Share

ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด
ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด
Author: วิถีมารไร้ขอบเขต

บทที่ 1

Author: วิถีมารไร้ขอบเขต
“หนาวชะมัด!”

ผังเป่ยยืนอยู่ในป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทัศนียภาพเบื้องหน้าทำให้เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้

รอบข้างขาวโพลนไปทั้งผืน น้ำแข็งและหิมะปกคลุมเหนือแผ่นดินทุกหนึ่งตารางนิ้ว ราวกับอยู่ในโลกน้ำแข็งที่แต่งแต้มไปด้วยสีเงินและสีขาว

ทันทีที่เขาพ่นลมหายใจออกไปก็จะกลายเป็นควันสีขาวกลางอากาศ ลอยขึ้นช้า ๆ แล้วสลายหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าบางเบา เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มคิ้ว น้ำมูกจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งใต้จมูก

มองไปรอบ ๆ ทิศทาง นอกจากหิมะและลมหนาวแล้ว ก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก

ป่าเขาแห่งนี้ราวกับเป็นซอกหลืบที่ถูกลืม มันทั้งร้างผู้คน ทั้งไร้ความอบอุ่น มีเพียงความหนาวเหน็บและความโดดเดี่ยวไร้ที่สิ้นสุด

ถ้านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ๆ เขาต้องคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝันเป็นแน่

เพราะเมื่อวานนี้ เขายังเป็นสไนเปอร์มือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษพยัคฆ์ตงเป่ยแห่งปี 2024 อยู่เลย ตอนที่ได้รับคำสั่งให้โรยตัวลงกลางอากาศเพื่อตามจับอาชญากรคนหนึ่ง ดันเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียก่อน

พอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาก็หลุดจากปี 2024 มาโผล่อยู่ที่แถบตงเป่ยในปี 1958 เสียแล้ว!

ไม่เพียงแค่ที่ชื่อแซ่เปลี่ยนจากหลินเป่ยเป็นผังเป่ยเท่านั้น ฐานะก็เปลี่ยนจากทหารหน่วยรบพิเศษมาเป็นชาวเขาที่แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ยังไม่มีกิน!

แต่ความหนาวเหน็บและความหิวโหยไม่มีเวลาทำให้เขาตื่นตกใจ เจ้าของร่างเดิมก็หนาวตายอยู่ในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งผืนนี้แล้ว

สิ่งที่ผังเป่ยทำได้ในตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตแทนเจ้าของร่างเดิมต่อไป

......

จะว่าไปแล้วเจ้าของร่างเดิมก็นับว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง แม้จะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ก็ยอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ลังเลเพื่อมารดากับน้องสาว

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกชายคนที่สามของครอบครัว เขามีพี่ชายหนึ่งคน และพี่สาวอีกหนึ่งคน ว่ากันว่ามารดานั้นเป็นภรรยาคนที่สองที่ผู้เป็นบิดาใช้ข้าวโพดห้าสิบกิโลกรัมไปแลกมา

ส่วนภรรยาคนแรกนั้นก็ถูกบิดาทุบตีจนหนีไปแล้ว โดยทิ้งลูกชายกับลูกสาวเอาไว้

เจ้าของร่างเดิมกับผังซีผู้เป็นน้องสาว เป็นลูกแท้ ๆ ที่มารดาให้กำเนิด

ทว่าหลังจากที่ตบแต่งตัวมารดามาแล้ว บิดาของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด กลับดุร้ายกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

มารดาเป็นคนทำงานบ้านทุกอย่างในบ้าน รวมถึงงานบ้านในส่วนของปู่กับย่าด้วยเช่นกัน ช่วงที่หนาวเหน็บที่สุดของปี มือทั้งสองข้างของมารดานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากความเย็น ทุกครั้งที่หันไปเห็นล้วนมีแต่เลือดไหลซิบอยู่เสมอ

