ปารดาตื่นแต่เช้าจนเป็นกิจวัตร จึงไม่ทำให้ลำบากเมื่อต้องอยู่แปลกที่ เธอปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด และป่าสนก็มารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง นั่นทำให้เจ้าของห้องไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
"มาทำไมเช้าขนาดนี้"
กระถินยืนกอดอกมองคนที่เคาะเรียกตั้งแต่เช้าตรู่ แถมยังยิ้มแป้นทำหน้าหล่อแบบไม่เกรงใจใครอีก
"มารับคุณป่านครับ พ่อเลี้ยงให้ไปหา" ป่าสนฉีกยิ้ม แต่กระถินทำหน้ามึนใส่
"คุณป่าน?" เจ้าของห้องยกคิ้วขึ้นพลางทวนคำ
"ครับ เอ่อป่านน่ะครับ" พอรู้ตัวว่าหลุดคำที่ไม่ควรพูดออกไปก็รีบยิ้มกว้างเพื่อหันเหความสนใจ
"ป่านคุณมือขวามารับไปหาพ่อเลี้ยง"
กระถินยังหลิ่วตามองป่าสน แต่อีกคนก็เอาแต่ยิ้มและมันเริ่มเจื่อนลงเมื่อกระถินมองอย่างสงสัยที่ฉายชัดจากแววตา
"จ้าๆ"
ปารดาตอบรับเพื่อนใหม่ ก่อนจะออกมายืนข้างๆ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ เราไปกันเถอะ" ปารดามาพร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็ก เธอใส่ของสำคัญเช่นกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในนั้น
กระถินมองตามคนงานใหม่กับมือขวาคนสนิทของเจ้านายเดินออกไปพร้อมกัน เก็บเอาความสงสัยเอาไว้ก่อนเข้าไปจัดการกับตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปทำงานเช่นกัน
ปารดาถูกพามาที่บ้านใหญ่ ซึ่งที่นั่นตอนนี้ชนาวินอยู่คนเดียวกับสาวใช้เบอร์เล็กนามว่าชมพู และเบอร์ใหญ่นามว่าสงวน ที่ดูท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ คอยดูแลเจ้านายของตัวเองอย่างดี เมื่อเห็นว่าคนงานใหม่หน้าตาดีก็ตั้งแง่ใส่ ก็กลัวว่าจะเข้ามาจับเจ้านายตัวเอง
ส่วนดอกปีบนั้น ปกติจะคอยดูแลชนะพลและรังรอง ตอนนี้ได้ลาพักเพราะทั้งสองคนไม่อยู่ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าปารดาคือใคร
"นั่งรอที่นี่แหละ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงก็ลงมา"
สงวนบอกเสียงดุ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป ไม่ให้โอกาสปารดาได้เอ่ยทักทายหรือไถ่ถามอะไร
ป่าสนเองพอส่งตัวภรรยาเจ้านายที่บ้านเรียบร้อย ก็ออกไปเลยบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการ คนงานที่บ้านนี้ก็ดูไม่ชอบเธอเท่าไหร่ พอกันเลยทั้งเจ้านาย ทั้งลูกน้อง
อย่างที่ตกลงกันไว้ว่าจะไม่มีใครในไร่รู้ว่าปารดาคือใครนอกจากลูกน้องของชนาวินไม่กี่คนที่เดินทางไปร่วมงานรวมถึงคนที่รับเธอมาที่นี่ แต่ก็ถูกสั่งไม่ให้พูดอะไร
ปารดาคิดว่าหากทั้งสองคนรู้ว่าเธอคือใครจะไม่แสดงกิริยาแบบนี้ออกมาแน่นอน เธอคิดว่า ถ้าเราทำดีกับใคร คนๆนั้นต้องดีตอบกลับมาแน่นอน
"ป้าๆ แล้ววันก่อนพ่อเลี้ยงใหญ่ให้พี่ดอกปีบจัดห้องให้ใคร"
ชมพูกระซิบกระซาบเมื่อยืนซ้อนหลังแอบมองคนงานใหม่อยู่ด้วยกันกับสงวน
"ข้าจะรู้ไหมเล่า เอ็งอยากรู้ก็ไปถามเอาสิไป"
"ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงวินด่าเอา"
ชมพูส่ายหน้าดิก เก็บความสงสัยเอาไว้ กระทั่งเจ้านายเดินลงมาต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานของตน
"มาเร็วดีนี่" ชนาวินมาหยุดยืนมองคนที่นั่งรออยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน
ปารดาอยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแมน เธอเอียงคอมองเขาอย่างพิจารณา
"ฉันต้องทำอะไรคะ" ถามขึ้นสีหน้าจริงจัง
"ทำงานในไร่ ทำได้ไหม วันนี้เริ่มจากงานเบาๆก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแก"
ชนาวินหลิ่วตามองคนตัวเล็ก ก่อนจะโทรเรียกปานนท์ หัวหน้าคนงานมารับคำสั่ง
เมื่อปานนท์มาถึงก็ค่อนข้างตกใจที่จู่ ๆ ชนาวินก็รับคนงานใหม่เข้ามา ทั้งที่ในไร่ก็คนงานเยอะมากแล้ว
"นี่ปานนท์ หรือจะเรียกว่าน้านนก็ได้ หัวหน้าคนงานของฉัน"
เขาหันไปแนะนำกับปารดา "ฝากด้วยนะครับน้านน คนนี้มาใหม่พ่อรับมา วันนี้ให้ถางหญ้ารอบๆต้นส้มแล้วกัน ยังไงฝากสอนงานด้วย" ก่อนจะหันมาสั่งงานกับปานนท์ เขาพยักหน้ารับแล้วมองปารดาที่ยืนอยู่
"ถางหญ้า?"
หญิงสาวทวนคำสั่งด้วยความมึนงง เธอพอจะเข้าใจอยู่ว่าการถางหญ้าก็คือการเอาหญ้าออกจากที่ ที่ไม่ต้องการด้วยการใช้จอบหรือเสียม แต่เธอไม่เคยสัมผัสงานแบบนั้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
"ใช่ ทำได้ไหม" เขาเลิกคิ้วถาม ท่าทียียวนของอีกทำปารดากัดปากแน่น
"ค่ะ ทำได้"
รับปากไปแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้หรือไม่ แต่เธอก็คงไม่มีทางเลือกมากไปกว่านี้หรอก อยากให้ทำ เธอก็จะทำ มันคงไม่ยากเย็นอะไรมากมายนักหรอก
"ก็ดี งั้นน้านนครับ ฝากด้วยนะผมไปออฟฟิศก่อน เช้านี้ต้องถางหญ้าให้ได้อย่างต่ำสิบต้น ถ้างานไม่เสร็จก็ไม่ต้องให้กินข้าว แล้วตอนบ่ายก็ถางอีกสิบต้น ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับบ้าน"
คำสั่งแสนโหดของชนาวินทำปารดาอ้าปากค้าง อย่าว่าแต่สิบต้นเลย แค่ต้นเดียวจะรอดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย นี่มันแกล้งกันชัดๆ
"ครับพ่อเลี้ยง"
ปานนท์รับคำอย่างงงๆ มองปารดาที่ยืนทำตาโตไม่ไกล ตัวเล็กนิดเดียวจะให้ไปทำงานหนักแบบนั้นไม่รู้จะไหวหรือเปล่า แต่ท่าทางไม่ยอมคนนั่นก็อาจจะพอทำได้ละมั้ง
"ไปกัน ชื่ออะไรล่ะเรา"
ปานนท์เดินนำลงไปจากบ้านก่อน ปารดาจึงเดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ป่านค่ะ" ปารดาตอบเสียงนิ่ม มองตามหลังร่างสูงใหญ่ของปานนท์อย่างสำรวจ
ผู้ชายตรงหน้าอายุราว ๆสี่สิบต้นๆ หน้าตาหล่อคมเข้มแบบฉบับชายไทย ผมดำเข้มหยักศกเล็กน้อย ร่างกายกำยำเหมือนคนที่ออกกำลังกายมาอย่างหนัก แววตาคมดุดันเครียดขึ้งตลอดเวลา ดูเคร่งขรึมจนเหมือนจะเข้มงวดด้วย
"เป็นใครมาจากไหนเหรอเรา"
ปานนท์ถามขึ้นมาอีก มองไปที่ปารดาซึ่งเดินเคียงกันมาช้าๆ
"มาจากกรุงเทพค่ะ พ่อเลี้ยงชนะพลให้มาอยู่ที่นี่ค่ะ"
ปารดาตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าถ้าชนะพลรู้เรื่องจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้อยากโกหกก็เลยตอบเลี่ยงๆ แล้วเธอก็ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่นัก
"งั้นเหรอ ทำอะไรเป็นบ้างล่ะ" มองจากรูปร่างหน้าตาเหมือนจะเป็นคนที่ไม่เคยเจองานหนักมาก่อนก็เลยค่อนข้างเป็นห่วง
"เพิ่งเรียนจบมาค่ะ แต่ว่าป่านทำอะไรก็ได้ค่ะน้านน เรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ" คนตัวเล็กยิ้มกว้างให้ ปานนท์ยิ้มตอบพยักหน้าเบาๆ
