ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด

ย้อนเวลาไปเป็นนักล่ายุคก้าวกระโดด

By:  วิถีมารไร้ขอบเขตOngoing
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
35Chapters
988views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

มือสไนเปอร์แห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเกิดใหม่ในปี 1958 กลายเป็นชาวเขาธรรมดา ที่ตายจากความหนาวเหน็บในแถบเทือกเขาต้าซิ่งอันหลิ่งแห่งตงเป่ย ในครอบครัวประกอบไปด้วยมารดาที่ถูกขับไล่ออกจากครอบครัว กับน้องสาวตัวน้อยวัยสี่ห้าขวบ บ้านคุ้มหัวทรุดโทรม ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร แต่ผังเป่ยกลับไม่หวั่นเลยสักนิด เขามองเทือกเขาต้าซิ่งอันหลิ่ง บนผืนดินแถบเขาฉางไป๋และแม่น้ำเฮยหลงเจียงนี้ มีทั้งหมีดำ หมูป่า เสือโคร่งไซบีเรีย ไก่ฟ้าเฮเซล กวางโร ไก่ป่า และสัตว์ป่าให้ล่ามากมายทั่วทุกพื้นที่! ต้นอ่อนโสม เห็ดน้ำผึ้ง วอลนัทป่า... มีของล้ำค่าแห่งขุนเขาเต็มไปหมด! มีทรัพยากรอยู่มากมายขนาดนี้ ยังจะต้องกลัวไม่มีอะไรกิน? ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อีกหรือ? แบกปืนล่าสัตว์ เสียบมีดเข้ากับตัว จูงสุนัขล่าเนื้อ ผังเป่ยเริ่มใช้ชีวิตอันแสนสบายอุราด้วยการออกล่าสัตว์ในป่าเขาหาเลี้ยงครอบครัว!

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“หนาวชะมัด!”

ผังเป่ยยืนอยู่ในป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทัศนียภาพเบื้องหน้าทำให้เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้

รอบข้างขาวโพลนไปทั้งผืน น้ำแข็งและหิมะปกคลุมเหนือแผ่นดินทุกหนึ่งตารางนิ้ว ราวกับอยู่ในโลกน้ำแข็งที่แต่งแต้มไปด้วยสีเงินและสีขาว

ทันทีที่เขาพ่นลมหายใจออกไปก็จะกลายเป็นควันสีขาวกลางอากาศ ลอยขึ้นช้า ๆ แล้วสลายหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าบางเบา เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มคิ้ว น้ำมูกจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งใต้จมูก

มองไปรอบ ๆ ทิศทาง นอกจากหิมะและลมหนาวแล้ว ก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก

ป่าเขาแห่งนี้ราวกับเป็นซอกหลืบที่ถูกลืม มันทั้งร้างผู้คน ทั้งไร้ความอบอุ่น มีเพียงความหนาวเหน็บและความโดดเดี่ยวไร้ที่สิ้นสุด

ถ้านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ๆ เขาต้องคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝันเป็นแน่

เพราะเมื่อวานนี้ เขายังเป็นสไนเปอร์มือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษพยัคฆ์ตงเป่ยแห่งปี 2024 อยู่เลย ตอนที่ได้รับคำสั่งให้โรยตัวลงกลางอากาศเพื่อตามจับอาชญากรคนหนึ่ง ดันเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียก่อน

พอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาก็หลุดจากปี 2024 มาโผล่อยู่ที่แถบตงเป่ยในปี 1958 เสียแล้ว!

ไม่เพียงแค่ที่ชื่อแซ่เปลี่ยนจากหลินเป่ยเป็นผังเป่ยเท่านั้น ฐานะก็เปลี่ยนจากทหารหน่วยรบพิเศษมาเป็นชาวเขาที่แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ยังไม่มีกิน!

แต่ความหนาวเหน็บและความหิวโหยไม่มีเวลาทำให้เขาตื่นตกใจ เจ้าของร่างเดิมก็หนาวตายอยู่ในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งผืนนี้แล้ว

สิ่งที่ผังเป่ยทำได้ในตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตแทนเจ้าของร่างเดิมต่อไป

......