แต่ถึงเป็นแบบนั้น บิดาก็ยังคว้าเก้าอี้ขึ้นมาฟาดศีรษะมารดาจนหัวแตกเลือดอาบ เพียงเพราะมารดาทำอาหารให้ย่าช้าไป ด้วยเหตุนี้เจ้าของร่างเดิมจึงทะเลาะมีปากเสียงกับที่บ้าน เขาต้องการแยกครอบครัวออกมา ต้องการพามารดากับน้องสาวแยกตัวออกไปใช้ชีวิตเอง

เพราะถ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่รู้ว่ามารดาจะถูกทุบตีจนตายขึ้นมาเมื่อไร และไม่ช้าก็เร็วน้องสาวที่กินไม่อิ่มก็ต้องหิวตายแน่

......

อันที่จริงแล้วมารดาของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องแยกครอบครัว เพราะบิดาของมารดานั้นป่วยไข้ และกลัวว่าจะทำให้มารดาต้องมาเหน็ดเหนื่อยเพราะเขา บ้านมารดาจึงให้มารดาแต่งงานออกมา ถ้าเขารู้ว่ามารดาจะต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ เขาจะเจ็บปวดใจขนาดไหน? กลัวก็แต่ว่าอาการป่วยของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

ถ้าเขารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้เข้า จะต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อมาที่นี่ให้ได้แน่ แต่สุขภาพร่างกายของคนเฒ่าคนแก่นั้นจะให้เกิดโทสะขึ้นมาอีกไม่ได้ ถ้าเกิดมีโทสะขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้แน่!

แต่สามีของตนคิดจะลงมือทุบตีผังเป่ยที่เพิ่งฟื้นตัว มารดาถึงตระหนักได้ว่าหากยังไม่ไปจากที่นี่ ลูกสาวลูกชายของตัวเองจะต้องตายทั้งคู่แน่!

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองทุ่มเทกำลังทั้งหมดดูสักตั้ง ต่อให้ต้องตาย พวกเขาสามคนแม่ลูกก็ต้องตายพร้อมกัน!

ความจริงแล้ว ตอนที่มารดาออกมาจากที่นั่นได้แอบขโมยยาเบื่อหนูมาด้วยหนึ่งห่อ

เจ้าของร่างเดิมเห็นแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าในใจของมารดาคิดอะไรอยู่ และเขาเองก็ไม่ต่อว่ามารดาด้วย

......

“ต้องรีบหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว แถมยังต้องมาหนาวตายอีกต่างหาก!”

ผังเป่ยคิดอยู่ในใจ

พูดกันตามตรงแล้ว หลินเป่ยเกรงใจเจ้าของร่างเดิมมาก เพราะหากไม่ได้เจ้าของร่างเดิม ตอนนี้เขาก็ยังเป็นได้แค่ดวงวิญญาณไร้ญาติขาดมิตร ล่องไปลอยมาอยู่กลางแถบเขาฉางไป๋กับแม่น้ำเฮยหลงเจียงเท่านั้น

ดังนั้น ความคิดที่เจ้าของร่างเดิมต้องการดูแลคนในครอบครัวนั้น เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ

ถึงอย่างไรก็ยึดร่างกายของคนอื่นเขามาแล้วนี่! ก็ถือว่าตอบแทนที่เจ้าของร่างเดิมได้ช่วยเหลือเขาไว้แล้วกัน

ทว่าความคิดของเด็กอย่างเจ้าของร่างเดิมนั้นถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ความสามารถกลับไม่เอื้ออำนวย วิธีล่าสัตว์ของเขานี่นับเป็นการเฝ้าตอรอกระต่าย ไม่รู้จักพลิกแพลงเอาเสียเลย

แล้วลองดู กับดักนี้ที่เขาวางไว้ก็ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย อีกทั้งกลไกที่วางไว้ก็ชัดเจนเกินไป ตำแหน่งก็ไม่ถูกต้อง กระต่ายที่ไหนจะติดกับเล่า?

ในมือของผังเป่ยตอนนี้มีแค่เชือกป่านเส้นหนึ่งที่เอว มีดพกหนึ่งเล่ม แล้วก็กับดักตรงหน้านี้

ถ้าคนทั่วไปคิดจะใช้ของพวกนี้มาล่าสัตว์ แบบนั้นก็เหมือนกับคนบ้าที่กำลังละเมอเพ้อพกนั่นละ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะนั่งรอให้กระต่ายมาติดกับได้หรือเปล่าเลย

มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงเท่านี้ก็กล้าบุกป่าขึ้นเขาแล้ว นี่เขาจะเห็นเรื่องป่าเขาเป็นเรื่องเล่น ๆ เกินไปแล้ว

บนเขาลูกนี้ไม่ได้มีแค่กระต่าย ยังมีสัตว์ร้ายนานาพันธุ์อยู่ด้วย

อีกอย่าง ไอ้วิธีการรอกระต่ายแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการเอาชีวิตมาเดิมพัน เห็นชัด ๆ ว่าชะตาชีวิตของเขาไม่ดี ไม่มีทางชนะเดิมพันแน่

ผังเป่ยแกะรื้อกับดักหยาบ ๆ ที่เจ้าของร่างเดิมทำไว้ออก จากนั้นเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เตรียมย้ายสถานที่

เมื่อรื้อกับดัก ผังเป่ยถึงได้รู้ว่าอันที่จริงกับดักชิ้นนี้พังแล้ว เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีฝีมืออย่างพวกมืออาชีพมากนัก ของแบบนี้ต่อให้มีกระต่ายทะเล่อทะล่าเข้ามาจริงก็ไม่มีทางจับได้สำเร็จ ระดับความสูงวางไว้ไม่ถูกต้อง กระต่ายก็กระโดดออกไปได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นเขาจึงเดินวนเวียนอยู่ในป่าอีกสักพัก จากนั้นก็เจอเข้ากับกิ่งไม้พอใช้ได้กิ่งหนึ่ง แล้วจึงวางกับดักใหม่อีกครั้ง

กับดักนี้ หลัก ๆ ก็คืออาศัยหลักการผูกเชือกแบบเงื่อนกระตุกทั่วไป ใช้แรงดีดของกิ่งไม้ รับรองเลยว่าแค่กระต่ายสัมผัสถูกกับดัก เชือกก็จะรัดคอแน่น ทำให้กระต่ายขาดอากาศหายใจ ยิ่งกระต่ายดีดดิ้น เชือกก็จะยิ่งรัดแน่น

โครงสร้างสำคัญของกับดักนี้ก็คือท่อกลวง จากนั้นก็ใช้มีกรีดด้านล่างของรากไม้สดที่มีความยืดหยุ่นให้เป็นช่อง

สุดท้ายก็ค่อยใช้กิ่งไม้อีกกิ่งสอดแหวกเข้าไปตรงกลางให้แยกออกส่วนหนึ่ง แล้วสอดกิ่งไม้บาง ๆ เข้าไปในรูเล็ก ๆ ของท่อกลวง อีกด้านหนึ่งก็ใช้ท่อนไม้เล็ก ๆ ที่ผ่าครึ่งออกมาหนีบไว้

ความสูงก็สำคัญ ต้องตั้งไว้ให้สูงพอที่กระต่ายจะพุ่งไปได้ แต่ในความจริงแล้วหลังของกระต่ายจะต้องชนเข้ากับกับราวไม้

ทันทีที่ราวไม้ถูกชนล้ม กิ่งไม้ก็จะดีดตัวทันที ถึงตอนนั้นกับดักล่ากระต่ายจะยกตัวขึ้น รัดคอกระต่ายไว้

กระต่ายที่ขวัญหนีดีฝ่อจะดิ้นรนสุดชีวิต แต่ทำแบบนั้นแล้ว ก็จะทำให้ตัวเองถูกรัดตายทั้งเป็น

แผนการนี้เรียบง่ายมาก แต่การจะทำให้สำเร็จนั้นกลับไม่ง่าย จะหากระต่ายสักตัวในฤดูหนาวนั้นยาก เพราะอาหารน้อย ถ้ากระต่ายคิดจะออกมาหาอาหาร ก็ยังต้องเจอเข้ากับการล่าของสัตว์ป่าดุร้ายที่หิวโหยพวกนั้น

ดังนั้นพวกมันจึงเจ้าเล่ห์มาก จะต้องปกปิดการเคลื่อนไหวให้ได้มิดชิดมากที่สุด

ทว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่ยากเกินมือของเขาที่เคยเป็นถึงทหารหน่วยรบพิเศษมือพระกาฬหรอก ในป่าเขา จมูกของเขาใช้การได้ดีเสียยิ่งกว่าสุนัขล่าเนื้อ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกระต่ายก็เป็นรูปแบบที่คาดเดาได้

หลังจากที่ผังเป่ยคลายกับดักออก ก็เตรียมเสาะหาสถานที่ใหม่

ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังขึ้นในป่าเขา “พี่! พี่?!”

ผังเป่ยชะงักงัน พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นเงาร่างเล็ก ๆ เงาหนึ่งวิ่งมาทางเขา ใบหน้ารูปไข่ดวงเล็ก ๆ นั่นแดงเรื่อเพราะความหนาว ศีรษะเล็ก ๆ นั่นคลุมไว้ด้วยผ้าพันคอผืนใหญ่ แม้ว่ากองหิมะจะท่วมถึงเอวเธอ แต่ร่างเล็ก ๆ นั่นก็ยังคงชูห่อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ไว้ใบหนึ่ง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก

คนคนนั้นก็คือผังซี น้องสาวของเขา!

เธอที่มีอายุได้เพียงสี่ขวบ จะหนาวตายอยู่กลางป่าเขาแห่งนี้เอาได้ง่าย ๆ

พอผังเป่ยเห็นเข้าก็รีบวิ่งไปหาทันที จนเกล็ดหิมะบนพื้นลอยกระจุยกระจาย เพราะหิมะทับถมกันหนาเกินไป ผังเป่ยจึงเดินลำบาก ตอนที่พุ่งออกไป เขาถึงขั้นล้มลุกคลุกคลานไปถึงเบื้องหน้าของน้องสาว

พอเห็นผังซี ผังเป่ยก็อดต่อว่าไม่ได้ “เธอออกมาได้ยังไง? แม่ล่ะ? แม่ปล่อยให้เธอออกมาเหรอ?”

ผังซีกะพริบดวงตาดำขลับคู่โต เธอยกกล่องไว้เหนือศีรษะ “พี่ เอาข้าวมาให้”

ผังเป่ยชะงัก เขามองไปที่กล่อง

จากนั้นก็รวบตัวผังซีขึ้นมากอด ผังซียัดกล่องใส่อ้อมแขนของผังเป่ย “ลุงใหญ่ให้มา แม่เสียดายไม่กล้ากิน หนูนึกได้ว่าพี่ออกมาแต่เช้าทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร ก็เลยเอามาให้พี่กิน”

ได้ยินเสียงเล็ก ๆ นี้แล้ว ในใจของผังเป่ยพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที

แม้ว่าจะยากจน แม้ว่าอยู่ที่นี่แล้วจะทุกข์ยาก แต่เขาที่เป็นลูกคนเดียวมาตลอด ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากพี่น้องมาก่อนเลยสักครั้ง

ทว่าครั้งนี้ เขาได้สัมผัสความรู้สึกนั้นแล้วจริง ๆ

และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผังเป่ยถึงยอมเสี่ยงตายออกมาล่าสัตว์ พอคิดถึงตรงนี้ ผังเป่ยก็แย้มยิ้มออกมา แม้ว่าตอนที่ยิ้มจะรู้สึกเจ็บเพราะแผลที่เกิดจากความหนาวเย็นบนหน้าก็ตาม

แต่เขาก็ยังอดทนต่อความเจ็บ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวเก็บเอาไว้ก่อน ไว้พี่จับกระต่ายมาได้ พวกเราเอาไปตุ๋นทำแกงเนื้อ ถึงตอนนั้นค่อยเอามากินด้วยกัน!”

