Home / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 1 ทัพมารบุกสวรรค์

Share

ตอนที่ 1 ทัพมารบุกสวรรค์

last update Last Updated: 2024-11-04 07:00:39

ท่ามกลางความโกลาหลตรงเขตชายแดนระหว่างภพมารและภพสวรรค์ เทพจันทราเร่งหลอมรวมวิญญาณและพลังของตนเองเพื่อผนึกลิขิตสวรรค์ในต้นไม้แห่งโชคชะตาไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้

แม้จะต้องสละวิญญาณแต่นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องสรรพสิ่งจากหายนะที่คืบคลานเข้ามา ชายชรารู้เป็นอย่างดีว่าจอมมารจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชะตาของใครบางคนอย่างแน่นอน และนั่นอาจจะทำให้แผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นชิ้นดี

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกระหึ่มสร้างความวิตกในใจของเขาเป็นอย่างมาก อีกนิดเดียว ข้าขอเวลาอีกนิดเดียว เขาคิดในใจหวังว่ากองทัพสวรรค์ที่อยู่ด้านนอกจะช่วยต้านทานถ่วงเวลาผู้บุกรุกได้อีกสักเพียงนิด

“หยุดนะ!” ปีศาจสาวนามว่าหลิวอิงอิงผู้เป็นมือขวาของจอมมารตะโกนก้อง นางร่ายพลังปีศาจใส่เทพจันทราโดยไม่ยั้งมือ หากแต่ถูกสกัดกั้นโดยกองอารักขาเสียก่อน จึงทำให้นางฉุนเฉียวเพราะไม่ได้ดั่งใจ

เทพจันทราตั้งสติมั่นพลันขอบข่ายอาคมปรากฏขึ้นหลอมรวมกับจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของชายชราผู้นี้โอบล้อมเป็นม่านคลุมต้นไม้แห่งโชคชะตาเอาไว้ในชั่วขณะ

หลิวอิงอิงสบถเสียงดังที่ขัดขวางศัตรูไม่สำเร็จพลางสั่งการสัตว์อสูรให้กำจัดกองทหารสวรรค์ในบริเวณนั้นไม่ให้เหลือแล้วพยายามทำลายม่านศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาดวงชะตาของเทพดาราตามคำสั่งของจอมมาร

เวลานั้น สวีลู่ชิงหรือเทพดารากำลังเตรียมพร้อมอยู่ในลานจุติ แววตามุ่งมั่นรู้ว่าตนเองรับหน้าที่แสนสำคัญและทุกคนฝากความหวังเอาไว้

เมื่อวัยเยาว์นางได้รับเลือกให้เป็นผู้รับพลังของเทพบรรพกาลมาผนึกไว้ในตนเอง โชคชะตาของผู้มีพลังอันยิ่งใหญ่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องทุกคน แม้ว่านั่นอาจจะหมายถึงการสละกระทั่งแก่นวิญญาณเทพ

หากแต่สวีลู่ชิงไม่เคยนึกเสียดายถ้าต้องสลายหายไปหลังเรื่องทุกอย่างจบสิ้น สายตาของนางมองเหล่าเทพเซียนที่ยืนอยู่รายรอบ สีหน้าเศร้าสร้อยเพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่นางกลับมายังภพสวรรค์อีกรอบจะได้เจอพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่

เทพบุปผาก้าวเข้ามากอดสวีลู่ชิงราวกับจะเอ่ยบอกลาล่วงหน้า “หวังว่าสักวันหนึ่ง เราจะได้กลับมาเจอกันอีกนะ ลู่ชิง”

“เจ้าอย่าพูดเช่นนี้สิเฟยฮวา” นางกล่าวกับสหาย “ก่อนที่ข้าจะต้องดับสลาย รอพบหน้าข้าอีกสักหนไม่ได้หรือ”

สวีลู่ชิงยังคงมีความหวังว่าเทพสงครามและกองทัพสวรรค์จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ต้องรอนางใช้แผนการสุดท้ายเพราะการที่นางต้องลงมือเองหมายความว่าไม่มีใครต้านความชั่วร้ายของจอมมารตนนี้ได้เลย

“ข้าจะพยายาม” หวงเฟยฮวาพยักหน้ารับปากแต่นางมิอาจรู้ได้เลยว่าจะทำได้เช่นนั้นจริงหรือไม่

แม้แต่เทพจันทราที่เป็นเทพอาวุโสยังต้องสละวิญญาณของตนเอง แล้วเทพอย่างนางจะรอดพ้นเงื้อมมือจอมมารไปได้อย่างไร

หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว สวีลู่ชิงผนึกพลังและความทรงจำของตนเองไว้ในส่วนลึกของแก่นวิญญาณแล้วปล่อยตัวร่วงหล่นลงจากลานจุติในพริบตา

          แสงสีฟ้าประกายวาบพวยพุ่งเป็นสัญญาณว่ามีเทพเซียน

ลงไปเผชิญด่านเคราะห์ที่ภพมนุษย์ กงจื่อเย่แสยะยิ้มรู้ว่าลูกน้องมือขวาของตนทำงานไม่สำเร็จ แต่หากคิดลงโทษเวลานี้ก็ดูไม่เหมาะสักเท่าใดนัก เขาจึงได้แต่คาดโทษแล้วจะคิดบัญชีคราวหลัง

สวีต้าเฟิง เทพวายุผู้เป็นพี่ชายของสวีลู่ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ไม่ได้ร่ำลาน้องสาวของตนเอง ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กน้อยที่เลี้ยงอย่างทะนุถนอมมาตั้งแต่เกิดจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้

โชคชะตาของผู้ที่ถูกเทพบรรพกาลเลือกไม่อาจปฏิเสธได้แต่ช่วงเวลานั้นกลับมาถึงเร็วเกินไปจนเขาไม่ทันได้เตรียมใจที่จะต้องสูญเสียนางอย่างไม่มีวันกลับ

สวีต้าเฟิงจ้องหน้ากงจื่อเย่ไม่วางตา คิดในใจว่าอย่างน้อยควรทำสิ่งที่คิดไว้กับเทพสงครามให้สำเร็จ

แผนการผนึกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตในแก่นวิญญาณของจอมมารผู้เกิดแต่โคลนตม ไร้อารมณ์ความรู้สึก จนไม่อาจมีสิ่งใดทำลายได้

เมล็ดพันธุ์ดวงแรกที่เทพดาราเก็บเกี่ยวได้ยามลงมาเผชิญด่านเคราะห์แดนมนุษย์เมื่ออายุครบหนึ่งพันปีอยู่ในมือของเทพสงครามเรียบร้อยแล้ว

แม้ครั้งนี้สวีลู่ชิงต้องลงไปแดนมนุษย์อีกครั้งก่อนกำหนด เสี่ยงที่พลังจะอ่อนแอ แต่นางกลับไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย เพราะได้รู้ว่าเมื่อเมล็ดพันธุ์ทั้งสามดวงถูกผนึกในแก่นวิญญาณของจอมมารจนต้นไม้แห่งชีวิตหยั่งรากเมื่อใด เวลานั้นการกำจัดหายนะก็จะไม่ยากเย็นอีกต่อไป

“เสียดายที่ไม่อาจได้พบนาง” เทพสงครามเฉิงอี้มองดูเมล็ดพันธุ์พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นยามนึกถึงสวีลู่ชิง บุคคลที่เขารักเหมือนน้องสาว

“หากข้ารอดไปได้ ข้าจะบอกนางว่าเจ้าฝากบอกลา” สวีต้าเฟิงยิ้มมุมปาก พูดล้อเล่นกับสหายอย่างเคยเพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน

“เฮ้อ เจ้านี่นะ” เทพสงครามส่ายหน้า “พร้อมหรือไม่ ข้าอดใจรอซัดเจ้ามารจอมอวดดีไม่ไหวแล้ว”

เทพวายุพยักหน้าพลางร่ายพลังของตนเองมุ่งหน้าไปที่จอมมารโดยไม่เกรงกลัว

กงจื่อเย่แสยะยิ้มไม่ขยับหลบหนีไปที่ใดเพราะมั่นใจว่าไม่มีใครบนภพสวรรค์ทำอันตรายกับเขาได้ แต่ไม่ทันไรกลับต้องนิ่วหน้าเพราะถูกพลังของเทพสงครามอัดเข้าไปเต็ม ๆ จนกระอักเลือด พลันสายตาขุ่นเคืองไม่พอใจฉายแววขึ้นมาจึงเรียกดาบเขี้ยวอสูรที่เกิดจากการหลอมกระดูกและพลังของสัตว์อสูรบ้าคลั่งทั้งเผ่าออกมาถือไว้ข้างกาย

อาวุธประจำตัวหนึ่งเดียวของจอมมารน่าเกรงขามยิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก ดาบกระหายเลือดแผ่กลิ่นอายมารคละคลุ้งข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม ความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมทั่วบริเวณนั้นพลันเสียงร้องโหยหวนค่อย ๆ ดังขึ้นทีละนิด

พลังแสงสีฟ้าและขาวลอยลิ่วหมายจะทำลายอาวุธจอมมารแต่มันกลับป้องกันตัวเองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างสาดพลังเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วงและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้โดยง่ายเพราะจอมมารต้องการทำลายภพสวรรค์ให้ราบคาบ ส่วนทัพสวรรค์ต้องการยืนหยัดปกป้องดินแดนของตัวเองเอาไว้

ระหว่างการต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาพักใหญ่ เทพสงครามหันมามองหน้าสหายของตนเองแล้วยิ้มให้เป็นสัญญาณบอกว่าต้องรีบใช้แผนสำรอง

สวีต้าเฟิงถอนหายใจไม่อาจห้ามเทพสงครามได้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าตัวได้ตัดสินใจไว้อย่างเด็ดขาดแล้ว จึงหาทางเบี่ยงเบนความสนใจกงจื่อเย่ด้วยการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อถ่วงเวลาให้เทพสงครามร่ายพลังหลอมรวมวิญญาณ

กงจื่อเย่มองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาเหยียดหยาม “เจ้าแค่คนเดียวจะทำอะไรข้าได้”

เทพวายุแค่นหัวเราะที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น “มั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เป็นแค่มารเด็กน้อยแท้ ๆ”

“เฮอะ” กงจื่อเย่หัวเราะลั่นรู้ตัวดีว่าเพิ่งเกิดได้แค่ร้อยปีจึงโดนดูถูกมากเพียงนี้ แต่ผลแพ้ชนะตรงหน้าก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

แม้เทพเซียนจะเป็นอมตะแต่หากทำลายแก่นวิญญาณแล้วพวกเขาก็จะดับสลายไปได้เหมือนกัน ต่างจากตัวเขาเองที่อยู่ยั้งยืนยง ไม่มีวันดับสูญ

หากวันนี้ถูกทำลาย รอคอยอีกไม่นานตัวเขาจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ มีเวลาเหลือเฟือที่จะทำลายภพสวรรค์เล่น ๆ จนกว่าจะสูญสิ้นดั่งใจหมาย

และหากไม่ใช่เพราะว่าเขาบังเอิญรู้มาว่ากาลข้างหน้าจะต้องถูกกำจัด เขาคงไม่ถ่อมาถึงสถานที่แห่งนี้เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“ได้ยินมาว่านางเป็นน้องสาวของเจ้า” รอยยิ้มมีเลศนัยเยือกเย็นของกงจื่อเย่ทำให้สวีต้าเฟิงกังวล “ไม่ต้องห่วง ข้าจะทรมานนางให้เจ็บปวดที่สุดแล้วสังหารนางอย่างช้า ๆ”

“โกรธแค้นอะไรนางถึงเพียงนั้น” ผู้เป็นพี่ชายอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง เขาเลี้ยงนางอย่างกับไข่ในหินแต่มารผู้นี้กลับคิดทำลายนางให้เจ็บปวด

มือสองข้างร่ายพลังสาดใส่กงจื่อเย่ไม่หยุดพักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“นั่นเป็นเพราะนางคิดสังหารข้าก่อน” กงจื่อเย่เลิกคิ้วไม่แยแส “คนที่คิดกำจัดข้า ข้าจะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

“หากเจ้าไม่ออกมาจากภพมาร เรื่องพวกนี้ก็ไม่จำเป็น”

“พวกเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ปากว่าตาขยิบ เทพเซียนประสาอะไรพูดจากลับกลอก การกระทำชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก ถึงข้าจะขลุกตัวอยู่ภพมารของข้า พวกเจ้าก็ลอบเข้ามาสังหารข้าอยู่ดี” จอมมารนึกถึงตอนแรกเกิดที่ถูกกองทัพสวรรค์ไล่กำจัดอย่างโหดร้าย