จะว่าไปแล้วเจ้าของร่างเดิมก็นับว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง แม้จะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ก็ยอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ลังเลเพื่อมารดากับน้องสาว

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกชายคนที่สามของครอบครัว เขามีพี่ชายหนึ่งคน และพี่สาวอีกหนึ่งคน ว่ากันว่ามารดานั้นเป็นภรรยาคนที่สองที่ผู้เป็นบิดาใช้ข้าวโพดห้าสิบกิโลกรัมไปแลกมา

ส่วนภรรยาคนแรกนั้นก็ถูกบิดาทุบตีจนหนีไปแล้ว โดยทิ้งลูกชายกับลูกสาวเอาไว้

เจ้าของร่างเดิมกับผังซีผู้เป็นน้องสาว เป็นลูกแท้ ๆ ที่มารดาให้กำเนิด

ทว่าหลังจากที่ตบแต่งตัวมารดามาแล้ว บิดาของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด กลับดุร้ายกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

มารดาเป็นคนทำงานบ้านทุกอย่างในบ้าน รวมถึงงานบ้านในส่วนของปู่กับย่าด้วยเช่นกัน ช่วงที่หนาวเหน็บที่สุดของปี มือทั้งสองข้างของมารดานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากความเย็น ทุกครั้งที่หันไปเห็นล้วนมีแต่เลือดไหลซิบอยู่เสมอ

แต่ถึงเป็นแบบนั้น บิดาก็ยังคว้าเก้าอี้ขึ้นมาฟาดศีรษะมารดาจนหัวแตกเลือดอาบ เพียงเพราะมารดาทำอาหารให้ย่าช้าไป ด้วยเหตุนี้เจ้าของร่างเดิมจึงทะเลาะมีปากเสียงกับที่บ้าน เขาต้องการแยกครอบครัวออกมา ต้องการพามารดากับน้องสาวแยกตัวออกไปใช้ชีวิตเอง

เพราะถ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่รู้ว่ามารดาจะถูกทุบตีจนตายขึ้นมาเมื่อไร และไม่ช้าก็เร็วน้องสาวที่กินไม่อิ่มก็ต้องหิวตายแน่

......

อันที่จริงแล้วมารดาของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องแยกครอบครัว เพราะบิดาของมารดานั้นป่วยไข้ และกลัวว่าจะทำให้มารดาต้องมาเหน็ดเหนื่อยเพราะเขา บ้านมารดาจึงให้มารดาแต่งงานออกมา ถ้าเขารู้ว่ามารดาจะต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ เขาจะเจ็บปวดใจขนาดไหน? กลัวก็แต่ว่าอาการป่วยของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

ถ้าเขารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้เข้า จะต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อมาที่นี่ให้ได้แน่ แต่สุขภาพร่างกายของคนเฒ่าคนแก่นั้นจะให้เกิดโทสะขึ้นมาอีกไม่ได้ ถ้าเกิดมีโทสะขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้แน่!

แต่สามีของตนคิดจะลงมือทุบตีผังเป่ยที่เพิ่งฟื้นตัว มารดาถึงตระหนักได้ว่าหากยังไม่ไปจากที่นี่ ลูกสาวลูกชายของตัวเองจะต้องตายทั้งคู่แน่!

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองทุ่มเทกำลังทั้งหมดดูสักตั้ง ต่อให้ต้องตาย พวกเขาสามคนแม่ลูกก็ต้องตายพร้อมกัน!

ความจริงแล้ว ตอนที่มารดาออกมาจากที่นั่นได้แอบขโมยยาเบื่อหนูมาด้วยหนึ่งห่อ

เจ้าของร่างเดิมเห็นแล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าในใจของมารดาคิดอะไรอยู่ และเขาเองก็ไม่ต่อว่ามารดาด้วย

......

“ต้องรีบหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว แถมยังต้องมาหนาวตายอีกต่างหาก!”

ผังเป่ยคิดอยู่ในใจ

พูดกันตามตรงแล้ว หลินเป่ยเกรงใจเจ้าของร่างเดิมมาก เพราะหากไม่ได้เจ้าของร่างเดิม ตอนนี้เขาก็ยังเป็นได้แค่ดวงวิญญาณไร้ญาติขาดมิตร ล่องไปลอยมาอยู่กลางแถบเขาฉางไป๋กับแม่น้ำเฮยหลงเจียงเท่านั้น

ดังนั้น ความคิดที่เจ้าของร่างเดิมต้องการดูแลคนในครอบครัวนั้น เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ

ถึงอย่างไรก็ยึดร่างกายของคนอื่นเขามาแล้วนี่! ก็ถือว่าตอบแทนที่เจ้าของร่างเดิมได้ช่วยเหลือเขาไว้แล้วกัน

ทว่าความคิดของเด็กอย่างเจ้าของร่างเดิมนั้นถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ความสามารถกลับไม่เอื้ออำนวย วิธีล่าสัตว์ของเขานี่นับเป็นการเฝ้าตอรอกระต่าย ไม่รู้จักพลิกแพลงเอาเสียเลย

แล้วลองดู กับดักนี้ที่เขาวางไว้ก็ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย อีกทั้งกลไกที่วางไว้ก็ชัดเจนเกินไป ตำแหน่งก็ไม่ถูกต้อง กระต่ายที่ไหนจะติดกับเล่า?

