ช่วงเช้าของวันถัดมา ตลาดประจำอำเภอ
ในตลาดเริ่มคึกคักตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง เสียงพ่อค้าแม่ค้าพูดจาหยอกล้อกันดังไปทั่วซอยทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างแผงขายของ กลิ่นของข้าวเหนียวหมูปิ้งและกลิ่นหอมของกาแฟโบราณโชยมาแตะจมูก อีกทั้งผักสดที่เพิ่งเก็บจากสวนผสมผสานกันเป็นกลิ่นเฉพาะของที่นี่ ทั้งอบอุ่น เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
บางคนมาที่ตลาดตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แม้จะไม่ได้มาซื้อของอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ของบรรยากาศยามเช้าและสังเกตหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัว และทันทีที่เดินผ่านแผงผักของป้าดาว ก็ได้ยินบทสนทนาที่ทำให้หยุดฟังโดยไม่ตั้งใจพลางเลือกดูผักที่แผงไปด้วย
“วันก่อนฉันไปซื้อมะเขือเทศตาเหมืองคนในหมู่บ้านเดียวกันมากิน อร่อยมากเลยนะ เห็นบอกเป็นมะเขือเทศพันธุ์ใหม่”
ป้าดาวเอ่ยขึ้นในขณะที่มือก็จัดเรียงผักในแผงขายให้เป็นระเบียบ
“มันก็คงไม่ต่างกับที่เรา ๆ ขายอยู่หรอกมั้ง ยังไงก็มะเขือเทศเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน ๆ ฉันกล้ารับรองเลย มันอร่อยมากจริง ๆ นะ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานกำลังดี เอาไปทำอาหารก็อร่อยกลมกล่อม ลูกสาวฉันเอาไปปั่นทำน้ำมะเขือเทศกิน รสชาติดีสุด ๆ เลย ต้องลองนะ วันนี้ฉันรับมาขายด้วย”
“พูดจริงเหรอ ไหนขอดูหน่อย”
“นี่เลย ฉันได้มาแค่ 6 โลเองนะ ของดีมีน้อย มาเลย ๆ กองละ 20 บาท เอาเลย ๆ”
“โห ลูกใหญ่มาก สีแดงดีจริง ๆ นะ แดงสดกว่ามะเขือที่เคยซื้อกันอีก งั้นฉันเอา 2 กอง”
“ฉันเอา 3 กองเลย”
“ป้า ฉันเอาด้วย”
“ฉันเอากองนึงนะ ขอลองก่อน”
“ได้ ๆ เดี๋ยวฉันใส่ถุงให้”
เสียงลูกค้าดังประสานกันเซ็งแซ่ เมื่อเห็นขนาดมะเขือเทศที่ป้าดาวโชว์ให้ดู ต่างก็แย่งกันซื้อ จนในที่สุด มะเขือเทศที่รับมาจากลุงเหมืองก็หมดลงก่อนผักชนิดอื่น ๆ ในแผงผัก คนที่ซื้อไปมีทั้งคนที่มาเดินตลาดและแม่ค้าพ่อค้าแผงข้างกัน ช่วงสายคนเริ่มบางตาลง ป้าดาวนั่งนับเงินที่ขายของได้ในวันนี้ พลางคิดว่าจะรับมะเขือเทศจากลุงเหมืองมาขายเพิ่ม
เช้าวันถัดมา ในตลาดประจำอำเภอ
วันนี้ป้าดาวก็มาจัดแผงขายผักแต่เช้าตรู่เช่นเคย แต่ไม่มีมะเขือเทศของลุงเหมืองมาด้วย เพราะเมื่อวานนี้ หลังจากตลาดวาย ป้าดาวเก็บของกลับบ้านและตรงไปที่บ้านของลุงเหมืองก็ได้คำตอบว่า ถ้าจะรับมะเขือเทศเพิ่มก็ต้องรออีกประมาณ 6 วันถึงจะเก็บเกี่ยวล็อตใหม่ได้
“เมื่อวานเอามะเขือเทศลุงเหมืองมาขาย ตั้งไว้แป๊บเดียวหมดเกลี้ยง”
ป้าดาวเอ่ยอย่างดีใจ พลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“ลูกค้าแย่งกันเหมือนแจกฟรี”
“แต่ของเขาดีจริงอย่างที่แกว่าเลยดาว ลูกแน่น สีแดงสดมาก แถมเก็บไว้ได้นานกว่าที่เราเคยซื้อกันอีก” ป้าบัวที่นั่งติดกันกล่าวเสริม
“ฉันเอากลับไปใส่ยำและทำน้ำพริกอ่องก่อนที่บ้าน อร่อยจริง กลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนที่เหลือไม่ได้เก็บเข้าตู้เย็น ตั้งไว้ข้างนอกก็ยังไม่เหี่ยวเลย”
เสียงของแม่ค้าแผงขายของพูดคุยกันเซ้งแซ่ ทำให้ลูกค้าบางคนที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นไปด้วย
“ใช่ ๆ ลูกค้าที่ร้านส้มตำฉันยังถามเลยว่าไปเอามาจากไหน เขาบอกว่ารสชาติมันอร่อยกว่ามะเขือเทศทั่วไปที่เคยกินมา”
ป้าสีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองไปมองลูกค้าสาวที่กำลังยืนเลือกไข่ไก่ที่แผงขายของตน
“นี่นังหนู เธอเคยกินมะเขือเทศของลุงเหมืองหรือยัง”
“ยังเลยค่ะป้า” ลูกค้าสาวตอบตามตรง
“ลุงเหมืองที่อยู่หมู่บ้านดอนแดงพัฒนาใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามต่อ
“ใช่ ๆ เอ็งรู้จักด้วยเรอะ”
“รู้จักค่ะ แกเป็นภารโรงที่โรงเรียนในหมู่บ้านนั้น พอดีหนูเคยไปฝึกสอนที่นั่นค่ะ บ้านหนูก็อยู่หมู่บ้านคลองกุด ติดกับหมู่บ้านดอนแดงพัฒนาเลย ไม่ไกลกัน” ลูกค้าสาวตอบยาวเหยียด
“ใช่ ๆ คนที่เป็นภารโรงที่โรงเรียน แล้วก็ปลูกผักขายนั่นแหละ” ป้าดาวว่า
“ที่แท้เอ็งก็อยู่หมู่บ้านใกล้กันนี่เอง รู้ไหม ตอนนี้มะเขือเทศของเขากำลังดังเลยนะ เมื่อวานป้าเอามาขาย แป๊บเดียวเกลี้ยงแผง”
เรื่องของมะเขือเทศลุงเหมืองถูกพูดถึงต่ออีกพักใหญ่ จนกระทั่งแม่ค้าหลายคนเริ่มคุยกันว่าอยากไปรับมาขายเองบ้าง ป้าบัวถึงกับเสนอว่า ถ้าลุงเหมืองปลูกได้เยอะกว่านี้ จะลองเอาไปลงขายตลาดในอำเภอใกล้เคียง ซึ่งเป็นอำเภอที่ใหญ่กว่าและมีตลาดใหญ่ทุกเย็นวันพุธและวันศุกร์
ลูกค้าสาวคนนั้น หรือชื่อของเธอก็คือ แพร เธอกลับบ้านตอนเจ็ดโมงเช้า ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า “มะเขือเทศของลุงเหมือง” จากที่ได้ฟังแม่ค้าในตลาดพูดคุยกัน มันก็ทำให้เธอรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาจริง ๆ ว่ามะเขือเทศธรรมดา ๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านนั้น ทำไมถึงได้สร้างเสียงฮือฮาได้มากขนาดนี้
บ่ายของวันนั้น แพรขับมอเตอร์ไซค์ข้ามหมู่บ้านไปที่บ้านลุงเหมือง โชคดีที่เธอเคยมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่ เลยรู้จักและคุ้นเคยหมู่บ้านแห่งนี้ดีพอสมควร
บ้านหลังเล็ก ๆ หลังนั้นอยู่ริมคลองสายเล็ก มีรั้วไม้ไผ่เตี้ย ๆ ล้อมรอบ แปลงผักหลังบ้านถูกดูแลอย่างดี ผักสวนครัวริมรั้วแตกยอดสวยงาม ดูก็รู้ว่าเจ้าของใส่ใจมากขนาดไหน เธอจอดมอเตอร์ไซค์ไว้นอกรั้วแล้วเดินไปบริเวณหน้าบ้าน
“ลุงเหมือง ลุงเหมืองอยู่ไหมคะ?” เธอตะโกนเรียก
ประตูบ้านเปิดออก ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีเดินออกมาพร้อมหมวกสานใบสีส้มในมือ
“อ้าว หนูแพรนั่นเอง มีอะไรเรอะ?”
“คือ…หนูได้ยินแม่ค้าที่ตลาดพูดถึงมะเขือเทศของลุง ก็เลยอยากมาดูด้วยตัวเองค่ะ”
ลุงเหมืองหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้า “เดินตามมาสิ เดี๋ยวลุงพาไปดู”
แพรเดินตามลุงเหมืองไปทางหลังบ้าน ตรงนั้นคือแปลงผักและแปลงมะเขือเทศที่ปลูกเรียงกันเป็นแถวสวยงาม มีผักสวนครัวหลากหลายชนิด และต้นมะเขือเทศหลายต้น
ลูกมะเขือเทศสีแดงสดเต็มต้น เปลือกดูเงางาม เนื้อแน่นจนมองจากไกล ๆ ยังรู้สึกได้ถึงความสด แพรตาโตเมื่อได้เห็น มะเขือเทศของลุงเหมืองสีแดงสดน่ากินเหมือนที่แม่ค้าพูดกันจริง ๆ
“โหลุง แค่เห็นก็อยากกินแล้ว”
“ลุงปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเลยนะ น้ำก็ใช้น้ำคลองหน้าบ้าน ดินก็เป็นดินที่ลุงผสมเองกับมือ ปุ๋ยก็ใช้เศษใบไม้กับเศษขี้วัว” ลุงเหมืองพูดไปยิ้มไป
“ตอนแรกก็แค่ปลูกไว้กินเองที่บ้านกับที่แปลงผักที่โรงเรียนเอาไว้ให้แม่ครัวทำอาหารให้เด็ก ๆ บ้าง แบ่งเพื่อนบ้านบ้าง ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนพูดถึงเยอะขนาดนี้”
“พวกแม่ค้าบอกว่ารสชาติมันอร่อยเข้มข้นมากเลย หนูก็เลยอยากลองชิมดู”
“เอาสิ ลองเด็ดมากินสักลูก ล้างน้ำก่อนนะ น้ำอยู่ในโอ่งตรงนั้นน่ะ”
ลุงเหมืองเอ่ยบอกพลางชี้มือไปที่โอ่งมังกรที่ตั้งอยู่ไม่ไกล แพรลองเด็ดลูกเล็ก ๆ มาหนึ่งลูกตามที่ลุงเหมืองอนุญาต เดินตรงไปยังโอ่งน้ำ ล้างมะเขือเทศในมือแล้วเอาเข้าปาก
“หือ...”
แค่กัดเข้าไปคำแรก น้ำมะเขือเทศก็แตกออกในปาก รสชาติไม่เหมือนกับมะเขือเทศทั่ว ๆ ไปที่เธอเคยกินเลย มันหวานแบบพอดี มีกลิ่นหอมเฉพาะ และไม่มีรสเปรี้ยวโดดจนทำให้หมดอร่อย
“อร่อยมากเลยลุง ลุงจะปลูกเพิ่มไหมคะ” แพรถามด้วยความอยากรู้
“เริ่มคิดอยู่เหมือนกัน หลายคนก็แวะมาถาม เห็นว่าจะเอาไปขายต่อ” ลุงเหมืองเกาหัวแกรก ๆ
“แต่ลุงทำคนเดียว แม่ลุงก็แก่แล้ว จะให้ทำเยอะก็คงไม่ไหว ต้องหาแรงหาคนช่วย”
“ถ้าลุงจะปลูกเพิ่ม หนูช่วยได้นะคะ” เธอพูดขึ้นอย่างไม่ต้องคิด
ลุงเหมืองหันมายิ้มให้ “จริงเหรอ? งั้นลุงจะลองคิดดูอีกที แล้วกัน”
“ลุงลองคิดดูนะคะ ถ้าปลูกขายจริงจัง หนูว่าต้องขายดีแน่”
บ่ายวันนั้นแพรกลับบ้านพร้อมกับมะเขือเทศสามลูกใหญ่ในกระเป๋าผ้า ขณะที่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านตลาดประจำหมู่บ้าน ก็มีแม่ค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตาสองสามคนโบกมือเรียก
“หนูแพร ไปหาลุงเหมืองมาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ลุงแกใจดีมากเลย แถมมะเขือเทศก็อร่อยจริง ๆ ด้วย นี่ แกยังให้หนูมาอีกตั้งสามลูกใหญ่ ๆ”
“ถ้าลุงเหมืองปลูกขายมากขึ้น พวกเราจะอุดหนุนแน่นอน”
เสียงพูดคุยในตลาดขนาดเล็กในชุมชนเริ่มเปลี่ยนไปจากแค่การซื้อขาย เป็นการพูดถึงโอกาสที่เริ่มงอกขึ้นจากผืนดินธรรมดา
บางที เรื่องเล็ก ๆ อย่างเรื่องของมะเขือเทศลูกหนึ่ง อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
ไม่ใช่แค่กับลุงเหมือง แต่อาจจะทั้งหมู่บ้านเลยก็ได้...