ช่วงเช้าของวันถัดมา ตลาดประจำอำเภอ
ในตลาดเริ่มคึกคักตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง เสียงพ่อค้าแม่ค้าพูดจาหยอกล้อกันดังไปทั่วซอยทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างแผงขายของ กลิ่นของข้าวเหนียวหมูปิ้งและกลิ่นหอมของกาแฟโบราณโชยมาแตะจมูก อีกทั้งผักสดที่เพิ่งเก็บจากสวนผสมผสานกันเป็นกลิ่นเฉพาะของที่นี่ ทั้งอบอุ่น เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
บางคนมาที่ตลาดตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แม้จะไม่ได้มาซื้อของอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ของบรรยากาศยามเช้าและสังเกตหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัว และทันทีที่เดินผ่านแผงผักของป้าดาว ก็ได้ยินบทสนทนาที่ทำให้หยุดฟังโดยไม่ตั้งใจพลางเลือกดูผักที่แผงไปด้วย
“วันก่อนฉันไปซื้อมะเขือเทศตาเหมืองคนในหมู่บ้านเดียวกันมากิน อร่อยมากเลยนะ เห็นบอกเป็นมะเขือเทศพันธุ์ใหม่”
ป้าดาวเอ่ยขึ้นในขณะที่มือก็จัดเรียงผักในแผงขายให้เป็นระเบียบ
“มันก็คงไม่ต่างกับที่เรา ๆ ขายอยู่หรอกมั้ง ยังไงก็มะเขือเทศเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน ๆ ฉันกล้ารับรองเลย มันอร่อยมากจริง ๆ นะ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานกำลังดี เอาไปทำอาหารก็อร่อยกลมกล่อม ลูกสาวฉันเอาไปปั่นทำน้ำมะเขือเทศกิน รสชาติดีสุด ๆ เลย ต้องลองนะ วันนี้ฉันรับมาขายด้วย”
“พูดจริงเหรอ ไหนขอดูหน่อย”
“นี่เลย ฉันได้มาแค่ 6 โลเองนะ ของดีมีน้อย มาเลย ๆ กองละ 20 บาท เอาเลย ๆ”
“โห ลูกใหญ่มาก สีแดงดีจริง ๆ นะ แดงสดกว่ามะเขือที่เคยซื้อกันอีก งั้นฉันเอา 2 กอง”
“ฉันเอา 3 กองเลย”
“ป้า ฉันเอาด้วย”
“ฉันเอากองนึงนะ ขอลองก่อน”
“ได้ ๆ เดี๋ยวฉันใส่ถุงให้”
เสียงลูกค้าดังประสานกันเซ็งแซ่ เมื่อเห็นขนาดมะเขือเทศที่ป้าดาวโชว์ให้ดู ต่างก็แย่งกันซื้อ จนในที่สุด มะเขือเทศที่รับมาจากลุงเหมืองก็หมดลงก่อนผักชนิดอื่น ๆ ในแผงผัก คนที่ซื้อไปมีทั้งคนที่มาเดินตลาดและแม่ค้าพ่อค้าแผงข้างกัน ช่วงสายคนเริ่มบางตาลง ป้าดาวนั่งนับเงินที่ขายของได้ในวันนี้ พลางคิดว่าจะรับมะเขือเทศจากลุงเหมืองมาขายเพิ่ม
เช้าวันถัดมา ในตลาดประจำอำเภอ
วันนี้ป้าดาวก็มาจัดแผงขายผักแต่เช้าตรู่เช่นเคย แต่ไม่มีมะเขือเทศของลุงเหมืองมาด้วย เพราะเมื่อวานนี้ หลังจากตลาดวาย ป้าดาวเก็บของกลับบ้านและตรงไปที่บ้านของลุงเหมืองก็ได้คำตอบว่า ถ้าจะรับมะเขือเทศเพิ่มก็ต้องรออีกประมาณ 6 วันถึงจะเก็บเกี่ยวล็อตใหม่ได้
“เมื่อวานเอามะเขือเทศลุงเหมืองมาขาย ตั้งไว้แป๊บเดียวหมดเกลี้ยง”
ป้าดาวเอ่ยอย่างดีใจ พลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“ลูกค้าแย่งกันเหมือนแจกฟรี”
“แต่ของเขาดีจริงอย่างที่แกว่าเลยดาว ลูกแน่น สีแดงสดมาก แถมเก็บไว้ได้นานกว่าที่เราเคยซื้อกันอีก” ป้าบัวที่นั่งติดกันกล่าวเสริม
“ฉันเอากลับไปใส่ยำและทำน้ำพริกอ่องก่อนที่บ้าน อร่อยจริง กลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนที่เหลือไม่ได้เก็บเข้าตู้เย็น ตั้งไว้ข้างนอกก็ยังไม่เหี่ยวเลย”
เสียงของแม่ค้าแผงขายของพูดคุยกันเซ้งแซ่ ทำให้ลูกค้าบางคนที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นไปด้วย
“ใช่ ๆ ลูกค้าที่ร้านส้มตำฉันยังถามเลยว่าไปเอามาจากไหน เขาบอกว่ารสชาติมันอร่อยกว่ามะเขือเทศทั่วไปที่เคยกินมา”
ป้าสีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองไปมองลูกค้าสาวที่กำลังยืนเลือกไข่ไก่ที่แผงขายของตน
“นี่นังหนู เธอเคยกินมะเขือเทศของลุงเหมืองหรือยัง”
“ยังเลยค่ะป้า” ลูกค้าสาวตอบตามตรง
“ลุงเหมืองที่อยู่หมู่บ้านดอนแดงพัฒนาใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามต่อ
“ใช่ ๆ เอ็งรู้จักด้วยเรอะ”
“รู้จักค่ะ แกเป็นภารโรงที่โรงเรียนในหมู่บ้านนั้น พอดีหนูเคยไปฝึกสอนที่นั่นค่ะ บ้านหนูก็อยู่หมู่บ้านคลองกุด ติดกับหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาเลย ไม่ไกลกัน” ลูกค้าสาวตอบยาวเหยียด
“ใช่ ๆ คนที่เป็นภารโรงที่โรงเรียน แล้วก็ปลูกผักขายนั่นแหละ” ป้าดาวว่า
“ที่แท้เอ็งก็อยู่หมู่บ้านใกล้กันนี่เอง รู้ไหม ตอนนี้มะเขือเทศของเขากำลังดังเลยนะ เมื่อวานป้าเอามาขาย แป๊บเดียวเกลี้ยงแผง”
เรื่องของมะเขือเทศลุงเหมืองถูกพูดถึงต่ออีกพักใหญ่ จนกระทั่งแม่ค้าหลายคนเริ่มคุยกันว่าอยากไปรับมาขายเองบ้าง ป้าบัวถึงกับเสนอว่า ถ้าลุงเหมืองปลูกได้เยอะกว่านี้ จะลองเอาไปลงขายตลาดในอำเภอใกล้เคียง ซึ่งเป็นอำเภอที่ใหญ่กว่าและมีตลาดใหญ่ทุกเย็นวันพุธและวันศุกร์
ลูกค้าสาวคนนั้น หรือชื่อของเธอก็คือ แพร เธอกลับบ้านตอนเจ็ดโมงเช้า ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า “มะเขือเทศของลุงเหมือง” จากที่ได้ฟังแม่ค้าในตลาดพูดคุยกัน มันก็ทำให้เธอรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาจริง ๆ ว่ามะเขือเทศธรรมดา ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านนั้น ทำไมถึงได้สร้างเสียงฮือฮาได้มากขนาดนี้
บ่ายของวันนั้น แพรขับมอเตอร์ไซค์ข้ามหมู่บ้านไปที่บ้านลุงเหมือง โชคดีที่เธอเคยมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่ เลยรู้จักและคุ้นเคยหมู่บ้านแห่งนี้ดีพอสมควร
บ้านหลังเล็ก ๆ หลังนั้นอยู่ริมคลองสายเล็ก มีรั้วไม้ไผ่เตี้ย ๆ ล้อมรอบ แปลงผักหลังบ้านถูกดูแลอย่างดี ผักสวนครัวริมรั้วแตกยอดสวยงาม ดูก็รู้ว่าเจ้าของใส่ใจมากขนาดไหน เธอจอดมอเตอร์ไซค์ไว้นอกรั้วแล้วเดินไปบริเวณหน้าบ้าน
“ลุงเหมือง ลุงเหมืองอยู่ไหมคะ?” เธอตะโกนเรียก
ประตูบ้านเปิดออก ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีเดินออกมาพร้อมหมวกสานใบสีส้มในมือ
“อ้าว หนูแพรนั่นเอง มีอะไรเรอะ?”
“คือ…หนูได้ยินแม่ค้าที่ตลาดพูดถึงมะเขือเทศของลุง ก็เลยอยากมาดูด้วยตัวเองค่ะ”
ลุงเหมืองหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า “เดินตามมาสิ เดี๋ยวลุงพาไปดู”
แพรเดินตามลุงเหมืองไปทางหลังบ้าน ตรงนั้นคือแปลงผักและแปลงมะเขือเทศที่ปลูกเรียงกันเป็นแถวสวยงาม มีผักสวนครัวหลากหลายชนิด และต้นมะเขือเทศหลายต้น
ลูกมะเขือเทศสีแดงสดเต็มต้น เปลือกดูเงางาม เนื้อแน่นจนมองจากไกล ๆ ยังรู้สึกได้ถึงความสด แพรตาโตเมื่อได้เห็น มะเขือเทศของลุงเหมืองสีแดงสดน่ากินเหมือนที่แม่ค้าพูดกันจริง ๆ
“โหลุง แค่เห็นก็อยากกินแล้ว”
“ลุงปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเลยนะ น้ำก็ใช้น้ำคลองหน้าบ้าน ดินก็เป็นดินที่ลุงผสมเองกับมือ ปุ๋ยก็ใช้เศษใบไม้กับเศษขี้วัว” ลุงเหมืองพูดไปยิ้มไป
“ตอนแรกก็แค่ปลูกไว้กินเองที่บ้านกับที่แปลงผักที่โรงเรียนเอาไว้ให้แม่ครัวทำอาหารให้เด็ก ๆ บ้าง แบ่งเพื่อนบ้านบ้าง ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนพูดถึงเยอะขนาดนี้”
“พวกแม่ค้าบอกว่ารสชาติมันอร่อยเข้มข้นมากเลย หนูก็เลยอยากลองชิมดู”
“เอาสิ ลองเด็ดมากินสักลูก ล้างน้ำก่อนนะ น้ำอยู่ในโอ่งตรงนั้นน่ะ”
ลุงเหมืองเอ่ยบอกพลางชี้มือไปที่โอ่งมังกรที่ตั้งอยู่ไม่ไกล แพรลองเด็ดลูกเล็ก ๆ มาหนึ่งลูกตามที่ลุงเหมืองอนุญาต เดินตรงไปยังโอ่งน้ำ ล้างมะเขือเทศในมือแล้วเอาเข้าปาก
“หือ...”
แค่กัดเข้าไปคำแรก น้ำมะเขือเทศก็แตกออกในปาก รสชาติไม่เหมือนกับมะเขือเทศทั่ว ๆ ไปที่เธอเคยกินเลย มันหวานแบบพอดี มีกลิ่นหอมเฉพาะ และไม่มีรสเปรี้ยวโดดจนทำให้หมดอร่อย
“อร่อยมากเลยลุง ลุงจะปลูกเพิ่มไหมคะ” แพรถามด้วยความอยากรู้
“เริ่มคิดอยู่เหมือนกัน หลายคนก็แวะมาถาม เห็นว่าจะเอาไปขายต่อ” ลุงเหมืองเกาหัวแกรก ๆ
“แต่ลุงทำคนเดียว แม่ลุงก็แก่แล้ว จะให้ทำเยอะก็คงไม่ไหว ต้องหาแรงหาคนช่วย”
“ถ้าลุงจะปลูกเพิ่ม หนูช่วยได้นะคะ” เธอพูดขึ้นอย่างไม่ต้องคิด
ลุงเหมืองหันมายิ้มให้ “จริงเหรอ? งั้นลุงจะลองคิดดูอีกที แล้วกัน”
“ลุงลองคิดดูนะคะ ถ้าปลูกขายจริงจัง หนูว่าต้องขายดีแน่”
บ่ายวันนั้นแพรกลับบ้านพร้อมกับมะเขือเทศสามลูกใหญ่ในกระเป๋าผ้า ขณะที่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านตลาดประจำหมู่บ้าน ก็มีแม่ค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตาสองสามคนโบกมือเรียก
“หนูแพร ไปหาลุงเหมืองมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ลุงแกใจดีมากเลย แถมมะเขือเทศก็อร่อยจริง ๆ ด้วย นี่ แกยังให้หนูมาอีกตั้งสามลูกใหญ่ ๆ”
“ถ้าลุงเหมืองปลูกขายมากขึ้น พวกเราจะอุดหนุนแน่นอน”
เสียงพูดคุยในตลาดขนาดเล็กในชุมชนเริ่มเปลี่ยนไปจากแค่การซื้อขาย เป็นการพูดถึงโอกาสที่เริ่มงอกขึ้นจากผืนดินธรรมดา
บางที เรื่องเล็ก ๆ อย่างเรื่องของมะเขือเทศลูกหนึ่ง อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
ไม่ใช่แค่กับลุงเหมือง แต่อาจจะทั้งหมู่บ้านเลยก็ได้...
เช้าวันใหม่ที่บ้านดอนแดงพัฒนา สายลมอ่อนพัดไหวผ่านยอดไม้ เสียงนกเอี้ยงร้องระงมรับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอุ่นพาดผ่านบ้านไม้หลังเก่าที่ยังตั้งอยู่ในบริเวณบ้านเดิมของลุงเหมืองถึงแม้จะมีบ้านหลังใหม่ทันสมัยที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก แต่ลุงเหมืองก็ยังคงเก็บบ้านไม้หลังนี้ไว้ด้วยความรัก ที่แห่งนี้เป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของเขา เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต บ้านที่ไม่ว่าจะมองไปที่ตรงมุมไหน ก็จะเห็นบรรยากาศความอบอุ่นที่ตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอเสียงรถกระบะคันใหม่สีแดงเข้มแล่นผ่านถนนลูกรังหน้าโรงเรียนบ้านดอนแดงพัฒนา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายกมือไหว้ทักทายลุงเหมืองด้วยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคย “กลับมากวาดโรงเรียนอีกแล้วเหรอลุงเหมือง”เสียงของคำชัยที่ยืนพิงเสาไม้หน้าร้านขายของชำเอ่ยทักขึ้นมาลุงเหมืองยิ้มกว้างตอบกลับ “ใช่ ต่อให้ก้าวหน้าไปได้ไกลก็ไม่ลืมจุดยืนเดิมของตัวเองหรอกคำชัย”โรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เด็กนักเรียนยังใส่ชุดนักเรียนสีขาวสะอาดเดินเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กบางคนเหลียวมองชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ก้มหน้ากวาดพื้นทาง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาที่ลานหน้าบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีแดงอิฐเดินเข้าออฟฟิศกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงพูดคุยทักทายเบา ๆ ดังคลอท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นดินหลังฝนเมื่อคืนที่เพิ่งหยุดตกโชยมาแตะจมูกภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ลุงเหมืองยืนอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ด มีแพรและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ล้อมวงนั่งอยู่ด้านหน้า“อาทิตย์หน้าลุงจะต้องไปญี่ปุ่นเพื่อบรรยายที่เวทีระดับโลกนะครับลุงเหมือง”หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพูดพลางเปิดแฟ้มงาน ลุงเหมืองพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง“แต่ก่อนที่ลุงจะไป ลุงอยากให้พวกเรากลับมาทบทวนว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง และเราจะเดินต่อไปแบบไหน”แพรเสริมขึ้นทันที “ใช่ค่ะ ลุงเหมืองพูดถูกที่สุด ทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่ฟาร์มเล็ก ๆ แล้ว แต่เป็นบริษัทส่งออกที่มีพันธมิตรในหลายประเทศ มีคนไว้วางใจในคุณภาพมะเขือเทศของเรา นอกจากมะเขือเทศแล้ว เรายังมีผักอื่น ๆ อีกปลูกเพิ่มอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าเราเริ่มจากตรงไหน”ลุงเหมืองหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนึ่งที่ปกข้างหน้ามีคำเขียนด้วยลายมือว่า “แผนชีวิตจากแปลงด
เช้าวันหนึ่งในช่วงต้นฤดูหนาว แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานของลุงเหมืองภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยแฟ้มงาน ปากกา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ แต่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่แสนยุ่งของบริษัท ในเช้าวันนี้กลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษแพรเปิดซองจดหมายนั้นแล้วอ่านด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น"ลุง เป็นจดหมายเชิญจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เขาเชิญลุงไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานมหกรรมเกษตรประจำจังหวัดปีนี้ค่ะ"ลุงเหมืองเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ เขามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน"เขาเชิญจริงเหรอ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะเห็นค่าคนบ้านนอกอย่างลุง รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"แพรยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบกลับ "เขาไม่ใช่แค่เห็นนะคะลุง เขายังแนบมาด้วยว่า จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ลุงในฐานะบุคคลต้นแบบเกษตรกรของจังหวัด และมอบโล่เกียรติคุณให้กับบริษัทของเรา ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อตรงต่อผู้บริโภคด้วยค่ะ"ลุงเหมืองวางปากกาในมือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความภูมิใจ ทั้งความซาบ
เช้าวันจันทร์อันเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเล็กในหมู่บ้านดอนแดงพัฒนา ในบ้านหลังเดิมที่ในตอนนี้เพิ่มเติมคือมีบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บ้างกัน แม้จะปลูกบ้านหลังใหม่แล้ว แต่ลุงเหมืองก็ไม่ต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าออก นั่นก็เพราะที่นี่คือทุกความทรงจำวันนี้ลุงเหมืองตื่นขึ้นแต่เช้าตามนิสัยเดิม เขาเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ้ตสีซีดที่รีดเรียบไว้เมื่อคืนขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกมายังเฉลียงหน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ"อีกวันแล้วสินะ อีกวันของการได้สู้ต่อ"ถึงแม้วันนี้ลุงเหมืองจะไม่ต้องตอกบัตรเข้าโรงเรียนเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังเป็นภารโรง แต่กิจวัตรของเขากลับยุ่งยากกว่าเดิมนับสิบเท่า ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของบริษัทใหญ่ เป็นเจ้าของแบรนด์มะเขือเทศที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงระดับโลก เป็นแรงบันดาลใจของชาวบ้าน และก็ยังเป็นคนของชุมชนเสมอลุงเหมืองเดินไปยังกระถางต้นมะเขือเทศที่ตั้งเรียงไว้ข้างเฉลียง ยื่นมือไปลูบเบา ๆ ที่ใบเขียวชอุ่มและยิ้มอย่างพอใจ“ทุกอย่างเริ่มจากเจ้าพวกนี้สินะ”เช้าวันนั้น ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด สาขา
เสียงเครื่องคัดแยกผลผลิตดังกึกก้องอยู่ในโรงงานบรรจุมะเขือเทศของบริษัท เหมืองแดง อินเตอร์เทรด จำกัด ลุงเหมืองในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนก้าวเท้าเข้าไปตรวจดูผลผลิตที่เพิ่งถูกบรรจุลงกล่องส่งออกล็อตใหม่ด้วยสายตาพึงพอใจจากแปลงผักเล็ก ๆ หลังบ้าน หลังโรงประชุมของโรงเรียน จากฟาร์มขนาด 1 ไร่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก วันนี้ชื่อของ "เหมืองแดง" ถูกพูดถึงในวงการเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในหลายเมืองใหญ่ของโลกเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ปลูกด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นอดีตภารโรงจากบ้านดอนแดงพัฒนา ผู้ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกมะเขือเทศพันธุ์แดงหวานตะวันออกที่ผู้คนต่างรู้จัก“ลุงเหมืองครับ ออเดอร์จากดูไบรอบใหม่น่าจะส่งได้สัปดาห์หน้า ทีมคัดแยกอยากขอเพิ่มคนหน่อยครับ”เสียงของหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ลุงเหมืองพยักหน้าแล้วหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาจ่อปาก“ฝ่ายบุคคลครับ ช่วยจัดคนเพิ่มที่ไลน์คัดแยกดูไบรอบใหม่ด้วยนะครับ”พูดจบ เขาก็หันไปยิ้มกับพนักงานคัดแยกคนหนึ่ง“ขอบใจมากนะ ขยันขันแข็งกันจริง ๆ ขอบคุณที่สู้ด้วยกัน”“ด้วยความยิ
เสียงรถตู้ของทีมงานจากต่างประเทศแล่นเข้ามาจอดที่หน้าฟาร์มเหมืองแดงในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อนของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านต้นมะม่วงหน้าบ้าน เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ลิบ ๆ แต่เสียงนั้นกลับเบาไปถนัดตา เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาในตอนนี้“ลุงเหมืองมาแล้ว สารคดีต่างประเทศมาแล้ว”เด็ก ๆ วิ่งกรูมาตามถนนดินแดงที่เคยเงียบเหงา ส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านลุงเหมืองใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวดูสะอาดตา ตัดกับกางเกงผ้าสีเข้มยืนรออยู่หน้าฟาร์ม และมีแพรอยู่ข้าง ๆ ในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เรียบง่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลงดิน“ไม่คิดเลยนะคะว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้” แพรพูดเบา ๆ“ลุงก็ไม่คิดเหมือนกัน แค่คิดว่าจะปลูกกินเอง ขายได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว”ทีมงานสื่อสารคดีจากญี่ปุ่นก้าวลงจากรถ เคย์โกะอยู่ข้างหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงเหมือง คุณแพร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”“ยินดีต้อนรับครับคุณเคย์โกะ ยินดีต้อนรับทุกคน เชิญทางนี้ครับ”ลุงเหมืองกล่าวน้ำเสียงมั่นใจและหนักแน่น แม้ภายในจะยัง