ในมือของผังเป่ยตอนนี้มีแค่เชือกป่านเส้นหนึ่งที่เอว มีดพกหนึ่งเล่ม แล้วก็กับดักตรงหน้านี้

ถ้าคนทั่วไปคิดจะใช้ของพวกนี้มาล่าสัตว์ แบบนั้นก็เหมือนกับคนบ้าที่กำลังละเมอเพ้อพกนั่นละ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะนั่งรอให้กระต่ายมาติดกับได้หรือเปล่าเลย

มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงเท่านี้ก็กล้าบุกป่าขึ้นเขาแล้ว นี่เขาจะเห็นเรื่องป่าเขาเป็นเรื่องเล่น ๆ เกินไปแล้ว

บนเขาลูกนี้ไม่ได้มีแค่กระต่าย ยังมีสัตว์ร้ายนานาพันธุ์อยู่ด้วย

อีกอย่าง ไอ้วิธีการรอกระต่ายแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการเอาชีวิตมาเดิมพัน เห็นชัด ๆ ว่าชะตาชีวิตของเขาไม่ดี ไม่มีทางชนะเดิมพันแน่

ผังเป่ยแกะรื้อกับดักหยาบ ๆ ที่เจ้าของร่างเดิมทำไว้ออก จากนั้นเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เตรียมย้ายสถานที่

เมื่อรื้อกับดัก ผังเป่ยถึงได้รู้ว่าอันที่จริงกับดักชิ้นนี้พังแล้ว เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีฝีมืออย่างพวกมืออาชีพมากนัก ของแบบนี้ต่อให้มีกระต่ายทะเล่อทะล่าเข้ามาจริงก็ไม่มีทางจับได้สำเร็จ ระดับความสูงวางไว้ไม่ถูกต้อง กระต่ายก็กระโดดออกไปได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นเขาจึงเดินวนเวียนอยู่ในป่าอีกสักพัก จากนั้นก็เจอเข้ากับกิ่งไม้พอใช้ได้กิ่งหนึ่ง แล้วจึงวางกับดักใหม่อีกครั้ง

กับดักนี้ หลัก ๆ ก็คืออาศัยหลักการผูกเชือกแบบเงื่อนกระตุกทั่วไป ใช้แรงดีดของกิ่งไม้ รับรองเลยว่าแค่กระต่ายสัมผัสถูกกับดัก เชือกก็จะรัดคอแน่น ทำให้กระต่ายขาดอากาศหายใจ ยิ่งกระต่ายดีดดิ้น เชือกก็จะยิ่งรัดแน่น

โครงสร้างสำคัญของกับดักนี้ก็คือท่อกลวง จากนั้นก็ใช้มีกรีดด้านล่างของรากไม้สดที่มีความยืดหยุ่นให้เป็นช่อง

สุดท้ายก็ค่อยใช้กิ่งไม้อีกกิ่งสอดแหวกเข้าไปตรงกลางให้แยกออกส่วนหนึ่ง แล้วสอดกิ่งไม้บาง ๆ เข้าไปในรูเล็ก ๆ ของท่อกลวง อีกด้านหนึ่งก็ใช้ท่อนไม้เล็ก ๆ ที่ผ่าครึ่งออกมาหนีบไว้

ความสูงก็สำคัญ ต้องตั้งไว้ให้สูงพอที่กระต่ายจะพุ่งไปได้ แต่ในความจริงแล้วหลังของกระต่ายจะต้องชนเข้ากับกับราวไม้

ทันทีที่ราวไม้ถูกชนล้ม กิ่งไม้ก็จะดีดตัวทันที ถึงตอนนั้นกับดักล่ากระต่ายจะยกตัวขึ้น รัดคอกระต่ายไว้

กระต่ายที่ขวัญหนีดีฝ่อจะดิ้นรนสุดชีวิต แต่ทำแบบนั้นแล้ว ก็จะทำให้ตัวเองถูกรัดตายทั้งเป็น

แผนการนี้เรียบง่ายมาก แต่การจะทำให้สำเร็จนั้นกลับไม่ง่าย จะหากระต่ายสักตัวในฤดูหนาวนั้นยาก เพราะอาหารน้อย ถ้ากระต่ายคิดจะออกมาหาอาหาร ก็ยังต้องเจอเข้ากับการล่าของสัตว์ป่าดุร้ายที่หิวโหยพวกนั้น

ดังนั้นพวกมันจึงเจ้าเล่ห์มาก จะต้องปกปิดการเคลื่อนไหวให้ได้มิดชิดมากที่สุด

ทว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่ยากเกินมือของเขาที่เคยเป็นถึงทหารหน่วยรบพิเศษมือพระกาฬหรอก ในป่าเขา จมูกของเขาใช้การได้ดีเสียยิ่งกว่าสุนัขล่าเนื้อ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกระต่ายก็เป็นรูปแบบที่คาดเดาได้

หลังจากที่ผังเป่ยคลายกับดักออก ก็เตรียมเสาะหาสถานที่ใหม่

ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังขึ้นในป่าเขา “พี่! พี่?!”

