ค้นหา
ห้องสมุด
หน้าหลัก / LGBTQ+ / มาเฟียกับเมียรับจ้าง (Mpreg) / บทที่ 7 เป็นของเล่นก็พอได้

บทที่ 7 เป็นของเล่นก็พอได้

ผู้เขียน: อักษรปรุงรัก
2025-01-14 01:00:36

บทที่ 7

เป็นของเล่นก็พอได้

            ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย

            ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะหลงทาง

            “ขอบคุณนะครับพี่”

            “ยินดีค่ะ”

            พนักงานสาวสวยยิ้มก่อนผมจะเดินฝ่าผู้คนเข้าไปหาเจ้าของรีสอร์ต ซึ่งตอนนี้กำลังโปรยยิ้มรับของขวัญและช่อดอกไม้จากแขกเหรื่อในงานวันนี้

            “สวัสดีครับคุณป้าปัญจรีย์”

            “สวัสดีจ้ะ ใช่หนูบิวหรือเปล่า”

            “ใช่ครับ ไม่นึกว่าคุณป้าจะรู้จักผมด้วย นี่ครับคุณแม่ฝากมาร่วมแสดงความยินดีด้วย” ผมมอบช่อดอกไม้พร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างซึ่งคุณนายวิมลฝากมาด้วย

            “ขอบใจจ้ะ พี่วิแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่าจะส่งตัวแทนมา สะใภ้ใหญ่ของพี่วิตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะ”

            “เอ่อ...คุณแม่บอกมาว่าอย่างนั้นเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” ท่านยิ้มอย่างเอ็นดู

 “ก็ตามนั่นล่ะครับ” ผมต้องยิ้มรับอย่างเสียมิได้ คุณนายวิมลบอกว่าเป็นแค่ตัวแทน ไม่ได้บอกว่ามาในฐานะสะใภ้สักหน่อย แกงผมรอบที่ล้านแล้วเนี่ย

            “แล้วนี่ตานาธานไปไหนล่ะ”

            “เอ่อ...พี่นาธานไม่ได้มาด้วยครับ คุณแม่ให้ผมมาคนเดียว”

            “ไม่ใช่นะ พี่วิบอกว่ามากันคนละรอบแต่น่าจะถึงไล่เลี่ยกัน ป้าก็นึกว่าจะรอมาพร้อมกันซะอีก ที่พักก็จัดให้ที่เดียวกันนะ”

            “หา! ว่าไงนะครับ ทำไมคุณแม่ไม่ได้บอกผมเรื่องนี้เลย” ใบหน้าผมเจื่อนลงทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณนายวิมลกำลังคิดวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ผมคิดอยู่แล้วว่าทำไมทุกอย่างมันง่ายดายขนาดนี้ ง่ายจนคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นอย่างนี้

            “อ้าว! นั่นไงตานาธาน”

            คุณป้าปัญจรีย์ส่งเสียงข้ามหัวผมไป จึงต้องมองตามไปเช่นกัน เห็นเขาคนนั้นเดินมาในชุดไปรเวทสุภาพไม่เป็นทางการมากจนเกินไป ความสง่าผ่าเผยของเขาทำให้ผู้หญิงทุกคนในงานมองตาเป็นมัน อยากจะได้เป็นเจ้าของใจแทบขาด ยกเว้นก็แต่ผมเท่านั้นที่ไม่อยากจะเข้าใกล้

            “สวัสดีครับป้ารี”

            “สวัสดีจ้ะหลานรัก มาให้ป้ากอดหน่อย”

            เขาเดินเข้ามาสวมกอดป้าในขณะที่ผมยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ข้าง ๆ เขายังไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ด้วยกระมังจึงไม่ได้ทักทายอะไรเลย

            “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณแม่วานให้ผมมาเป็นตัวแทน”

            “ขอบใจจ้ะ แล้วทำไมถึงได้มาคนละรอบล่ะ ป้านึกว่ามาจะมาพร้อมกันซะอีก”

            “มากับใครครับ?”

