสั่งให้คนถอยห่างออกไปตั้งแต่แรกแล้ว นางจึงนำน้ำในลำธารออกมาได้อย่างสะดวก“เป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่ไปจัดการเรื่องน้ำให้ซูเซียวเสร็จแล้วนางก็เข้ามาหาซูเซียวที่อยู่ในห้องโถง เรือนของนางเอง“หากมีน้ำในลำธารของเจ้าใช้ปรุงอาหาร ต้มน้ำดื่มก็นับว่าข้ากินอาหารได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มีข้าก็อาเจียนเสียทั้งวัน” แค่นึกถึงเรื่องอาเจียนซูเซียวนางก็เข็ดขยาดเรื่องการตั้งครรภ์เสียแล้ว“ดีแล้ว หมดเมื่อได้เจ้าก็ให้คนไปบอกข้าสักคำ

  • พ่อบัณฑิตหน้าขาว ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง   เหมือนนัดกันตั้งครรภ์

    เมื่อได้ฟังคำของซูเซียวหลินเยว่นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพียงไม่นานสาวใช้ก็ยกยาบำรุงที่ต้มไว้ให้หลินเยว่เข้ามาด้านใน“หื้อ/หื้อ” ทั้งสองปิดจมูกร้องออกมาพร้อมกันหลินเยว่หันไปมองที่ซูเซียวอย่างสงสัย หากนางจะได้กลิ่นแล้วเหม็นก็ดูจะไม่แปลก แต่ซูเซียวที่นั่งห่างถ้วยยา นางจะได้กลิ่นจนเหม็นถึงเพียงนั้นเชียวรึ“ข้าว่า เจ้าให้หมอตรวจเสียหน่อยเถิด” หลินเยว่เอ่ยออกมา นางบอกสาวใช้ให้รีบไปตามท่านหมอกลับมาอีกรอบ“เจ้าคิดว่าข้าก็ตั้งครรภ์เช่นนั้นรึ” ซูเซียวชี้ที่หน้าของนางอย่างไม่อยากเชื่อ “อ๊ะ” แต่เมื่อนึกถึงรอบเดือนที่ขาดไป นางก็คิดว่าไม่แน่ก็อาจจะเป็นไปได้ท่านหมอที่เพิ่งกลับไปได้ไม่นาน ก็ต้องรีบร้อนวิ่งกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงจวนตระกูลฟู่ เขาก็ต้องนั่งพักอยู่ครู่ เพราะเหนื่อยหอบอยู่ไม่น้อยท่านหมอเดินเข้าไปหาหลินเยว่ เพื่อจะสอบถามว่านางเป็นอันใด ถึงได้ตามเขากลับมาอีกรอบ ก็ถูกนางห้ามไว้เสียก่อน“มิใช่ข้าเจ้าค่ะ แต่เป็นพระชายา” นางชี้ไปที่ซูเซียวเนื่องจากกฎระเบียบของราชวงศ์ที่มีมาก ท่านหมอจำต้องเรียกสาวใช้ของซูเซียวเข้ามากางผ้าม่านปิดกั้นไว้ก่อนที่จะตรวจท่านหมอที่จับชีพจรมาแล้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status