ผังเป่ยชะงักงัน พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นเงาร่างเล็ก ๆ เงาหนึ่งวิ่งมาทางเขา ใบหน้ารูปไข่ดวงเล็ก ๆ นั่นแดงเรื่อเพราะความหนาว ศีรษะเล็ก ๆ นั่นคลุมไว้ด้วยผ้าพันคอผืนใหญ่ แม้ว่ากองหิมะจะท่วมถึงเอวเธอ แต่ร่างเล็ก ๆ นั่นก็ยังคงชูห่อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ไว้ใบหนึ่ง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก

คนคนนั้นก็คือผังซี น้องสาวของเขา!

เธอที่มีอายุได้เพียงสี่ขวบ จะหนาวตายอยู่กลางป่าเขาแห่งนี้เอาได้ง่าย ๆ

พอผังเป่ยเห็นเข้าก็รีบวิ่งไปหาทันที จนเกล็ดหิมะบนพื้นลอยกระจุยกระจาย เพราะหิมะทับถมกันหนาเกินไป ผังเป่ยจึงเดินลำบาก ตอนที่พุ่งออกไป เขาถึงขั้นล้มลุกคลุกคลานไปถึงเบื้องหน้าของน้องสาว

พอเห็นผังซี ผังเป่ยก็อดต่อว่าไม่ได้ “เธอออกมาได้ยังไง? แม่ล่ะ? แม่ปล่อยให้เธอออกมาเหรอ?”

ผังซีกะพริบดวงตาดำขลับคู่โต เธอยกกล่องไว้เหนือศีรษะ “พี่ เอาข้าวมาให้”

ผังเป่ยชะงัก เขามองไปที่กล่อง

จากนั้นก็รวบตัวผังซีขึ้นมากอด ผังซียัดกล่องใส่อ้อมแขนของผังเป่ย “ลุงใหญ่ให้มา แม่เสียดายไม่กล้ากิน หนูนึกได้ว่าพี่ออกมาแต่เช้าทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร ก็เลยเอามาให้พี่กิน”

ได้ยินเสียงเล็ก ๆ นี้แล้ว ในใจของผังเป่ยพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที

แม้ว่าจะยากจน แม้ว่าอยู่ที่นี่แล้วจะทุกข์ยาก แต่เขาที่เป็นลูกคนเดียวมาตลอด ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากพี่น้องมาก่อนเลยสักครั้ง

ทว่าครั้งนี้ เขาได้สัมผัสความรู้สึกนั้นแล้วจริง ๆ

และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผังเป่ยถึงยอมเสี่ยงตายออกมาล่าสัตว์ พอคิดถึงตรงนี้ ผังเป่ยก็แย้มยิ้มออกมา แม้ว่าตอนที่ยิ้มจะรู้สึกเจ็บเพราะแผลที่เกิดจากความหนาวเย็นบนหน้าก็ตาม

แต่เขาก็ยังอดทนต่อความเจ็บ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวเก็บเอาไว้ก่อน ไว้พี่จับกระต่ายมาได้ พวกเราเอาไปตุ๋นทำแกงเนื้อ ถึงตอนนั้นค่อยเอามากินด้วยกัน!”

เด็กน้อยปรบมือเปาะแปะ ดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? สุดยอดไปเลย! ได้กินเนื้อด้วย! หนูยังไม่เคยลองเลยว่าเนื้อมันรสชาติเป็นแบบไหน!”
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

Comments

No Comments
35 Chapters
บทที่ 1
“หนาวชะมัด!”ผังเป่ยยืนอยู่ในป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ทัศนียภาพเบื้องหน้าทำให้เขาอดสั่นสะท้านไม่ได้รอบข้างขาวโพลนไปทั้งผืน น้ำแข็งและหิมะปกคลุมเหนือแผ่นดินทุกหนึ่งตารางนิ้ว ราวกับอยู่ในโลกน้ำแข็งที่แต่งแต้มไปด้วยสีเงินและสีขาวทันทีที่เขาพ่นลมหายใจออกไปก็จะกลายเป็นควันสีขาวกลางอากาศ ลอยขึ้นช้า ๆ แล้วสลายหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าบางเบา เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มคิ้ว น้ำมูกจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งใต้จมูกมองไปรอบ ๆ ทิศทาง นอกจากหิมะและลมหนาวแล้ว ก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีกป่าเขาแห่งนี้ราวกับเป็นซอกหลืบที่ถูกลืม มันทั้งร้างผู้คน ทั้งไร้ความอบอุ่น มีเพียงความหนาวเหน็บและความโดดเดี่ยวไร้ที่สิ้นสุดถ้านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง ๆ เขาต้องคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝันเป็นแน่เพราะเมื่อวานนี้ เขายังเป็นสไนเปอร์มือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษพยัคฆ์ตงเป่ยแห่งปี 2024 อยู่เลย ตอนที่ได้รับคำสั่งให้โรยตัวลงกลางอากาศเพื่อตามจับอาชญากรคนหนึ่ง ดันเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียก่อนพอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาก็หลุดจากปี 2024 มาโผล่อยู่ที่แถบตงเป่ยใน
Read more
บทที่ 2
ผังเป่ยจูงน้องสาวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง พลางเดินฝ่าลมเหนืออันหนาวเหน็บ เสาะหาเป้าหมายไปตามเนินเขาในฐานะที่เขาเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ต้องฝึกค้นหาจนมันฝังลึกเข้าไปในกระดูก การล่าสัตว์ก็นับว่าเป็นทักษะพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดในป่าเช่นกันเขาเดินพลางสังเกตร่องรอยทั้งหลายอย่างละเอียดการค้นหาร่องรอยนั้น สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเขาก็เหมือนกับการที่เคยมีคนไปที่ไหนสักแห่งมาก่อน เขาอาศัยเพียงแค่ร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งแล้วเขาถึงขั้นที่เข้าใจถึงกิจกรรมการเคลื่อนไหวอันแน่ชัดที่คนคนนั้นทำไว้ที่นี่ได้จากร่องรอยพวกนี้ตอนนี้ บนตัวเขาไม่ได้มีเครื่องมือมากมายนัก สมรรถนะทางร่างกายก็ไม่ได้เทียบเท่าอย่าช่วงที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษดังนั้น ช่วงเวลานี้เขาจึงจำเป็นต้องรักษาสัญชาตญาณระวังภัยเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์ร้าย!หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง จู่ ๆ ผังเป่ยก็ชะงักฝีเท้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไม่ไหวติงเขาย่อตัวนั่งยอง ๆ แล้วเห็นเม็ดบางอย่างที่แข็งจากอากาศหนาวอยู่หลายเม็ด มันคืออุจจาระกระต่ายที่เพิ่งถ่ายทิ้งไว้ไม่นานผังซีมองเขาด้วยความฉงน “พี่ พี่ดูอะไรเหร
Read more
บทที่ 3
ผังเป่ยหิ้วกระต่ายไว้ ต้องบอกเลยว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้ตัวใหญ่ไม่น้อยทีเดียวกระต่ายป่ามักจะตัวไม่ใหญ่เท่ากระต่ายที่เลี้ยงกันในบ้าน ทว่าเจ้าตัวที่อยู่ในมือตัวนี้ อย่างน้อย ๆ ก็หนักสักสามกิโลครึ่งได้นี่มันกินอะไรเข้าไปถึงได้ตัวใหญ่ขนาดนี้กันนะ?ผังเป่ยสนเท่ห์นัก กระต่ายตัวผู้ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ เขาหิ้วมันกลับบ้าน เด็กน้อยก็จดจ้องอยู่กับกระต่ายไม่ละสายตามาตลอดทางน้ำลายสอมาอยู่ในปากตลอดเวลา เธอไม่กล้าปล่อยให้มันไหลออกมา เพราะมันจะทำให้มุมปากถูกความเย็นกัดเอาได้ง่าย ๆ ที่อยู่ของผังเป่ยในตอนนี้ คือกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งบนภูเขาบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ตาของผังเป่ยทิ้งไว้ตอนขึ้นมาพิทักษ์เขา แต่หลายปีมานี้แค่จะลงจากเตียงเขาก็ต้องเปลืองแรงไปมาก ขึ้นมาล่าสัตว์บนภูเขาไม่ได้แล้วเรื่องล่าสัตว์ ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว เพราะถ้าคนมากเกินไป พวกเหยื่อตัวเล็กๆ ก็จะพากันหลบหนีออกไปด้านนอก หากไม่มีเหยื่อให้ล่า พวกสัตว์ดุร้ายก็จะหันเป้าหมายไปที่หมู่บ้านเป็นอันดับแรกเมื่อก่อน ในป่าเขาล้วนอุดมไปด้วยสัตว์นักล่าทุกหนแห่ง ในหมู่บ้านจึงจำเป็นต้องมีคนมาคอยพิทักษ์เขาหนึ่งคนโดยปก
Read more
บทที่ 4
ตอนที่แม่กำลังถลกหนังกระต่าย เขาก็เห็นเข้ากับแผลที่ถูกความเย็นกัดบนมือของแม่เข้าพอเห็นแผลของแม่ ผังเป่ยก็เริ่มคิดไตร่ตรองอยู่ในหัวขึ้นมาทันทีแม่กับน้องสาวแล้วก็ตัวเขาเอง ล้วนไม่มีของที่ไว้ป้องกันความหนาวได้เลย ต่อให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ชั่วคราว แต่นี่ยังไม่ถึงช่วงสามเก้าวัน[1]เลย ถ้าถึงช่วงสามเก้าวันที่หนาวเย็นที่สุดแล้ว มีเพียงแค่เสื้อผ้าบนตัวของเธอแบบนี้ เกรงว่าจะต้องหนาวตายทั้งเป็นแน่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสภาพอากาศบนภูเขาที่หนาวเย็นว่าด้านล่างภูเขาหลายเท่าตัวแน่นอนว่าช่วงฤดูร้อนก็เปลี่ยนเป็นเย็นสบายดูท่าแล้ว ก็คงจะต้องเตรียมเสื้อผ้าป้องกันความหนาวไว้ด้วย แต่ในตอนนี้ฝ้ายเป็นของหายาก หากจะทำเสื้อผ้าหน้าหนาว ก็จำเป็นต้องใช้ตั๋วผ้านี่มันขัดกับความเป็นจริงในตอนนี้เลย ดูท่าแล้ววิธีที่ดีที่สุดคงจะเป็นขนสัตว์ ขนสัตว์ก็ป้องกันความเย็นได้ แต่ว่าจำเป็นต้องเป็นขนจากสัตว์ขนาดใหญ่สัตว์ใหญ่อย่างพวกหมาใน หมาป่า เสือโคร่ง เสือดาวอะไรพวกนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เขาไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น คิดจะทำเรื่องพวกนี้ก็คือไปหาเรื่องตายเพราะหนึ่งเขาไม่มีปืน สองคือร่างกายและจิตใจเขายังไม่พร้อม ตอนนี
Read more
บทที่ 5
แม้ว่าคำพูดที่ผังเป่ยพูดออกมานั้นจะไม่ผิด แต่หลี่ว์ซิ่วหลันก็ยังคิดว่าลูกชายทำแบบนี้ออกจะสุดโต่งเกินไปถ้าไม่สนใจละก็ ต่อไปอาจจะเสียเปรียบเอาก็ได้แต่พอลองคิดถึงเรื่องนี้ในทางกลับกันดูแล้ว ถ้าลูกชายไม่ทำแบบนี้ เธอจะมีวันที่ได้กินเนื้อกับเขาเหรอ?ไม่มีทางแน่นอน!ดังนั้นเมื่อลองคิดดูแล้ว คำพูดพวกนั้นที่คิดจะสั่งสอนผังเป่ย ก็ถูกหลี่ว์ซิ่วหลันกลืนกลับไปหลังจากผังตงกลับไปแล้ว หลี่ว์ซิ่วหลันก็กินน่องกระต่ายข้างหนึ่งกับผังซี ส่วนผังเป่ยก็กินเองอีกน่องทั้งสามคนกินจนค่อนข้างอิ่ม พอได้กินเนื้อ ร่างกายก็เริ่มอุ่นนี่เทียบไม่ได้กับช่วงที่อยู่ในบ้านเลย ตอนที่อยู่ในบ้านนั้นไม่เคยได้กินข้าวอิ่มแบบนี้เมื่อกินดื่มกันจนอิ่มหนำ เสี่ยวซีก็ช่วยเก็บชามและตะเกียบด้วยกันกับแม่อย่างว่าง่าย ส่วนผังเป่ยก็เตรียมไปหาหัวหน้าเขาเก็บข้าวของเล็กน้อยก็ลุกขึ้น แล้วพูดว่า “แม่ ผมลงเขาไปคุยกับหัวหน้าหน่อยนะ ผังตงพูดถูก อีกเดี๋ยวอากาศก็จะเย็นลงแล้ว บนตัวของพวกเรามีแค่เสื้อผ้าเก่า ๆ แบบนี้ทนไม่ไหวหรอก ผมว่าจะไปขอยืมปืนล่าสัตว์แล้วลงเขาไปหาที่ยิงกวางโรสักสองสามตัว”“อะไรนะ? แกจะยืมปืนเหรอ?”หลี่ว์ซิ่วหลันร้อนร