"ป่านทำอะไรก็ได้ที่เขา...เอ่อ ที่พ่อเลี้ยงอยากให้ทำ" ปารดาตอบแบบไม่มีทางเลือก
ใช่เธอไม่มีทางเลือกเลย ตั้งแต่ที่ตัดสินใจที่จะช่วยให้พ่อหลุดพ้นจากความตาย ปารดาก็ไม่เคยคิดที่จะหาทางออกอย่างอื่น นอกจากทำตามทุกอย่างที่ชนะพลต้องการ แต่ตอนนี้ชนะพลไม่อยู่ คนที่เธอต้องทำตามคำสั่งก็คือชนาวิน
"งั้นเดี๋ยวไปด้วยกันเลยนะ จะพาไปที่ไร่ส้ม" ปานนท์กระโดดขึ้นรถ ปารดาทำตามอย่างว่าง่าย
ปานนท์พาปารดามาที่ท้ายไร่ ตรงส่วนนี้ยังไม่มีใครถางหญ้ามาถึง เขากำหนดขอบเขตงานให้กับปารดา โดยให้คนงานมาสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง ปารดาจดจำและทำตาม แม้จะยากเพราะจอบค่อนข้างหนัก แต่ปารดาก็สู้ทน ถางหญ้าด้วยท่าทางลำบากลำบน
ทั้งคู่มาเล่นกับหลานอยู่คู่ใหญ่ และกลับไปทำงาน ปารดาพาลูกๆเข้าบ้าน ปล่อยเด็กๆให้คลานบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้ และมีคอกล้อมขนาดกว้างขวาง มีของเล่นที่ไม่เป็นภัยอยู่ในนั้น ทั้งสองแบ่งกันเล่น ตีกันบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร"พี่โรมอย่ากัดน้องลูก" ปารดาหน้าเหวอที่คนพี่เริ่มจับแขนคนน้องมางับ"น้องรันอย่าดึงผมโรมพี่ค่ะ" เสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่ดังเป็นระยะ ชนาวินที่เดินเข้ามาพร้อมป่าสนต้องอมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของสองเสือ"วิถีลูกผู้ชายไงครับที่รัก ตีกันบ้างไม่เป็นไรหรอก" เขาเข้ามาโอบไหล่เอาไว้"พี่โรมก็งับน้องจังเลยค่ะฟันก็ไม่มี ไม่รู้คิดอะไรนะคะ สงสัยคันเหงือก" ปารดาฟ้อง"น้องก็แสบนะนั่น ดึงผมพี่แบบนั้น" ชนาวินหัวเราะออกมา"แสบทั้งคู่แหละค่ะ" ปารดาขำออกมาบ้าง"คุณหนูครับ เล่นอันนี้ไหมเอาอันนี้ไหม" คนที่ดูจะเห่อไม่น้อยไปกว่าใครก็ป่าสนนี่แหละ ตั้งแต่ที่สนามบินก็เล่นกับคุณหนูของเขาไม่หยุด นี่ก็ถึงกับปีนเข้าไปนั่งเล่นกับสองหนุ่มทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ปาน"มอบหน้าที่พี่เลี้ยงให้เลยแล้วกันนะป่าสน" เจ้านายพูดแบบนี้ป่าสนมีหรือจะไม่รับ"ได้เลยครับพ่อเลี้ยง คุณหนูครับ พี่เลี้ยงป่าสนมาแล้ว"ปารดากับชนา
ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันปารดาก็ได้กลับบ้าน เธอกำลังให้นมแฝดคนพี่ในอ้อมแขน ขณะที่คนน้องนอนรออยู่ในเบาะ พอคนพี่อิ่ม เธอก็ส่งให้กับสามีและอุ้มคนน้องมาเข้าเต้า ชนาวินมีหน้าที่ทำให้ลูกเลอออกมา ก่อนจะมองเมียให้นมลูกด้วยความทึ่ง แล้วยังจะตอนที่ปารดาปั๊มนมไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ไปหมด"สุดยอดคุณแม่จริงๆ" ชนาวินพูดขึ้น"แค่ให้นมลูกเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชนาวินเดินมาหอมที่หัว เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เขาอยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ยอมอุ้มท้องเจ้าแฝดมาตั้งเก้าเดือน มีเรื่องงอแงหงุดหงิดกันบ้างแต่ก็ยังอดทน ไม่ได้กินของที่ชอบ ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แล้วก็ยังต้องให้นมลูก นอนไม่เป็นเวลาจื่นกลางดึก ปารดานั้นเป็นสุดยอดคุณแม่จริงๆ"มาขอแม่อุ้มบ้าง มาหาย่านะคะพี่โรม" รังรองรับเอาคนพี่ไปอุ้มไว้"กินนมอิ่มแล้วก็หลับเลยเหรอเสือ" ชนะพลแซวหลานชาย"วัยกำลังโตครับพ่อ อย่าแซวสิ อิ่มแล้วก็นอนไง ปกติ" ชนาวินแก้ตัวแทนลูกชาย"จะเป็นลูกหมูก่อนสิ" อดที่จะแซวอีกไม่ได้"เฮียคะเรียบร้อยค่ะ" ปารดามองทุกคนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะส่งคนน้องให้กับสามี แล้วจัดการปั๊มนมต่ออีกหลายถุง"ให้กินไปจนโตเลยนะ" รัง