            เขาทำหน้าฉงนเมื่อได้ยินอย่างนั้น มั่นใจทันทีว่าคุณนาธานเองก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าผมจะมาด้วย ทุกอย่างมันคือแผนการของคุณนายวิมลล้วน ๆ คนแก่อะไรจะมีความคิดลึกลับซับซ้อน จอมวางแผนอย่างนี้

            “อ้าว! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

            เขาชี้หน้าพลางเบิกตาโต ผมจึงแสร้งทำเป็นยิ้มให้ เขาไม่พูดอะไรต่อแต่หันไปสนทนากับคุณป้าปัญจรีย์ไม่กี่ประโยคก็ลากตัวผมออกมาจากงาน เมื่อปลอดผู้คนแล้วก็ปล่อยแขนผมแล้วยืนกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง

            “เธอกับคุณแม่กำลังเล่นอะไรกันแน่”

            “เปล่านะครับ ไม่ได้เล่นอะไร คุณแม่วานให้ผมมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณป้าปัญจรีย์ผมก็มา”

            “ไม่จริง! แล้วทำไมคุณแม่ต้องสั่งให้ฉันมาเร่งด่วนขนาดนี้ แถมยังจัดแจงตั๋วเครื่องบินอะไรไว้เสร็จสรรพ มาถึงก็มาเจอเธอที่นี่ จะให้ฉันคิดยังไงกันล่ะ อ้อ! ก็ว่าอยู่ทำไมห้องพักถึงมีกระเป๋าวางอยู่ก่อนแล้ว นั่นมันของเธอแน่ ๆ”

            “ผมไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเลยนะ คุณแม่เป็นคนวางแผนเองคนเดียว!”

            “คุณแม่นะคุณแม่! คิดจะทำอะไรกันแน่”

            “ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ เราต่างคนต่างไป ไม่ต้องมาสนใจอะไรกัน ผมเองก็อยากจะมาเที่ยวผ่อนคลายสมองบ้าง คุณก็ไปตามทางของคุณ พอถึงเวลาก็กลับใครกลับมันแค่นั้นก็จบ”

            “โอเคตามนี้”

            หลังจากนั้นเราต่างก็แยกย้ายกันไป โชคดีที่วันนี้เขาไม่ดื้อไม่เอาแต่ใจ ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เดินเที่ยวชมภายในรีสอร์ตจนเหนื่อยแล้วก็กลับมาที่ห้องพัก พบว่าห้องถูกรื้อค้น ข้าวของกระจุยกระจาย ที่สำคัญกระเป๋าสตางค์ของผมหายไป ผมเองก็ชะล่าใจไม่ได้กลับมาเอาเมื่อตอนที่นึกขึ้นได้ว่าลืมไว้ที่ห้อง เพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้อะไร

            “เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมซวยอย่างนี้นะ”

            กำลังยืนทำหน้าเซ็งอยู่ก็มีใครบางคนเดินเข้ามา คุณนาธานมองดูสภาพภายในห้องก็ทำหน้าสงสัย

            “นี่เธอโกรธเกลียดอะไรฉันถึงได้ทำลายข้าวของอย่างนี้ อารมณ์ร้อนเหมือนกันนะเรา”

            “จะบ้าเหรอ! ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ดูไม่ออกหรือไงว่าห้องถูกรื้อค้น มีขโมยเข้ามา”

            “อ้าวเหรอ! มันเอาอะไรไปบ้างล่ะ”

            “กระเป๋าสตางค์ผมน่ะสิ แล้วจะทำยังไงต่อทีนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไปเที่ยวแถวนี้ให้หนำใจ เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว” กำลังทำหน้าเศร้าอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเงินตัวทองของผมอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา เงยขึ้นพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปมองหน้าเขา

            “มองอะไร? เธอเป็นบ้าหรือเปล่า”

            “ผมขอยืมเงินหน่อยสิ กลับไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้”

            “ฉันไม่ให้!”

            “ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนี้ ผมเป็นลูกจ้างคุณนะ ไม่สงสารเด็กตาดำ ๆ อย่างผมบ้างเหรอ”

            “ไม่สงสารเลยสักนิด ฉันไปล่ะกะว่าจะขับรถเที่ยวแถวนี้ให้เต็มเหนี่ยว”

            เขาเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินออกไปจากตรงนั้น ผมไม่มีทางยอมอดตายอยู่ที่นี่แน่ ถึงอย่างไรก็จะต้องทำให้เขายอมให้ได้ เดินตามไปกอดเอวไว้อย่างแนบแน่น แสร้งร้องไห้ร้องห่มเสียงดังเพื่อให้คนแถวนั้นสนใจพวกเรา ให้ทุกคนรู้ว่าผมกำลังถูกเขาทำร้ายจิตใจ

            “ฮือ ๆ พี่นาธานครับ ทำไมถึงทำกับผมอย่างนี้”

            “ปล่อยนะ เธอเป็นบ้าอะไร!”

