วันศุกร์สุดสัปดาห์ เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ลุงเหมืองตื่นแต่เช้าอย่างกระปรี้กระเปร่า ปั่นจักรยานคู่ใจพร้อมปิ่นโตอาหารกลางวันไปโรงเรียนดั่งเช่นทุกวัน
ชายวัยกลางคนไล่เดินเปิดห้องเรียนและห้องพักครูจนครบทุกห้อง จากนั้นก็ทำการปัดกวาดทำความสะอาด ในช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเข้าแถวเคารถธงชาติและทำกิจกรรมหน้าเสาธง ลุงเหมืองก็ไปรดน้ำผักที่แปลงผักหลังโรงประชุมก่อนที่จะมีเก็บกวาดขยะและใบไม้บริเวณโรงเรียน
“ลุงเหมือง ฉันเห็นที่แปลงผักที่ลุงปลูกมีมะเขือเทศลูกใหญ่มากเลย วันนี้ฉันว่าจะทำผัดเปรี้ยวหวานให้เด็ก ๆ เป็นมื้อกลางวันน่ะ แต่มะเขือเทศที่ซื้อมาจากตลาดมันน้อย ฉันขอเก็บมะเขือเทศมาเพิ่มสักหน่อยนะลุง”
“เออเอาสิ เอ็งเอากรรไกรไปตัดล่ะ อย่าเอามือเด็ด”
“ได้จ้ะลุง ฉันได้ยินเด็ก ๆ พูดกันว่ามะเขือเทศลุงอร่อย ใช่อันที่ฉันเห็นไหมจ๊ะ”
“ก็อันเดียวกันนั่นแหละ ข้าปลูกไว้ที่บ้านน่ะ เลยแบ่งมาปลูกที่โรงเรียนด้วยนิดหน่อย”
“ขอบคุณนะจ๊ะลุง งั้นฉันไปก่อนนะ ต้องรีบไปเตรียมมื้อกลางวันของเด็ก ๆ ต่อ”
ทั้งสองจบบทสนทนากันเพียงเท่านั้น ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง จวบจนเวลาบ่าย 3 ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน เด็ก ๆ และครูหลายคนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน ลุงเหมืองเดินไล่ตรวจเช็กความเรียบร้อยของห้องเรียนและห้องพักครูและปิดประตูล็อกกุญแจอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินตรงไปยังแปลงผักเพื่อเก็บผักและมะเขือเทศไปขายที่ตลาดเย็น
ผักและมะเขือเทศในวันนี้เก็บได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากลุงเหมืองไม่ได้เก็บมา 3 วัน เพราะแกรอเก็บขายตลาดใหญ่ในเย็นวันศุกร์ทีเดียว
ชายวัยกลางคนจัดการใช้ตอกไม้ไผ่มัดผักแบ่งเป็นกำ ๆ เอากระดาษลังมาเขียนราคา เมื่อไปถึงตลาด ที่แคร่ไม้ไผ่ตัวประจำ ลุงเหมืองบรรจงวางผักเรียงรายสวยงาม และตั้งป้ายราคาไว้ข้างหน้าให้เห็นเด่นชัด จากนั้นก็เอามะเขือเทศที่เก็บใส่ตะกร้ามาวางเป็นกอง ๆ มะเขือเทศพันธุ์นี้ลูกใหญ่กว่ามะเขือเทศตามตลาดทั่วไป
มะเขือเทศลูกใหญ่สีแดงสดไร้รอบช้ำถูกวางเรียงเป็นกอง ๆ กองละ 4 ลูก ลุงเหมืองวางป้ายราคา 10 บาทไว้ด้านหน้ากองมะเขือเทศสีแดงสดหลายกอง พร้อมกับป้ายสโลแกนที่แกคิดขึ้นเองเพื่อดึงดูดลูกค้า “มะเขือเทศแดงหวาน ลูกใหญ่ ไม่ใช้ยา”
“ลุงเหมือง มะเขือเทศสองกอง”
“อ้าวนังจันทร์ มาไวเชียวนะเอ็งวันนี้ เอาผักอะไรอีกไหม”
“วันนี้ฉันไปขอซื้อมะเขือเทศกับยายแดงมา แต่ยายแดงบอกให้มารอซื้อกับลุงที่ตลาดน่ะ เดี๋ยวเอาผักบุ้งอีกกำนะลุง”
“ได้เดี๋ยวฉันใส่ถุงให้ 30 บาท”
“ลูกฉันเลิกเรียนมาเมื่อวานก็มาเล่าให้ฟังว่ามะเขือเทศลุงอร่อยอย่างนั้น อร่อยอย่างนี้ ฉันก็เลยอยากชิม”
“มะเขือเทศฉันน่ะ อร่อยแน่นอนเชื่อได้เลย”
การขายผักของลุงเหมืองในวันนี้หมดเร็วกว่าทุกครั้ง เพราะชาวบ้านต่างก็แห่มาซื้อมะเขือเทศสุดอร่อยตามคำบอกเล่าของพวกเด็ก ๆ ที่ได้ชิมอาหารในปิ่นโตของลุงเหมืองในวันนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือป้าดาว หนึ่งในชาวบ้านในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ซึ่งป้าดาวมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายผักในแผงผักประจำตลาดสดในตัวอำเภอ
