จ้าวหลินอ้ายสาวโสดไม่เคยมีแฟนมาก่อน ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เมื่อได้มาเกิดในร่างใหม่กลับได้เป็นจักรพรรดินีที่ต้องรับนายสนมเข้าวัง
ดูเพิ่มเติม“ฉันชื่อจ้าวหลินอ้าย เป็นสาวโสดวัยสามสิบหกปี ขณะที่กำลังจะข้ามถนนกลับบ้านก็ถูกรถยนต์ฝ่าสัญญาณไฟเข้ามาชนอย่างรุนแรง รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในอีกยุคสมัย ไม่รู้ว่าเป็นยุคโบราณหรือโลกใบใหม่มิติใหม่กันแน่
แต่ที่รู้ก็คือชีวิตใหม่นี้ช่างทำให้ฉันมีความสุขเสียจริง นอกจากจะได้มาเป็นจักรพรรดินีผู้ปกครองแผ่นดินแล้ว บรรดาขุนนางข้าราชการที่รายล้อมล้วนหน้าตาดีเป็นอาหารแก่สายตาแทบจะตลอดเวลา
ถึงจะต้องว่าราชการบริหารแผ่นดินก็สู้ตายล่ะ”
ร่างบางของสตรีในชุดสีแดงสดลุกขึ้นจากเตียงบรรทมอย่างเกียจคร้าน มีนางกำนัลหลายคนคอยปรนนิบัติอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ฝ่าบาท เหล่าขุนนางมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
นางกำนัลน้อยกราบทูล
“พวกเขาได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด”
จ้าวหลินอ้ายเอ่ยปากพูดน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้นางอยู่ในร่างของสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับนางในชาติที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่สตรีร่างนี้มีอายุสามสิบสามปีเท่านั้น
สามสิบสามปีแต่ยังไม่มีพระสวามีเป็นตัวเป็นตน ขนาดนายสนมในวังก็ไม่มีสักคน
นี่จักรพรรดินีจ้าวหลินอ้ายคนก่อนใจแข็งอยู่เป็นโสดท่ามกลางบรรดาบุรุษรูปงามได้อย่างไรกัน
“น่าจะเร่งให้ฝ่าบาทรับสนมเข้าวังเพคะ”
“อ่อ”
จ้าวหลินอ้ายพยักหน้า มุมปากยกขึ้นแสดงถึงความพึงพอใจ
ได้เวลาเปลี่ยนแปลงวังหลังแล้วสินะ
........
ตำหนักเวินไท่
จ้าวหลินอ้ายยกเท้าย่างกรายเข้ามาในตำหนักอย่างเชื่องช้า บรรดาขุนนางที่รออยู่ในท้องพระโรงต่างประสานมือแล้วน้อมตัวลงรับเสด็จ
“ขอองค์จักรพรรดินีทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
สตรีได้ฟังก็เดินเชิดหน้าเดินตรงไม่เหลียวมองผู้ใด เมื่อถึงบัลลังก์มังกรนางปรายสายตามองบรรดาผู้ที่มาเข้าเฝ้า
“พวกเจ้าพากันมาเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอะไรกัน ถึงกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”
“ฝ่าบาท พระองค์ควรมีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ได้แล้วพะย่ะค่ะ”
ซุนกั๋วกงรีบกราบทูลทันที
“จากที่ข้าตรวจดูการเคลื่อนที่ของดวงดาว ฝ่าบาทควรมีพระโอรสพระธิดาเร็วๆ พะยะค่ะ”
ราชครูเฉินกล่าวต่อจากซุนกั๋วกง
“หมายความว่า หากข้ามีบุตรช้ากว่านี้อาจจะมีบุตรยาก หรือไม่ก็จะมีความเสี่ยงเยอะสินะ”
จ้าวหลินอ้ายเผยอริมฝีปากอวบอิ่มพูดเสียงไม่ดังมากนัก
ขุนนางแต่ละคนต่างลอบสบตากันไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่จักรพรรดินีของตนพูดเท่าใดนัก