            “เอาเงินมาให้ผมถึงจะปล่อย” ผมส่งเสียงให้เบาที่สุดเพื่อต่อรอง

            “นอนกับฉันสิถึงจะให้” เขายกยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ เห็นอย่างนั้นก็รีบปล่อยตัวเขาทันที ราวกับขยะแขยงเต็มทน

            “ไม่เอาแล้วก็ได้ คุณไปนอนที่อื่นเลยผมจะนอนที่นี่คนเดียว ไม่มีคุณผมคงไม่อดตายหรอก”

            ทำหน้ายักษ์ให้แล้วก็สะบัดตูดเดินกลับมาที่ห้องพัก ขนข้าวของของเขาโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตู เห็นอย่างนั้นเขาก็ทำหน้าโมโหยกใหญ่เดินเข้ามาชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

            “เธอจะทำบ้าอะไร!”

            “คนมันเข้าตาจนทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ”

            ตะโกนแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา เข้ามาแล้วก็เกิดความเอะใจว่าทำไมไม่มีร่องรอยของการงัดแงะ เดินไปที่ประตูหลังก็ไม่มีเช่นกัน แล้วโจรมันเข้ามาได้อย่างไร หรือว่ามีวิชาล่องหน แล้วคืนนี้ผมจะเอายังไงดี หากจะแจ้งเปลี่ยนห้องก็เกรงใจไม่อยากให้ถูกมองว่าเรื่องมาก อีกอย่างกลัวว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตระหนกไปด้วย

            ผมตัดสินใจนอนที่เดิม ไม่แจ้งให้ใครรู้ว่าห้องถูกรื้อค้น มั่นใจว่าประตูหน้าต่างทุกบานถูกล็อกเอาไว้จึงกลับเข้ามานอนได้อย่างสบายใจ อีกอย่างเมื่อส่องหน้าต่างไปก็พบว่ามียามเดินตรวจตราเป็นช่วง ๆ ทำให้อุ่นใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง หันขวับไปมองที่ประตูอย่างไว รีบย่องลงจากเตียงแล้วมองหาสิ่งของที่พอจะป้องกันตัวได้ เห็นร่มคันหนึ่งจึงคว้ามันมายืนแอบอยู่หน้าประตู ส่องไปที่ตาแมวกลับไม่พบว่ามีใคร

            “ใครน่ะ!”

            “...”

            “ถามว่าใคร ถ้าไม่ตอบฉันจะแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”

            “โอ๊ย!!! ช่วยด้วย”

            เสียงนั้นผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคุณนาธาน เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ ทำไมร้องโอดโอยเสียงดังอย่างนั้น ผมวางร่มลงแล้วเปิดประตูอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง ภาพตรงหน้าเขานั่งจับที่ขาของตัวเองเอาไว้

            “คุณเป็นอะไร!”

            “งูกัด ช่วยเรียกรถพยาบาลที”

            “ได้ ๆ ผมจะรีบเรียกเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนจะเรียกต้องใช้เชือกรัดขาเอาไว้ก่อน”

            ด้วยความที่เคยทำงานเป็นจิตอาสาในหน่วยกู้ภัยจึงมีทักษะด้านนี้พอสมควร ผมวิ่งกลับเข้าไปหาเชือกในห้อง แต่ในห้องมันจะไปมีเชือกอะไรล่ะเพราะตอนมามันก็เป็นห้องเปล่า ผมจึงค้นในกระเป๋าตัวเองเพื่อหาสิ่งที่พอจะรัดได้ จนเจอกับกางเกงในจีสตริงตัวโปรดจึงตัดสินใจนำมันออกมา จัดการรัดเหนือรอยที่ถูกงูกัดเอาไว้อย่างแน่น

            “ไม่มีเชือกแล้วใช่ไหม” เขาทำหน้าเหมือนรังเกียจนักหนา

            “หรือจะให้เอาออก เอาไหมล่ะ”

“ฉันจะยอมทนเอาก็แล้วกัน”