ไม่เพียงแค่หนึ่งครั้ง แต่หลายครั้งนับไม่ถ้วน หากแต่เทพอาวุโสต่างเมินเฉยปล่อยผ่านสิ่งที่เทพเซียนเหล่านั้นกระทำกับเขา

ชะตาที่ทำนายว่าเขาจะกลายเป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าทำให้เทพเซียนบางคนรู้สึกหวาดกลัวจนคิดจะตัดชะตามารน้อยแรกเกิดโดยไม่สนวิธี

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ข้าเองก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าทรมานน้อยไปกว่าน้องสาวของเจ้าหรอก” กงจื่อเย่แสยะยิ้มมองหน้าสวีต้าเฟิง “ดับสลายไปให้หมด ข้าจะทำลายทุกอย่าง ไม่ว่าใครก็หยุดข้าไม่ได้”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 87 มารเร้นกายเคียงแสงดารา (ตอนจบ)

    จอมมารพาสวีลู่ชิงกลับมายังดินแดนสุญญตาที่เวลานี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นบ้านของเราอย่างที่เขาพูด ที่รกร้างกว้างใหญ่แต่เดิมไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้นเลย กลับมาครั้งนี้สวีลู่ชิงได้เห็นว่าเรือนไม้หลังใหญ่สองชั้นลอยโดดเด่นอยู่ใจกลาง ดอกจื่อเถิงสีม่วงขาวเลื้อยประดับห้อยระย้าสวยงามยิ่งนักพื้นน้ำโดยรอบสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าระยิบระยับ และหากท้องฟ้าสดใสถูกแทนที่ด้วยจันทรา ผืนฟ้าก็จะเต็มไปด้วยละอองดาวกงจื่อเย่เนรมิตสรรพสิ่งขึ้นมาเพื่อรอต้อนรับนางกลับมายังที่ที่เป็นบ้านของเราดินแดนตรงกลางระหว่างภพมารกับภพสวรรค์ บ้านที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันชั่วนิรันดร์“อีนั่ว ข้าฝากให้เจ้าดูแลไข่ใบนั้นให้ดี ยังจำได้หรือไม่” จอมมารถามบุตรชายเพราะเห็นเขามักจะพาลี่เซียนเที่ยวเล่นกับเทพ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 86 สายใยรักประสาน

    นับตั้งแต่การจากไปของบุตรสาวสวีลู่ชิงตกอยู่ในความเศร้าสร้อย ความรู้สึกของนางในเวลานี้เหมือนกระตุ้นความทรงจำบางอย่างที่หลงลืมไปแล้ว สัมผัสได้เพียงว่าครั้งหนึ่งนางคงเคยสูญเสียลูกไปในช่วงเวลานี้กงจื่อเย่คอยอยู่เคียงข้างและดูแลนางไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำหน้าที่สามีเป็นอย่างดีเพื่อให้นางข้ามผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้หญิงสาวเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของคนข้างกาย เอ่ยพึมพำว่า “ลูกสาวของเราคงจะสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่หรือไม่”สามีของนางจึงตอบอย่างมั่นใจ “อืม ลูกสาวของเรากำลังเล่นสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ของนาง ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวลเลยลู่ชิง”รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว “เจ้าช่างสรรหาคำปลอบใจได้แปลกยิ่งนัก ลี่เซียนกำลังเล่น

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 85 เคราะห์หนัก

    เก้าเดือนต่อมาเด็กครึ่งมารคนที่สองได้ฤกษ์ถือกำเนิด เด็กหญิงตัวน้อยมีดวงตาสีม่วงแดงเหมือนบิดา เรือนผมสีขาวคล้ายมารดา หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่งนักสวีลู่ชิงมองหน้าลูกสาวพลางนึกถึงอีนั่วจึงเอ่ยปากบอกสามีที่นั่งอยู่ข้างกัน “เจ้าเคยอยากรู้ว่าลูกสาวของเราจะหน้าตาเหมือนผู้ใดใช่หรือไม่”“อืม” กงจื่อเย่ยิ้มกว้าง“นางหน้าตาเหมือนเจ้าไม่มีผิด” สวีลู่ชิงไล้แก้มเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องเรียกนางจากหน้าบ้าน สวีลู่ชิงเดินไปดูลาดเลาจึงได้เห็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง“ท่านแม่” อีนั่ววิ่งเข้ามากอดนางด้วยความคิดถึงเพราะถูกกักบริเวณจึง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 84 คำนับฟ้าดิน