“ราชครูเฉิน ข้าพูดถูกหรือไม่”
สตรีเรียกผู้ที่เพิ่งกล่าวจบพลางมองสำรวจเขา
บุรุษรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาดอกท้อชวนหลงใหล รูปร่างภายใต้อาภรณ์ก็คงจะกำยำสมส่วน ไม่เลวเลยจริงๆ
ราชครูเฉินหรือเฉินซีหมิงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่จ้าวหลินอ้ายพูดแต่ก็พอจับประเด็นในสิ่งที่นางจะสื่อความได้
“กระหม่อมพูดตามการเคลื่อนที่ของดวงดาวพะย่ะค่ะ แต่หากดูจากพระชันษาของพระองค์ ก็นับว่าเหมาะสมแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าอายุเท่าใด แต่งฮูหยินเข้าจวนหรือยัง”
จ้าวอ้ายหลินถามทันทีหลังจากเขาพูดจบ
“เอ่อ กระหม่อมปีนี้อายุสามสิบสอง ยังไม่ได้แต่งงานพะย่ะค่ะ”
เฉินซีหมิงตอบ ใจพลางนึกว่าจะถูกจักรพรรดินีตำหนิที่ตัวเขาเองก็อายุไล่เลี่ยกับนาง แต่ก็ยังไม่แต่งงานเช่นกัน
เป็นขุนนางโสดแต่กลับยุยงองค์จักรพรรดิให้รับนายสนม ช่างดูย้อนแย้งกันนัก
“อ่อ”
ริมฝีปากอวบอิ่มกล่าว สายตาของสตรีมองขุนนางในโถงของตำหนักเวินไท่ทีละคน
“เช่นนั้น คืนนี้ราชครูเฉินก็มาปรนนิบัติข้าละกัน”
สิ้นเสียงของนาง ขุนนางหลายคนต่างตกใจแต่ก็ล้วนปิดปากเงียบสนิท หากจักรพรรดินีจะรับราชครูเฉินเข้าวังหลังพวกเขาก็ไม่คัดค้าน เพียงแต่คิดว่าหากจักรพรรดินีจะคัดเลือกนายสนมเข้าวัง พวกเขาจะส่งบรรดาลูกหลานของตนเข้าร่วมคัดเลือกด้วยก็เท่านั้น
ส่วนเฉินซีหมิงเงยหน้ามองสตรีบนบัลลังก์มังกร เห็นใบหน้างามล่มเมืองเขาก็กลืนคำพูดที่อยากพูดลงคอจนหมด
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”
........
ตำหนักเยว่กวง
“เสด็จพี่เพคะ”
สตรีอายุประมาณยี่สิบเอ็ดปีวิ่งเข้ามาในตำหนักอย่างรีบร้อน
จ้าวหลินอ้ายชำเลืองสายตามองอย่างไม่ใส่ใจกิริยาของนางนัก
“เจ้ามีอะไร”
“เสด็จพี่จะให้ราชครูเฉินปรนนิบัติคืนนี้หรือเพคะ”
จ้าวม่านอวิ๋น หรือองค์หญิงสามพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ทำไมล่ะ”
“ก็หม่อมฉันได้ข่าวมาว่า”
จ้าวม่านอวิ๋นเขยิบกายเข้าไปใกล้สตรีที่นั่งเอนกายบนเก้าอี้กุ้ยเฟย มือเรียวยกขึ้นมาป้องปากแล้วทำเสียงกระซิบกระซาบราวกับกลัวถูกแอบฟัง
“ว่าราชครูเฉิน เฉินซีหมิงกับรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิว หลิวกวนเป็นคู่บุรุษตัดแขนเสื้อน่ะสิเพคะ”
“งั้นหรือ แล้วรองผู้บัญชาการหลิวหน้าตาหล่อเหลาหรือไม่”
จ้าวหลินอ้ายถามน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็” จ้าวม่านอวิ๋นขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิด
“เป็นบุรุษรูปร่างกำยำ ใบหน้าคมเข้ม รูปงามตามแบบผู้ฝึกยุทธ”
“เจ้าชอบเขาหรือไม่”
จ้าวหลินอ้ายมองน้องสาวของตน
จ้าวม่านอวิ๋นรีบส่ายศีรษะทันใด
“ไม่เพคะ เขาอายุแก่กว่าหม่อมฉันหลายปี ไม่ใช่ตามแบบที่หม่อมฉันชอบ”
จ้าวหลินอ้ายได้ฟังก็หัวเราะ มือเรียวยกขึ้นมาลูบผมน้องสาวตน
“หากเจ้าชอบพอบุรุษผู้ใดก็บอกข้า ข้าจะให้เขาเป็นของเจ้าให้จงได้”
จ้าวม่านอวิ๋นส่ายหน้าอีกครั้ง
“ข้ายังไม่สนใจเรื่องของบุรุษเพคะ เสด็จพี่ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้ของหม่อมฉัน หม่อมฉันไปแล้วดีกว่า”
พูดจบสตรีก็รีบทูลลาแล้ววิ่งออกนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว
“อายุอย่างเจ้าในยุคนี้ก็ควรออกเรือนมีลูกได้แล้ว”
จ้าวหลินอ้ายมองตามหลังนางแล้วเอ่ยเบาๆ
ตำหนักฮัวซาน ภูเขาฮัวซาน เมืองต้าซาน จ้าวหลินอ้ายนั่งอยู่บนจุดชมวิวที่สูงที่สุด จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองต้าซาน ทั้งยังสามารถมองเห็นเมืองอื่นที่อยู่ไกลๆ ได้อีกหลายเมือง “ฝ่าบาทไม่เข้าไปพักผ่อนในตำหนักหรือพะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงเดินถือถาดใส่ผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างกายนาง “อากาศดีเช่นนี้จะไปอุดอู้อยู่ในตำหนักทำไม”จ้าวหลินอ้ายกวักมือให้บุรุษลงนั่งข้างกาย เฉินซีหมิงไม่รอช้า หย่อนกายลงบนเก้าอี้ มือหนาหยิบอิงเถาป้อนใส่ปากนางทันที “ที่ด้านหลังของตำหนักมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่นะพะย่ะค่ะ นอกจากอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นกำลังพอเหมาะดีต่อสุขภาพแล้ว ทิวทัศน์ตรงนั้นก็ยังสวยงามไม่แพ้ที่ตรงนี้” ดวงตาหวานของสตรีมองชายหนุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มยั่วยวน “เจ้าคิดว่า เหมาะกับการทำภารกิจนอกสถานที่หรือไม่” เฉินซีหมิงตาโตประหลาดใจกับคำพูดของสตรีตรงหน้า ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ “ดีสิพะย่ะค่ะ คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง การทำภารกิจนอกสถานที่จะทำให้ฝ่าบาทได้รับพลังหยินจากพระจันทร์และพลังหยางจ
ปัก ปัก ปักเสียงที่น่าอายดังเป็นจังหวะต่อเนื่องสักพัก จากนั้นก็เร็วขึ้นเป็น ‘ปักปักปักปัก’ รัวๆ จนบุรุษสตรีบนเตียงต่างส่งเสียงครางอย่างไม่อายไม่นานนักร่างบางก็เกร็งกระตุกพร้อมกับร่างหนาที่ขยับสะโพกเข้าร่องรักจนสุด ปลายแท่งหยกฉีดพ่นน้ำสีขาวขุ่นจนเต็มร่องหวานใบหน้างามของจ้าวหลินอ้ายมองใบหน้าสุขสมของชายหนุ่ม รวมถึงอาวุธคู่กายที่ออกจากกลางกายตนก็ใจสั่นจนควบคุมไม่อยู่‘เสร็จพร้อมกันคือแบบนี้สินะ’นางแกล้งล้มตัวนอนรอดูท่าทีของเฉินซีหมิง“เหนื่อยแล้วหรือพะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงล้มลงนอนข้างกายสตรี มือหนาลูบผมของนางอย่างแผ่วเบา“เหนื่อยแล้วอย่างไร ไม่เหนื่อยแล้วอย่างไร”สตรีพูดพลางอมยิ้มไม่ให้บุรุษสังเกตเห็น“ฝ่าบาทนี่นะ”เฉินซีหมิงทำหน้าหมั่นเขี้ยว เขาขยับกายแกร่งให้อยู่บนร่างอวบอัด ริมฝีปากก้มลงหยอกเย้าหน้าอกทั้งสองข้างอีกครั้ง“พรุ่งนี้พระองค์อาจจะเสด็จออกท้องพระโรงไม่ไหว”เขาหยุดพูดสักพักก่อนจะเริ่มปรนเปรอนางอีกครั้ง“หากพรุ่งนี้ข้าออกท้องพระโรงเป็นปกติแสดงว่าคืนนี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกขุนนางคงหาว่าเจ้าไม่ได้เรื่อง”“ได้ กระหม่อมจะทำให้เต็มที่พะย่ะค่ะ”เฉินซีหมิงจับขาขาวพาดไหล่ของตน แล้วข
เมื่อถึงยามค่ำคืน ราชครูเฉินหรือเฉินซีหมิงก็มาถึงตำหนักเยว่กวง ดูจากใบหน้าของเขาก็รู้ว่ามีความประหม่าและวิตกกังวลแอบซ่อนอยู่“ฝ่าบาท ราชครูเฉินมาแล้วเพคะ”“ให้เขาเข้ามา”จ้าวหลินอ้ายกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน เมื่อหางตาเห็นบุรุษรูปงามร่างสูงเข้ามานางก็เดินนำเข้าไปยังห้องสรงน้ำ“เจ้าต้องเนื้อตัวสะอาดก่อนที่จะปรนนิบัติข้า”นางกล่าวกับบุรุษ แขนเรียวกางออกทั้งสองข้าง นางกำนัลเข้ามาปลดอาภรณ์ของนางออกด้วยความรวดเร็วเฉินซีหมิงรีบหลุบตามองต่ำ เขาไม่กล้ามองเรือนร่างของจักรพรรดินีตนจ้าวหลินอ้ายสังเกตเห็นท่าทางของเขาก็อมยิ้มชอบใจ‘อ่อนประสบการณ์สินะ ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่เคยเช่นกัน ชาติก่อนโสด ชาตินี้ก็ต้องลองสักหน่อย’“เจ้าไม่ลงสระพร้อมกับข้าล่ะ”นางถามชายหนุ่มที่ยังคงยืนประหม่าอยู่ริมสระหลังจากที่กล่าวจบ เหล่านางกำนัลก็เข้าล้อมรอบเฉินซีหมิง มือหลายคู่จับเข้าที่เสื้อผ้าของเขาชิ้นต่างๆ ไม่นานนักเสื้อผ้าทุกชิ้นก็หลุดออกจากกายอย่างรวดเร็วบุรุษใบหูแดงก่ำ เกิดมาเพิ่งเคยถูกสตรีถอดเสื้อผ้า เขารีบลงสระโดยไม่รอให้จ้าวหลินอ้ายเรียกอีกครั้งจ้าวหลินอ้ายโบกมือส่งสัญญาณให้นางกำนัล นางกำนัลต่างพากันดับไฟจนเหลือแสงส
“ฉันชื่อจ้าวหลินอ้าย เป็นสาวโสดวัยสามสิบหกปี ขณะที่กำลังจะข้ามถนนกลับบ้านก็ถูกรถยนต์ฝ่าสัญญาณไฟเข้ามาชนอย่างรุนแรง รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในอีกยุคสมัย ไม่รู้ว่าเป็นยุคโบราณหรือโลกใบใหม่มิติใหม่กันแน่แต่ที่รู้ก็คือชีวิตใหม่นี้ช่างทำให้ฉันมีความสุขเสียจริง นอกจากจะได้มาเป็นจักรพรรดินีผู้ปกครองแผ่นดินแล้ว บรรดาขุนนางข้าราชการที่รายล้อมล้วนหน้าตาดีเป็นอาหารแก่สายตาแทบจะตลอดเวลาถึงจะต้องว่าราชการบริหารแผ่นดินก็สู้ตายล่ะ”ร่างบางของสตรีในชุดสีแดงสดลุกขึ้นจากเตียงบรรทมอย่างเกียจคร้าน มีนางกำนัลหลายคนคอยปรนนิบัติอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ฝ่าบาท เหล่าขุนนางมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”นางกำนัลน้อยกราบทูล“พวกเขาได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด”จ้าวหลินอ้ายเอ่ยปากพูดน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนี้นางอยู่ในร่างของสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับนางในชาติที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่สตรีร่างนี้มีอายุสามสิบสามปีเท่านั้นสามสิบสามปีแต่ยังไม่มีพระสวามีเป็นตัวเป็นตน ขนาดนายสนมในวังก็ไม่มีสักคนนี่จักรพรรดินีจ้าวหลินอ้ายคนก่อนใจแข็งอยู่เป็นโสดท่ามกลางบรรดาบุรุษรูปงามได้อย่างไรกัน “น่าจะเร่งให้ฝ่าบาทรับสนมเข้าวังเพคะ”“อ่อ
ความคิดเห็น