“ลุกขึ้นไหวไหม”

            “ไหว”

            ผมช่วยพยุงตัวเขาเดินตามทางมาในขณะเดียวกันก็ค้นหาเบอร์กู้ภัย แต่ไม่ทันได้หาก็เจอกันลุงยาม จึงวานให้ช่วยโทรเรียกเพราะเขาน่าจะรู้จักคนที่นี่ดีกว่า ในระหว่างนั่งรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดผมก็ถามว่าเขามาทำอะไรตรงหน้าห้องจนต้องโดนงูกัด

            “สรุปว่าคุณคิดจะมาแกล้งผมสินะ เป็นไงล่ะให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เวรกรรมติดจรวดไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก”

            “เพราะใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องโกรธจัดถึงขนาดต้องมาเอาคืน”

            “คุณจะมาเอาคืนยังไง”

            ผมหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตีมึนตีเนียนอย่างนั้นรู้ถึงไส้ถึงพุงอยู่แล้วล่ะ คิดจะมาทำมิดีมิร้ายผมล่ะสิ

            Rrrrr….

            ในระหว่างนั้นมือถือของเขาก็ส่งเสียง เรามองตากันครู่หนึ่งก่อนเขาจะล้วงมันออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย

            “ครับซอนย่า”

            (นาธานอยู่ที่ไหนคะ)

            “ผมมาทำธุระให้คุณแม่ที่เชียงใหม่น่ะ”

            (อ้าว! ทำไมไม่บอกซอนย่าเลย ซอนย่าคิดถึงนาธานนะคะ อยากไปหาซะตอนนี้เลย)

            “เอาไว้เสร็จธุระผมจะไปหานะครับ ช่วงนี้มีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย อย่าว่าผมนะถ้าไม่มีเวลาไปหา”

            (ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ)

            “นอนเล่นในห้องน่ะ เป็นรีสอร์ตของญาติเพิ่งเปิดใหม่ คุณแม่เลยให้มาเป็นตัวแทนแสดงความยินดี”

            (ออค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ ซอนย่าต้องวางแล้ว แล้วอย่าให้รู้ว่าไปวอแวกับไอ้ขี้เหร่เมียปลอม ๆ ของคุณ ไม่งั้นซอนย่าเอาตาย)

            “ไม่แน่นอนคร้าบบ แบบนั้นผมไม่เอามาทำพันธุ์หรอก ผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะ”

            (ให้มันจริงเถอะ!! แค่นี้นะคะ)

            “ครับผม รักนะครับ”

            ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมานั่งทนฟังอะไรแบบนี้ ถลึงตามองเขาอย่างโกรธแค้นเป็นที่สุด เขารู้ตัวก็ยิ้มน้อย ๆ ทำหน้ามึนเหมือนเคย

            “คุณนี่มันหน้าตัวเมียชัด ๆ ผมอยู่ตรงหน้ายังพูดมาได้ ต่อให้เหลือคุณคนเดียวบนโลกผมก็ไม่เอาคุณทำพันธุ์เหมือนกันนั่นล่ะ”

            “แต่...เธอก็เสร็จฉันแล้วรอบนึงนะลืมไปแล้วเหรอ แต่ถ้าเอาเล่น ๆ ก็คงพอได้”

            เพี๊ยะ!

            ความอดทนของผมมันมีขีดจำกัด เผลอฟาดมือไปที่แก้มเขาอย่างเต็มเหนี่ยว ดวงตาคู่คมจ้องเขม็งมองมาอย่างเอาเรื่อง ในวินาทีนี้ผมก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

            “เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ! มันจะมากไปแล้วนะ”

            “ทำไมจะไม่กล้า คุณดูถูกผมก่อน คนของคุณก็เหมือนกัน ผมเอาคืนบ้างไม่เห็นเป็นไร”

            “ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร ลืมไปแล้วเหรอ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ตบผมคืนสิ เอาเลย ตบเลย” ผมเอียงแก้มไปให้เขาอย่างท้าทาย ถ้ากล้าตบก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว แต่ในใจก็แอบหวั่น ๆ เพราะมาเฟียได้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมเอาเรื่องอยู่นะ

            เขายื่นมือมาเกี่ยวต้นคอผมแล้วดึงเข้าไปประกบจูบอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ตั้งตัวไม่ทันจึงล้มทับบนตัวเขา พยายามดันตัวออกมาแต่เขาก็พยายามดันลิ้นเข้ามาเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองถูกงูกัด โลมเลียริมฝีปากเนิ่นนานจนผมเองก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม(เพราะแอบมีอารมณ์ร่วม) มันน่าอายเหลือเกิน แพ้ไม้นี้ของเขาจนได้

            “อี๋!!”