    สามเดือนต่อมาระหว่างที่สวีลู่ชิงกำลังเก็บผักกาดอยู่ในสวนข้างบ้าน นางได้ยินเสียงกุบกับดังมาแต่ไกลผิดวิสัยการเดินทางของคนในหมู่บ้านแห่งนี้จึงรีบออกมาดูใบหน้าของใครบางคนทำให้นางดีใจยิ่งนัก รีบตะโกนบอกใต้เท้าสวีและฮูหยินที่พักผ่อนอยู่ข้างในได้รู้ว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ทุกคนออกมายืนรอรับคุณชายสวีหน้าบ้าน ส่วนกงจื่อเย่เดินมากอดเอวคุณหนูเอาไว้เหมือนอย่างเคยครั้นได้เห็นบุตรชายคนโตใกล้ ๆ ใต้เท้าสวีและฮูหยินจึงได้เห็นว่าร่างกายของเขามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเกราะและเสื้อผ้าทว่า คุณชายสวีไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลู่ชิง” เขาเอ่ยเรียกทั้งสามคนสีหน้าระรื่น “ข้าล้างมลทินให้สกุลสวีได้สำเร็จแล้วขอรับ”

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 83 บิดาเจ้าน่ากลัวยิ่งนัก

    แม้จอมมารจะคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแต่เวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีนักเพราะเขาต้องใช้โอกาสนี้พาสวีลู่ชิงหนีจากหอเยว่ส่างก่อนที่จะถูกใครจับได้ใครหลายคนคงคิดว่าพวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันทั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่านักโทษกบฏแอบหนีออกไปกับแขกที่ไม่เห็นหน้าค่าตาก็คงทิ้งห่างจากพวกเขาไปหลายชั่วยามแล้ว“หนีอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยถามให้แน่ใจ ความกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุดเพราะเกรงว่าทุกคนจะมีอันตรายไปด้วย“เชื่อใจข้าหรือไม่” กงจื่อเย่ถามแต่เพียงเท่านั้น แววตาของเขาจริงจังเสียจนนางไม่นึกสงสัยอันใดอีกจึงกุมมือเขาไว้แน่นแล้วหนีไปด้านหลังด้วยกันทาสหนุ่มฝืนตัวเองเร่งรีบไปให้ถึงจุดที่เขาผูกม้าเอาไว้ ขาข้างที่เคยบาดเจ็บสร้างความทรมานให้เขาอย่างยิ่งแม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 82 ขัดขวางเนื้อคู่

    สองเดือนต่อมาอีนั่วมาหาสวีลู่ชิงอย่างเช่นเคย ก่อนเข้าไปยังห้องรับรองก็นั่งดูหลิวอิงอิงดีดพิณ ขับร้องเพลงเสียงก้องกังวานด้วยความรื่นเริงใจจนกระทั่งมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งในคำทำนายโชคชะตาของมารดาเจ้าตัวตะลึงงันไม่คิดว่ามนุษย์อย่างเขาจะดูมีรัศมีเหมือนเทพสวรรค์ พลันกวาดตามองรอบตัวต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นจากเทพชั้นสูง ผู้มีดวงตาสีฟ้า ผมขาวเหมือนผู้เป็นมารดาหากแต่อีนั่วยังทำใจดีสู้เสือคิดว่านั่นคือบิดาที่แปลงกายมาจึงยิ้มตอบกลับไปทักทายเทพวายุหายตัววับมาอยู่ข้างเขาในทันทีจนสมุนปีศาจแข็งทื่อเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคือสวีต้าเฟิงตัวจริง หลิวอิงอิงที่นั่งอยู่ตรงกลางลานแสดงถึงกับดีดเพลงพิณเพี้ยนไปสองจังหวะคิดจะหนีหายเอาตัวรอดก่อนผู้ใดแต่ถูกแส้บ่วงของเทพวายุตวัดรัดตัวนางเอาไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status