เย็นวันนั้นป้าดาวกลับจากตลาด ได้นำมะเขือเทศที่ซื้อจากลุงเหมืองจำนวน 3 กองมาประกอบอาหารเย็น เมนูมื้อเย็นในคืนนั้น บ้านป้าดาวทำ มะเขือเทศผัดไข่ ต้มยำไก่บ้าน และตำน้ำพริกมะเขือเทศแบบอีสาน กินกับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ สุกใหม่ ๆ
“โหแม่ ทำไมวันนี้กับข้าวอร่อยจัง”
แก้ว ลูกสาวของป้าดาวเอ่ยขึ้นขณะที่ใช้ข้าวเหนียวจ้วงน้ำพริกมะเขือเทศใส่ปากเป็นคำที่สองพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ
“มะเขือเทศลุงเหมืองน่ะ เห็นเขาว่าอร่อยนักหนาแม่เลยซื้อมาลองดู”
“อร่อยจริงแม่ ดูสิ มะเขือเทศผัดไข่ก็อร่อย รสชาติหวานกำลังดีเลย น้ำต้มยำนี่ก็อร่อยกลมกล่อม ไม่เหมือนมะเขือเทศที่ตลาดที่เราขายเลยนะแม่”
“ก็จริง อร่อยจริง แกว่าถ้าแม่จะรับจากตาเหมืองไปขายที่แผงผักเราดีไหม”
“ดีสิแม่ แม่ลองรับไปสิ แล้วโฆษณาลูกค้าเลย ฉันว่าต้องขายดีแน่”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปถามลุงเหมืองที่บ้านดู”
สองแม่ลูกกินไปคุยกันไป เย็นวันนั้นเป็นวันที่กินข้าวเย็นอร่อยกว่าทุก ๆ วันที่ผ่านมา แถมสองแม่ลูกยังจ้วงข้าวเหนียวกันกับอาหารเย็นสามอย่างจนหมดกระติบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังติดใจรสชาติมะเขือเทศของลุงเหมืองไปแล้ว
เช้าวันเสาร์
ป้าดาวไปหาลุงเหมืองที่บ้านตั้งแต่เช้า เพราะกลัวว่าแกจะออกไปทุ่งนาเสียก่อน
“เหมืองเอ้ย เหมือง ยายแดง อยู่บ้านกันไหม”
“ว่าไงล่ะดาวมาแต่เช้าเชียว”
“จะมาถามเรื่องมะเขือเทศน่ะสิ เมื่อวานฉันซื้อกับแกที่ตลาดเอาไปทำกับข้าวกินที่บ้าน มะเขือเทศแกนี่มันอร่อยจริง ฉันเลยอยากรับจากแกไปขายที่ตลาดในอำเภอน่ะ ยังมีอยู่ไหม แกขายส่งยังไง”
“ก็ยังพอมีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าล็อตนี้จะเก็บได้กี่โล ฉันต้องเก็บดูก่อน ล็อตที่ปลูกใหม่อีก 6 วันถึงจะพอเก็บ ที่เอาไปขายตลาดเย็นเมื่อวานก็แค่ลองขายดู ถ้าผลตอบรับดีฉันก็จะปลูกเพิ่มอีก”
“ดีสิเหมือง ถ้าแกขายฉันจะรับกับแกตลอด เอาไปขายที่แผงผักฉันในตลาดที่อำเภอ ฉันว่าต้องขายดีแน่ ว่าแต่แกไปได้พันธุ์มาจากไหน”
“ครูแอ๋วให้ฉันมาน่ะ ตอนปลูกก็ไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้หรอก งั้นเดี๋ยวฉันไปดูที่แปลงผักให้ว่าจะได้กี่โล แกจะเอาตอนไหนล่ะ”
“ช่วงเย็นก็ได้ พรุ่งนี้ฉันต้องรีบไปจัดแผงแต่เช้าตรู่น่ะ”
“เออได้สิ งั้นห้าโมงเย็นแกก็มาเอาแล้วกันนะ”
“แล้วแกส่งให้ฉันโลเท่าไหร่ล่ะ”
“มะเขือเทศพันธุ์นี้มันลูกใหญ่กว่ามะเขือเทศที่ขายกันในตลาด เนื้อแน่นไม่ช้ำง่าย แถมยังหวานอร่อย โลนึงจะได้ประมาณ 11-12 ลูก ฉันส่งให้แกโลละ 40 ตกลงไหม แกขายในตลาดประจำอำเภอ แบ่งขายกองละ 20 ได้สบายเลย”
ป้าดาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ได้ ฉันตกลง ถ้าขายดี ต่อไปฉันจะรับกับแกตลอดเลย”
“ได้”
พูดจบป้าดาวก็เดินออกไป ลุงเหมืองยืนคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่แปลงผักเพื่อตรวจดูว่ามีมะเขือเทศที่พอเก็บเกี่ยวมีอยู่มากน้อยแค่ไหน
ช่วงเวลา 5 โมงเย็น
ป้าดาวขับรถมารับมะเขือเทศตามนัด ซึ่งลุงเหมืองก็ได้เก็บใส่ตะกร้าจัดเตรียมไว้รอเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเก็บได้ 6 กิโลนะดาว ทั้งหมด 240 บาท”
“ดีเลย ฉันจะลองขายดู ถ้าขายดีจะมารับกับแกอีก นี่เงิน”
ป้าดาวรับตะกร้ามะเขือเทศจำนวน 6 กิโลกรัมขึ้นใส่รถสามล้อที่ขับมา และขับตรงดิ่งกลับบ้านไปจัดเตรียมผักเพื่อรอเอาไปจัดวางขายที่แผงผักของตนในเช้าวันรุ่งขึ้น...