เขาทบทวนมาหลายวันหลังจากทราบเรื่อง มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนหน้านั้นชนะพลส่งคนไปเฝ้าดู ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเจ็บแค้นจนคิดจะทำร้ายปารดาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เท่าที่ได้รับรายงาน พาขวัญเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเธอเสียใจร้องไห้งานการไม่ทำให้ลูกจ้างเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในร้าน เมาหัวราน้ำทุกวันชนะพลเข้าใจได้ว่าคนอกหักมักจะเสียศูนย์ แต่ผ่านมาร่วมสี่เดือน พาขวัญกลับยิ่งแย่ลง ลูกค้าเริ่มลดลง แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไฟไหม้ร้านขนมของเธอและเธอก็บาดเจ็บสาหัส“ผมพยายามแล้วพ่อ ผมพยายามทำให้เขาตัดใจแต่เขาดื้อมาก เขายึดมั่นว่ารักผมและไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้ว่าผมจะพูดไปตรงๆเขาก็ยังไม่ยอมแพ้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวน สีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกผิด เขารู้ทุกอย่างเพราะพาขวัญทำตัวเอง แต่เขาก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน“พ่อจะบอกแกให้นะ เราไปกำหนดชีวิตใครไม่ได้ แกอาจจะเป็นสาเหตุ แต่นั่นมันจบแล้ว และเรื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่พาขวัญไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเองให้กลายเป็นขี้เมาแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ”“ขวัญรักษาตัวที่ไหนครับ”“รพ.จังหวัด”“ผมอยากไปดูเธอ”“วิน ที่พ่อบอกแก เพราะพ่อไม่อยากปิดบัง แต่พ่อว่าตอนนี้ไ
หลังจากรู้ว่าได้ลูกแฝด คุณพ่อขี้เห่อก็เอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกเป็นอย่างดี ดีจนปารดาจะเสียนิสัยและต้องคอยห้ามเอาไว้ตลอดเวลา ชนาวินทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ปารดาสบายที่สุดท้องลูกแฝดไม่เหมือนท้องปกติ ขนาดท้องที่ใหญ่โตกว่าทำให้คนตัวเล็กๆอย่างปารดามีความเสี่ยงมาก“ไหนหลานปู่ ดิ้นไหมวันนี้” ชนะพลเดินทางมาจากเชียงใหม่เดือนละครั้งเพื่อเยี่ยมลูกๆและหลานชาย ยิ่งตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ไร่คนเดียวเพราะรังรองมาคอยดูแลคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดที่กรุงเทพฯ มันทำให้เขาเหงาที่ต้องห่างจากลูกเมีย“ดิ้นเก่งมากค่ะ ไม่รู้คนพี่หรือคนน้อง” ปารดาท้องใหญ่เธอเอนตัวใช้มือหนึ่งลูบท้องอีกมือดันหลังไว้“พ่อเอาส้มมาฝากด้วยนะ” ชนะพลค่อยๆวางมือลงที่ท้องนูน เหมือนแฝดจะรับรู้ว่าปู่มา ยันเท้าทักทายเป็นการใหญ่“เจ้าแสบของปู่ ทักทายกันหน่อยทักทายกันหน่อย” รอยนูนเป็นรูปฝ่าเท้าเล็กๆยันขึ้นมา คนเป็นปู่ย่ายิ้มหน้าบาน“รู้จักเอาใจคนแก่แต่ในท้องเลยนะ” สุรเดชว่า เขามักจะมาเล่นกับเหลนเป็นประจำนั่นคือความสุขของเขาในวัยเกษียรแบบนี้“เจ็บท้องบ้างหรือยัง นี่จะครบกำหนดแล้วใช่ไหม” ชนะพลลูบเบาๆที่ท้องของปารดา“เริ่มมีบ้างแล้วค่ะ เหมือนเจ็บเตือน”“คล