เด็กน้อยปรบมือเปาะแปะ ดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? สุดยอดไปเลย! ได้กินเนื้อด้วย! หนูยังไม่เคยลองเลยว่าเนื้อมันรสชาติเป็นแบบไหน!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 35

    หลี่ว์ชิงซงตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเดรัจฉานนี้ซุ่มโจมตีเคยได้ยินจากพ่อของตัวเองมาตลอดว่าไอ้เจ้าหมาป่านี้มันดุร้ายและเจ้าเล่ห์นัก แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนแน่นอนว่าถ้าเขาเคยเห็นมาก่อน ก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้“ทำไงดี!” เสียงพูดของหลี่ว์ชิงซงสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็รีบชักกรวยน้ำแข็งออกมาในทันที ป้องกันไม่ให้หมาป่าที่จะปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ผังเป่ยกระซิบ "ตอนนี้พวกเราทำได้แค่หาทางถอยกลับไปที่กับดักตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางสู้มันได้!"หลี่ว์ชิงซงพยักหน้า มีกับดักช่วย พวกเขาสองคนก็ยังมีโอกาสรอดตาย ถ้าขืนสู้ไปทั้งอย่างนี้ โอกาสรอดก็เท่ากับศูนย์หลังจากหารือวิธีรับมือแล้ว ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปทางกับดักในทันทีแต่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปไม่ได้ จะให้ฝูงหมาป่ารู้ว่าพวกเขากลัวไม่ได้ดังนั้นต้องไปชิดทางนั้นอย่างระมัดระวังโชคดีที่กับดักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หลัก ๆ แล้วผังเป่ยกับหลี่ว์ชิงซงสองคนต้องระแวดระวังขณะถอยไปทางด้านนั้นด้วย แล้วก็ต้องหันหลังให้กัน เพราะกลัวว่าจะถูกลอบโจมตีถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่หลี่ว์ชิงซงก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบที่อยู่รอบตัวแล้วนอกจ

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 34

    หลังจากที่ได้พูดคุยกับตาอยู่พักหนึ่ง ผังเป่ยก็รู้สึกมั่นใจในการล่าสังหารฝูงหมาป่ามากขึ้นการตามล่าราชาหมาป่าก็เป็นศึกสำคัญสำหรับตัวเขาในการรักษาตำแหน่งผู้พิทักษ์ภูเขานี้!ดังนั้นเขาจะต้องชนะเท่านั้น จะแพ้ไม่ได้!แม้ว่ามารดาจะโดนดุอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วบ้านตาถือว่าใจดีกับพวกเขามากที่นี่ ผังเป่ยสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจากครอบครัว แล้วก็ความกลมเกลียวกันของทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะลุงใหญ่หรือยายต่างก็ใจดีกับผังเป่ยมาก แม้ว่าตาเข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่กว้างใหญ่ดุจขุนเขาที่ตามีให้ตั้งแต่ยุคโบราณ ลูกสาวกลับบ้านเดิมจะต้องไม่จากไปมือเปล่าคนแก่คนเฒ่ากลัวว่าลูกสาวจะหิวและหนาว จึงจะเตรียมเครื่องนอนและของใช้จำเป็นไว้ให้เมื่อเธอออกเดินทางผังเป่ยกลับบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบน้อยใหญ่ ในใจเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดูท่าการพาแม่กลับมาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว!หลังกลับถึงบ้าน ในตอนที่ผังเป่ยพลิกตัวเข้ามาในลานบ้าน ก็ได้เห็นเข้ากับผังซีที่กำลังเล่นกับสุนัขจิ้งจอกในลานบ้านอยู่พอดีจิ้งจอกนอนเตะขาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่บนพื้น และมือเล็ก ๆ ของผังซีก็กำลังลูบขนอันนุ่มนิ่

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 33

    ได้รับดาบมา ตอนนี้ผังเป่ยก็ถือว่ามีอาวุธมีพลังทำลายล้างแก่กล้าอยู่อย่างหนึ่งแล้วถึงแม้ดาบซามูไรจะไม่ได้เหมาะกับการล่าสัตว์ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า ก็ยังมีความสามารถพอที่จะใช้ตอบโต้ได้ผังเป่ยเก็บอาวุธเอาไว้ เขารู้ว่านี่ก็นับเป็นมรดกหลังจากเก็บอาวุธแล้ว หลี่ว์หย่วนจงก็มองไปที่ผังเป่ยและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไอ้หนู ได้ยินว่าแกอยากจะจัดการกับฝูงหมาป่าใช่ไหม?"ผังเป่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ "ใช่ครับ"“รับอันนี้ไป! เดิมทีเดิมนี่ฉันว่าจะเอามันใส่ลงโลงไปด้วย แต่แกคงได้ใช้มัน เพราะงั้นเอาไปเถอะ!”ขณะที่เขาพูดไป ตาก็ส่งสายตาให้ยาย ยายก็ไปเปิดตู้ใหญ่และหยิบชุดคลุมหนังหมีออกมาจากข้างในในทันที!โดยทั่วไปแล้ว พรานจะรวบรวมสิ่งของจำนวนหนึ่งที่ตนได้มาจากการล่าสัตว์ใหญ่ตลอดทั้งชีวิตมาเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวหรือหนังยายแย้มยิ้มพร้อมกางหนังหมีออก แล้วสวมให้ผังเป่ยเธอลูบแก้มของผังเป่ยด้วยความเอ็นดูแล้วพูด "เสี่ยวเป่ยใส่แล้วดูเข้ามากจริงๆ!"ในตอนนี้ตาก็ได้ถอดของสิ่งหนึ่งอย่างออกจากคอ แล้วพูด "ไอ้หนู มานี่สิ!"ผังเป่ยเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย และหลี่ว์หย่วนจงก็สวมสร้อยคอที

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 32

    สรุปแล้วตาเฒ่ากำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปตีอีกฝ่ายในภายภาคหน้าดังนั้นเขาจึงได้เงียบไปผังเป่ยก็พูดขึ้นมาจากด้านข้าง “เรื่องเงินผมจัดการได้ครับ ตาไม่ต้องกังวล”หลี่ว์หย่วนจงพินิจมองผังเป่ย แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “เด็กน้อยอย่างแกน่ะ ขนยังขึ้นไม่ครบเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับมีฝีมือความสามารถแล้ว ฉันเห็นแล้วว่าแกฆ่าหมาป่ากลับมา ทีแรกฉันนึกว่าทักษะแขนงนี้ของครอบครัวจะหมดสิ้นไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าแม้ลูกชายจะทำไม่ได้ แต่หลานชายกลับมารับช่วงต่อ เยี่ยมเลย!”พูดถึงตรงนี้ หลี่ว์หย่วนจงก็เอี้ยวตัวไปเปิดตู้ข้างเตียง และหยิบของจากข้างในออกมาหลายอย่าง สิ่งแรกคือหนังแกะผืนหนึ่งหลี่ว์หย่วนจงส่งหนังแกะให้ผังเป่ยแล้วพูดต่อ “ในเมื่อแกอยู่ในวงการนี้ งั้นก็ต้องรู้จักเส้นทางการกระจายตัวบนภูเขา ที่ไหนน่าจะมีอะไร แผนที่นี้ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายที่ฉันบากบั่นมาตลอดชีวิต ทีแรกฉันตั้งใจจะให้ลุงใหญ่ของแก แต่เขาไม่เอาไหน ไม่มีฝีมือในการล่าสัตว์ แต่แกมี สิ่งนี้เลยต้องส่งต่อให้แก บนแผนที่นี้ไม่ได้มีแต่เส้นทางกระจายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีสัญลักษณ์อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ที่ไหนไปได้ ที่ไหนไปแล้วต้องระวังให้มาก แล้

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 31

    เมื่อเห็นบิดาถือไม้เท้าเดินออกมา หลี่ว์ซิ่วหลันก็ทรุดลงคุกเข่าลงกับพื้นดังปั๊ก"พ่อ!"ชายชรามองดูลูกสาวของตนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วถอนหายใจอย่างจนใจ "ลุกขึ้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอา กลับบ้านกับฉัน!"หลี่ว์ซิ่วหลันตะลึงงัน แล้วพี่ใหญ่ก็มาดึงเธอขึ้น “เธอคิดอะไรอยู่ กลับบ้านกับพ่อสิ!”หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้ารัว ๆ แล้วขานตอบ "อือ!"พอหยัดกายลุกขึ้นแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็ลากผังเป่ยเดินไปทางบ้านของตัวเองด้วยกันทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในลานเล็ก คุณตาก็นั่งลงอย่างช้า ๆ เขาทำหน้าปั้นปึ่ง ไม่พูดไม่จาบรรยากาศลานเล็กดูอึดอัดมากอย่างชัดเจน หลี่ว์ชิงซงหันซ้านหันขวาแล้วชิงพูดก่อน "พ่อ หลันจื่อเองก็จนปัญญา..."หลี่ว์หย่วนจงมองลูกสาว "แกตั้งใจจะหย่าแล้วงั้นเรอะ?"หลี่ว์ซิ่วหลันพยักหน้า แต่ไม่กล้าปริปากพูดแม้ว่าลูกสาวจะอายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่ในสายตาของบิดา เธอก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง“ตั้งแต่แต่งเข้าไปมันตีแกมาตลอดเลยเหรอ” ชายชราจ้องมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่หลี่ว์ซิ่วหลันกำลังสับสนอยู่นั้น ผังเป่ยที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยปากตอบ "ตีมาตลอด ตั้งแต่ผมจำค

  • ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด   บทที่ 30

    “ฉันว่านะคะหัวหน้า เรารายงานไปดีกว่า ถ้ายื่นคำร้องไป เบื้องบนจะต้องไม่อนุมัติแน่ เราก็ฉวยโอกาสนี้บอกว่างั้นเราจะทำเอง แต่เบื้องบนต้องให้เอกสารอนุมัติ บอกว่าได้มอบปืนให้แล้วก็สิ้นเรื่อง!”หลี่ว์ไห่เห็นว่าความคิดนี้มาจากสาวม่ายในหมู่บ้านเขาอดยิ้มไม่ได้ “ผมว่าความคิดของแม่ม่ายไช่ไม่เลวเลยนะ! ทุกคนว่ายังไง!”“วิธีนี้ดีเลย ใครก็มาจับผิดไม่ได้!”ทุกคนได้ฟังแล้วก็พากันเห็นดีเห็นชอบด้วยอย่างเซ็งแซ่ในทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ว์ไห่ก็พูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้นกองกำลังจะอนุมัติเอกสารให้นายก่อน แล้วนายก็ไปหาปืนมา นักบัญชีเอ้อร์! เบิกเงินของกองกำลังออกมาให้ผังเป่ยห้าสิบหยวน ส่วนที่เหลือจะให้เมื่อมีเงิน"ผังเป่ยได้ยินว่าให้เงินเขาห้าสิบหยวน! เรื่องนี้มันเยี่ยมไปเลยนี่นา!เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าพูดจริงเหรอครับ? ห้าสิบหยวนน่าจะซื้อกระสุนได้ไม่ร้อนเลยสิครับ?”หลี่ว์ไห่หัวเราะ "ไอ้หนู เมื่อกี้ยังแสร้งทำเป็นหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีต่อหน้าฉันอยู่เลย!"“ก็นั่นไม่ใช่เพราะขาดเงินขาดกระสุนหรือไง? แต่ผมรับประกัน ขอแค่หาปืนหากระสุนได้ ผมสัญญาว่าจะกำจัดหมาป่าฝูงนี้ให้ทุกคนเอง!”แม่หม้ายไช่กลั้นหัวเราะไม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status