            เขายอมปล่อยให้เป็นอิสระ ผมแสร้งทำเป็นเอามือเช็ดริมฝีปากเหมือนรังเกียจนักหนา แต่ทว่ากลับกรุ้มกริ่มอิ่มเอมใจ ทำไมต้องรู้สึกเสียดายก็ไม่รู้

            “ข้อหาปากดีกับฉัน”

            “คุณมัน...บ้าที่สุด ผมไม่น่าช่วยคุณเลย”   

            ผมสะบัดหน้าหนี นั่งหันหลังให้เขาไปจนถึงโรงพยาบาล เนื่องจากไม่รู้ว่าถูกงูชนิดไหนกัด คุณหมอใช้วิธีสังเกตจากรอยเขี้ยวที่ฝังลงบนผิวหนัง สันนิษฐานว่าเป็นงูเห่าจึงฉีดเซรุ่มต้านพิษให้ ต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพื่อดูอาการ ผมตั้งใจจะโทรหาคุณนายวิมลเพื่อรายงานข่าวแต่เขาสั่งห้ามไว้เพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ

            ตอนนี้ผมจึงต้องมานั่งอยู่ในห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล แทนที่จะได้นอนเตียงนุ่ม ๆ ในรีสอร์ต

            “เธอกลับรีสอร์ตก็ได้นะ ดูจากสีหน้าเหมือนคนอยากจะตายซะอย่างนั้น” เขาพูดประชด น้ำเสียงดูออกว่ากำลังน้อยใจ

            “ผมก็อยากจะกลับอยู่หรอก แต่ต้องทำหน้าที่ให้มันจบ...ทำเพื่อคุณแม่”

            “อะไรก็เพื่อคุณแม่ ดูเหมือนว่าเธอกับคุณแม่จะเข้าขากันดีเหลือเกินนะ ทำเหมือนเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้จริง ๆ ซะอย่างนั้นล่ะ”

            “กับคุณมันก็แค่การเล่นละคร แต่กับคุณแม่มันคือเรื่องจริง ความรู้สึกรักและเคารพจริง ๆ ต่อให้ผมหมดสัญญากับคุณแล้วผมกับคุณแม่ก็เหมือนเดิม”

            “หรือว่า...เธออยากจะเป็นสะใภ้ของแม่ฉันจริง ๆ เอาไหมล่ะ” สายตาอันกรุ้มกริ่มนั้นดูออกว่าเขากำลังแกล้งยั่วโมโห

            แต่ขอโทษผมจะต้องมาเหนือเมฆ เอาชนะเขาให้ได้ ยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังเตียง โน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าเราใกล้กันมาก “แล้วสมมติว่าผมอยากจะเป็นจริง ๆ คุณจะว่ายังไง”

            เป่าลมเบา ๆ ไปที่ใบหู จ้องมองเขาด้วยสายตาอันหวานหยาดเยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณนาธานทำหน้าไม่ถูก เขาหลบสายตาผมมองไปทางอื่น แล้วเอ่ยว่า...

            “ขะ...ของเล่น...ก็พอได้นะ”

            “แหม...คุณทำจริงจังไปได้ ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น คุณนอนเถอะผมเองก็จะนอนพักผ่อนเหมือนกัน”

            ผมยิ้มเยาะแล้วห่มผ้าให้เขา สายตาคู่คมของคนป่วยลอบมองมายังใบหน้าของผม แต่ผมทำเป็นเมินมองไม่เห็น เสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม คว้าโทรศัพท์มือถือที่ตั้งกล้องไว้ขึ้นมาเปิดดูคลิป วิดีโอนี้จะเป็นอาวุธชิ้นเอกที่ทำให้ยัยซ่อนย่าดิ้นพล่าน เกิดอาการหึงหวงจนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สั่นคลอน เหลือไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วผมจะต้องทำให้ได้ หากทำสำเร็จก็จะได้เป็นอิสระเสียที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป