"พูดให้มันเบากว่านี้ นกฉันตกใจ" เตือนน้ำหนึ่งให้ลดเสียงแหลมลงมาหน่อยและทอดมองร่างแน่งน้อยด้วยสายตาเรียบเฉย
"เลี้ยงนกพันธุ์อะไร?" ดันสนใจสัตว์เลี้ยงของราเชนทร์ ทั้งที่มีจุดประสงค์จะมาขออนุญาตออกไปข้างนอกตั้งแต่แรก ทว่าเป็นแค่การปูทางเกริ่นเรื่องอื่นออกไปก่อน
"พูดธุระของเธอมา"
"คือ..จะขอออก-"
"ไม่" พูดยังไม่จบประโยค ราเชนทร์ก็ตัดจบด้วยคำว่าไม่
"เอ้า จะไม่ฟังหนึ่งก่อนเหรอ จะขอออกไปข้างนอกกับเฮียตุลย์" แค่อ้าปากราเชนทร์ก็เดาได้ว่าน้ำหนึ่งหวังผลอย่างอื่นเธอคงต้องการจะออกไปจากที่นี่ คนอย่างราเชนทร์หว่านพืชก็ต้องหวังผล การจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากอาณาเขตของดิลกก้องเกียรติก็สมองกลวงเต็มทน
"ฉันไม่ได้โง่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำให้น้ำหนึ่งกลืนน้ำลายพูดไม่ออก ราเชนทร์เดินเลยผ่านคนตัวบางเข้าไปในบ้านกลิ่นตัวหอมจางๆ ปะทะจมูกคนตัวเล็กกว่าแล้วขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่น้ำหนึ่งเดินตามมาติดๆ ยืนข้างบันไดด้วยความผิดหวัง
"หนึ่งอยู่ที่นี่ ไม่ต้องออกไปไหน" ตุลย์เอ่ยขึ้นและกำชับไม่ให้เธอออกไปไหนทั้งยังถือเป็นการสั่งห้าม
"แต่หนึ่ง-"
"ไม่ใช่แค่เฮียเชนทร์ที่มองออก เฮียเองก็รู้ว่าหนึ่งคิดอะไร"
คนตัวน้อยเม้มปากมองไปทางอื่น ผู้ชายบ้านนี้เดาความคิดเธอออกทั้งหมด อยากจะใช้โอกาสนี้ติดรถเข้าไปในเมืองจะหาโอกาสชิ่งหนีไปเลานจ์ตามเดิมทุกอย่างก็คงล้ม
"ถ้าไม่ได้เฮียเชนทร์ช่วยวันนั้น หนึ่งจะเป็นยังไง"
ตุลย์ย้ำให้คนตัวบางตระหนัก น้ำหนึ่งนิ่งขึ้นทันตาเห็นเดินกลับไปหลังบ้านบริเวณที่มีกรงนก
คนตัวเล็กนั่งมองนกขนสีเหลืองมีหงอนมันกำลังบินว่อนทั้งเกาะไต่ไปตามกิ่งไม้ขนาดใหญ่ในกรงด้วยสายตาท้อแท้ หากขาดงานที่เลานจ์เกิน 3 วันโดยไม่บอก ผจก. เลานจ์หรือเจ้าของเธอจะถูกไล่ออกในทันที
"ขนาดเป็นนกมีปีกบินทะยานขึ้นฟ้ายังไม่มีอิสระเลย นับประสาอะไรกับคนเดินดิน"
ไม่รู้ว่าน้ำหนึ่งหมายถึงอะไร เธอยังใช้มือเท้าคางและจ้องแฮร์รี่อยู่อย่างนั้น โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีดวงตารัตติกาลมองผ่านหน้าต่างชั้นบนทอดลงมา
ราเชนทร์ยืนสูบบุหรี่มองคนเบื้องล่างพร้อมประมวลความคิดในโสตประสาทที่ไม่มีใครคาดเดาว่าเขาคิดอะไร แต่ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีทางได้หลุดออกไปจากดิลกก้องเกียรติหรือตัวเขา เว้นแต่จะพอใจและต้องการให้ไป
ในช่วงเย็นของวันเดียวกันที่นี่ไม่มีแม่บ้าน ดังนั้นอาหารมื้อค่ำจึงเป็นหน้าที่ของตุลย์ที่ทำอย่างง่ายอาทิเช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ผัดกะเพราและอื่นๆ ที่ผู้ชายวัย 26 ปีจะพอทำได้และมื้อนี้ก็เป็นผัดผักบุ้งไฟแดงและทอดมันปลากราย
มื้อค่ำถูกจัดเตรียมไว้ที่โต๊ะขนาดเล็กในเวลา 1 ทุ่มโดยมีกับข้าวสองอย่างและจานเปล่าสำหรับใส่ข้าวอีกสองใบ
"เฮียทำเองเหรอ" ด้วยความหิวน้ำหนึ่งเดินมาที่ครัวและเห็นว่าทุกอย่างจัดเตรียมไว้แล้ว
"ใช่"
"เก่งจัง" เธอชื่นชมผู้ชายตรงหน้า น้อยคนจะมาทำอาหารแบบนี้ นอกจากเป็นบอดี้การ์ดอารักขาถือปืนเท่ๆ งานบ้านงานเรือนตุลย์ก็รับบทเป็นพ่อบ้านที่ดี
"พอได้ ไม่ถึงกับเก่ง" ถ่อมตัวเองแล้วยิ้มตอบในยามที่ถูกชมเพราะอยู่กับราเชนทร์มาตั้งนานยังไม่ถูกชมแบบนี้เลย
"แล้วแม่บ้านไปไหน"
"ไม่มีหรอก เป็นบ้านพักส่วนตัวเฮียเชนทร์ไม่ต้องการให้ใครเข้ามา"
"ก็เลยใช้งานเฮียตุลย์คุ้มเชียว" คนฟังหัวเราะชอบใจออกมาไม่ใช่ว่าใช้งานคุ้มหรือใช้งานหนัก ทว่าราเชนทร์ดูแลตุลย์รวมทั้งครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวะอย่างดี อะไรที่พอทำได้นอกเหนือจากการเป็นบอดี้การ์ดพวงตำแหน่งคนสนิทก็ยินดีทำ
"หนึ่งมาก็ดีแล้ว ช่วยไปเรียกเฮียเชนทร์มากินข้าวหน่อย"
"...." คนอายุน้อยส่ายหน้า ไม่สันทัดกับการอยู่ใกล้ราเชนทร์เสียเท่าไหร่
"ไปเหอะน่า มันเลยเวลากินข้าวมาครึ่งชั่วโมง ถ้าเฮียปวดท้องขึ้นมาละก็..."
"ไปก็ได้" น้ำหนึ่งหน้าหงิกเมื่อปฏิเสธไม่ได้ หันตัวกลับออกจากห้องเดินขึ้นบันได ยืนมองมันอยู่สักจากนั้นยกมือขึ้นสูงสำหรับการเคาะและตั้งใจจะลงน้ำหนักข้อมือเรียกคนในห้อง
แอ๊ด!!
"...." ราเชนทร์เปิดประตูออกมาในจังหวะที่น้ำหนึ่งก็กำลังจะเคาะประตูทว่าเจ้าของมือน้อยๆ ก็หยุดชะงัก เมื่อคนร่างสูงเปิดประตูโผล่ออกมา
"...." ดวงตารัตติกาลฉายแววคมกริบจ้องคนด้านหน้าประตูโดยไม่มีคำถามว่าขึ้นมาทำไม
"คือ เฮียตุลยให้มาเรียกไปกินข้าวเย็น"
"อืม" เขาตอบสั้นๆ จากนั้นก็เดินเลยผ่านน้ำหนึ่งลงไปยังห้องครัว น้ำหนึ่งแทบไม่ต่างจากอากาศมีเพียงคำตอบสั้นๆ และถูกเดินเลยผ่านไปแบบนี้ทั้งวันอย่างงงๆ
“หล่อตาย เก๊กทั้งวันหน้าไม่เป็นตะคิวหรือไง”
บ่นตามหลังกับความหน้านิ่งจนเดาไม่ออกว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่หรือเปล่า
ร่างแน่งน้อยเดินตามมาติดๆ ราเชนทร์นั่งเก้าอี้บนโต๊ะมีอาหาร 2 อย่างและข้าวถูกตักเตรียมใส่จานไว้สองจาน เจ้าของบ้านตักผักบุ้งร้อนๆ ลงประกบบนเม็ดข้าวสวยและตักพริกสดที่ซอยใส่น้ำปลาเพิ่มความนัวให้มื้อนี้ ช้อนที่เม็ดข้าวพูนล้นเตรียมจะยัดเข้าปากแต่กลับเหลือบตามองน้ำหนึ่งที่ยื่นกลืนน้ำลายห่างจากโต๊ะไม่กี่คืบ
"แล้วไม่กินหรือไง" เขาเอ่ยขึ้นและยัดข้าวเคี้ยวแก้มตุ่ยกลืนลงคอ
"หมายถึงหนึ่งเหรอ"
"ตาฉันไม่ได้เหล่ถึงขั้นมองเธอแล้วเป็นไอ้ตุลย์"
เขาพูดกับคนตัวเล็กที่ยืนกลืนน้ำลายท้องร้องเสียงดังจนได้ยิน ทั้งวันไม่ค่อยได้กินอะไรเพราะบ้านหลังนี้ไม่ค่อยได้สต็อกของกินอะไรไว้
"ไปนั่ง" ตุลย์กระซิบบอกคนเด็กกว่าร่วมโต๊ะกับราเชนทร์ในครั้งนี้
"ไม่ใช่ของเฮียตุลย์เหรอ" น้ำหนึ่งกระซิบตอบ
"เฮียลดน้ำหนักไม่กินข้าวเย็น"
ได้ยินเช่นนั้นน้ำหนึ่งรีบถอยเก้าอี้อย่างไว พอนั่งได้เท่านั้นคว้าช้อนส้อมและจ้วงผักบุ้งไฟแดงที่เป็นกับข้าวตักเข้าปากอย่างมูมมาม ช้อนในมือหนาที่ยกจ่อปากวางมันลงจ้องคนตรงข้ามที่นั่งกินข้าวโดยไม่สนใจอีกฝ่าย ตักไปไม่กี่คำกับข้าวเริ่มหมด ราเชนทร์ยักคิ้วและมองไปที่เมนูผักบุ้งเป็นการบอกให้ตุลย์ผัดมาอีกเพราะเด็กดื้อตรงหน้าเล่นกินกับมากกว่ากินข้าว
หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