หลังจากวันนั้นชนาวินก็เริ่มทำกายภาพบำบัด เขาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทำกายภาพจนกว่าจะครบชั่วโมงที่หมอกำหนด"อีกนิดนะคะ" นักกายภาพกำลังช่วยหัดเดินให้กับชนาวิน คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มเดินได้คล่องแคล่วเช่นเดิมปารดายืนมองชนาวินทำกายภาพด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกทุกครั้ง เหมือนเธอยืนตรงนั้นแทนที่เขาและพยายามจะก้าวเดินออกไป เธอไม่เคยเหนื่อยที่จะช่วยเขาเลย บีบนวดขาให้เขาในทุกๆวันเพื่อให้กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็วชนาวินเริ่มกลับมาเดินได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำเพื่อทรงตัว แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากจากก่อนหน้า เขาขยันทำกายภาพและฝึกเดินตลอดจนวามารถกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน แต่ยังไม่วามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมหนักๆได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชนาวินต้องข้ามผ่านความเจ็บปวดและจิตใจของตัวเองโดยมีลูกกับเมียเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่หากไม่สามารถพาลูกวิ่งเล่นในสนามได้"ร่างกายคุณฟื้นตัวเร็วมากครับ ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณหายเป็นปกติแล้ว" หมอยิ้มให้อย่างยินดี"คือผมหายดีแล้วเหรอครับ""ใช่ครับ จากที่ทดสอบวันนี้ผ
"เฮียจะสงสารเขาหนูเข้าใจ แต่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งแทรกกลางระหว่างเรา มันก็ไม่จบสักที" ปารดายังบ่นเรื่องของพาขวัญ และชนาวินก็หมดโอดาสแก้ตัวเพราะเรื่องมันเกิดจากเขาทั้งนั้น"เฮียบอกแล้วไงคะ ขวัญเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารักพี่มากก็แค่นั้น""นี่แก้ตัวแทนเหรอ ใช่สิคะ เฮียกับคุณขวัญรู้จักกันมาก่อน รักกันมาก่อน หนูมันคนอื่น" กอดอกแน่นทำปากคว่ำ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ"ที่รักครับ มันไม่ใช่แบบนั้น" คนบนเตียงกอดเธอเอาไว้หลวมๆ คนน้องนั่งหันหน้าออกไปที่ประตู ชนาวินไม่รู้จะต้องพูดยังไงเพื่อให้อีกคนหายโกรธ"มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เฮียเข้าข้างเขาเพราะรู้จักกันมานานทั้งที่เฮียก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เฮียเคยรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดูถูกหนู ข่มขู่หนู ทำให้หนูเสียใจ แต่เฮียก็ยังเข้าข้าง ปล่อยค่ะหนูจะกลับ" ดิ้นหนีจะลงจากเตียง แต่ชนาวินไม่ยอม"ไม่เอาสิคะถ้าหนูกลับไปทั้งที่เรายังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เขาพยายามพูดเสียงอ่อน เพื่อให้อีกคนเย็นลง"ถ้าเฮียยังเข้าข้างคุณขวัญ มันก็ไม่มีวันจบหรอกค่ะ" เธอพูดเสียงแข็ง ปัญหาที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันมันเพราะชนาวินยังพูดจาปกป้องพาขวัญทั้งที่ก็เห็นว่าอีกคนทำอะไรเอ