Read more
บทที่ 6
เมื่อได้รับคำสัญญาของหัวหน้า ในใจผังเป่ยก็ดีใจมากไม่เพียงได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์ภูเขา ยังช่วยหาปืนได้อีกด้วยสิ่งนี้สำหรับเขาแล้ว เท่ากับจะได้ล่าเหยื่อได้เยอะ ๆเพียงแต่ ตอนนี้ลูกกระสุนไม่มาก ผังเป่ยคิดจะตัดเสื้อผ้าให้แม่ น้องสาวและตัวเอง แม้จะยิงลูกกระสุนห้าดาวตรงเป้าทุกนัด ก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ผังเป่ยยังต้องคิดหาวิธีอีกยิงร้อยครั้งถูกร้อยครั้ง บอกได้ถึงอัตราความแม่นยำ ทว่าระเบิดหัวทุกนัดนั่นมันไร้สาระชัด ๆระเบิดหัวได้ทุกนัดจริง ๆ คงมีแต่ในทีวีแล้วยังไงสัตว์ก็เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ได้มีวิถีที่ตายตัว และพวกมันยังหลบได้อีกด้วยฉะนั้น หากต้องการใช้กระสุนห้านัดยิงกวางโรตะวันออกห้าตัว นั่นยากมากจริง ๆ ผังเป่ยที่เคยผ่านการรบจริงเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดีคิดจะล่ากวางโรตะวันออก ยังต้องใช้สมองอีกหน่อยดังนั้นเมื่อกลับบ้าน ผังเป่ยก็เริ่มเตรียมข้าวของ เขารื้อรั้วที่ล้มลงไปแล้วมาสองสามอัน จากนั้นเลือกท่อนไม้ที่นับว่ายังแข็งแรงอยู่จากในนั้นมาสองสามอันแล้วก็เหลาท่อนไม้พวกนี้ก่อนจะหาปืนมาได้ อุปกรณ์อย่างอื่นที่ทำได้นิดหน่อย อย่างไรก็ต้องทำสักหน่อยถึงยังไง ตอนที่เข
Read more
บทที่ 7
หลี่ว์ซิ่วหลันและผังเป่ยช่วยกันตรวจดูเหยื่อบนพื้น จากนั้นช่วยลูกชายมัดเหยื่ออย่างช่ำชองผังเป่ยใช้มือข้างหนึ่งแบกเหยื่อขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ส่วนมืออีกข้างจูงผังซี พร้อมลากเหยื่อจากการล่ากลับบ้านไปเต็มไม้เต็มมือเนื่องจากผืนป่าอยู่ในส่วนลึกของภูเขา พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าไปยังกระท่อมพิทักษ์ภูเขาของบ้านตนก่อน แล้วค่อยกลับหมู่บ้านเมื่อกลับมาถึงกระท่อม สามแม่ลูกก็เข้าสู่งานอันเคร่งเครียดทันทีหลี่ว์ซิ่วหลันหั่นเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ด้วยความชำนาญ ขณะเดียวกันก็ถลกหนังออกอย่างคล่องแคล่ว เตรียมดำเนินการขั้นจัดการแปรรูปเนื่องจากทรัพยากรบนภูเขามีจำกัด พวกเขาคิดจะนำหนังสดใหม่แช่ลงไปในน้ำอุ่น จากนั้นก็ใช้ไฟรมควัน เพื่อสะดวกต่อการสวมใส่อุ่นร่างกายโดยเร็วที่สุดตอนเด็ก ๆ หลี่ว์ซิ่วหลันมักจะตามพ่อไปเรียนงานฝีมือทำเครื่องหนัง เนื่องด้วยเหตุนี้เมื่อจัดการขึ้นมาจึงง่ายดายระหว่างกระบวนการจัดการเนื้อ ผังเป่ยเลือกเนื้อคุณภาพดีมาประมาณสี่สิบห้าสิบชั่อย่างพิถีพิถัน แล้วใช้เชือกฟางมัดอย่างแน่นหนาเขาคิดจะส่งเนื้อส่วนนี้และปืนล่าสัตว์ให้พร้อมกัน ถือเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจเนื้อที่เหลือ หลี่ว์ซิ่วหลันคิดจะใช้ต
Read more
บทที่ 8
เช้าตรู่วันต่อมา ผังเป่ยรีบลุกลี้ลุกลนกินซุปเล็กน้อย ก่อนจะถือบ่วงดักสัตว์และกับดักจับสัตว์รุดหน้าไปบนเขา ไปติดตั้งกับดักอื่นขณะเดียวกัน หลี่ว์ซิ่วหลันและผังซีอยู่ที่บ้าน ลงมือเย็บเสื้อหนังให้ผังเป่ยขณะผังเป่ยง่วนอยู่กับการติดตั้งกับดักในป่าเขา หลี่ว์ซิ่วหลันก็นำเนื้อกวางโรตะวันออกสดใหม่สองสามชิ้น ไปเยี่ยมหลี่ว์ชิงซงผู้เป็นลุงใหญ่ทีแรก ลุงใหญ่ไม่อยากรับเนื้อไว้ ทว่าหลี่ว์ซิ่วหลันยืนกรานยื่นให้เขา พร้อมบอกข่าวดีกับเขาว่าผังเป่ยกลายเป็นผู้พิทักษ์ภูเขาแล้วหลี่ว์ชิงซงได้ยินดังนั้นก็ดีใจกับเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหวัง เขาถามด้วยความตื่นเต้นว่า “จริงเหรอ? เสี่ยวเป่ยล่าสัตว์ได้แล้ว?”หลี่ว์ซิ่วหลันยิ้มพลางพยักหน้ายืนยัน “ใช่ ตอนนี้เขาล่าสัตว์ได้แล้ว!”หลังหลี่ว์ชิงซงดีอกดีใจ เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเข็มกับด้ายออกมา พร้อมกับหอกปลายพู่แดงที่ตนได้รับขณะอยู่หน่วยเยาวชนตอนเด็ก ๆ มามอบให้หลี่ว์ซิ่วหลันเมื่อเห็นหอกปลายพู่แดงนั้นอีกครั้ง หลี่ว์ซิ่วหลันก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ นี่เป็นของที่พี่ชายรักที่สุด อย่ามองแค่ว่าเป็นหอกปลายพู่แดง ที่จริงแล้วมันคือหอกสั้นที่เคยอยู่ในมือพ่อ หลังจากนั้น เ
Read more
บทที่ 9
ผังเป่ยเพิ่งแบกฟืนกำลังจะเข้าประตูบ้าน ก็เห็นคนคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาเขาชำเลืองไปเห็นเสื้อคลุมทหารที่ถูกปะหนาเตอะ ที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ตัวนั้น ในใจก็ผุดความคิดขึ้นมาเสื้อคลุมตัวนั้นเป็น ‘สมบัติสืบทอด’ ในสกุลของพวกเขา แม้จะขาดรุ่งริ่งและเก่า ทว่าสืบทอดต่อกันมาสองชั่วอายุคน จนถึงรุ่นเขาเป็นรุ่นที่สามแล้วคนในครอบครัวผลัดกันสวมใส่มัน ตอนแต่งงานในปีนั้น ปู่มอบเสื้อคลุมตัวนี้ให้พ่อ กันลม กันหิมะ และกันความหนาวในตอนนี้ ผู้ที่สวมเสื้อคลุมอยู่ก็คือพี่สาวคนรองของเขา ผังหนานความรู้สึกที่ผังเป่ยมีต่อพี่สาวคนรองคือรังเกียจเธอมักแสวงหาความรู้สึกอยู่เหนือกว่าผู้อื่นในบ้านเสมอ แม้ว่าการถูกปฏิบัติของเธอจะแย่กว่าพี่ใหญ่มาก ทว่าเนื่องจากมีแม่ น้องสาว และตนในฐานะคนที่ถูกเปรียบเทียบ เธอจึงดูเหมือนจะค้นพบความพึงพอใจได้เสมอเธอมีนิสัยชอบพูดจาเหน็บแนมและจิตใจอำมหิต แม้จะมีหน้าตาโดดเด่น แต่มักให้ความรู้สึกเข้าถึงยากอย่างหนึ่งกับคนเมื่อผังหนานเห็นผังเป่ยแบกฟืนกลับมา ก็รีบเปิดโหมดการเย้ยหยันของเธอทันที “อ้าว นี่มันกรรมกรของบ้านเรานี่? ขยันขนาดนี้ทำไมไม่กลับไปช่วยที่บ้านล่ะ? ลงไม้ลงมือกับพี่ใหญ่ นายนี
Read more
บทที่ 10
ผังเป่ยรู้ดีว่า การซ่อมบ้านไม่เพียงต้องใช้วัสดุไม้ในปริมาณมาก แต่ยังใช้กำลังคนอีกด้วยเขาตรึกตรอง แม้ว่าทรัพย์สินจะน้อย แต่ก็ต้องเลี้ยงเนื้อผู้คนเพื่อแสดงความขอบคุณคิดจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมั่นคงบนภูเขา กำแพงลานบ้านต้องแข็งแรงพอจะต้านทานการบุกรุกของฝูงหมาป่าได้แม้ไม่จำเป็นต้องเหมือนกำแพงไม้ที่สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงอย่างที่ประชาคม แต่ความแข็งแรงของรั้วกั้นก็สำคัญนอกจากนี้ เขาต้องเชิญช่างไม้มาซ่อมแซมกระท่อมที่มีลมรั่วรอบด้าน นี่ก็ต้องเลี้ยงข้าวเช่นกันเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ผังเป่ยก็รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวใช้ชีวิตบนภูเขา เต็มไปด้วยความท้าทายจริงๆ!เช้าตรู่ของวันต่อมา ผังเป่ยลุกขึ้นเตรียมออกเดินทางแม่ส่งเนื้อที่ย่างสุกตั้งแต่เมื่อวานให้เขา ให้เขากินระหว่างทางวันนี้เขาวางแผนจะไปเดินเล่นรอบ ๆ ดูว่าจะหาแหล่งอาหารที่มากขึ้นได้หรือไม่หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ผังเป่ยก็รีบมุ่งหน้าไปยังจุดที่ตนวางกับดักเอาไว้ขณะที่เขาเห็นว่าบนกับดักมีกระต่ายตัวหนึ่งมาติด ก็ดีใจราวกับบ้าคลั่ง!นี่เป็นอาหารเลิศรสที่ยากจะได้เชียวนะ!เขารีบไปปลดกระต่ายที่ตายแล้วออกอย่างรวดเร็ว หลังมั
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status