“แก…แกเป็นใครกันแน่!?” อาทิตย์ละล่ำละลั่ก
“เป็นผีมาทวงคืนความยุติธรรมให้วราลี”
“อีบ้า! เพ้อเจ้อ!”
“เอ้า พอบอกไปก็ไม่เชื่อซะงั้น” ฉันลุกขึ้น เดินไปรอบ ๆ ช้า ๆ อย่างสบายใจ
“เอาล่ะ ขั้นตอนต่อไปฉันจะเรียกตำรวจมาจับแก” ก่อนจะหมุนตัวไปเผชิญหน้า และใช้ปลายมีดเชยคางคนตรงหน้าขึ้นมา
“และสิ่งที่แกต้องทำ…คือสารภาพกับตำรวจให้หมดเปลือกว่าแกเคยทำอะไรเลว ๆ กับวราลีไว้บ้าง ถึงฉันจะอัดเสียงแกไว้หมดแล้วก็เถอะ แต่แกก็ต้องสารภาพด้วยตัวเองอยู่ดี ไม่งั้น…”
ฉันกระชับมีดให้แน่น ก่อนจะเงื้อมือขึ้นในท่าแทง อาทิตย์เบิกตากว้างร้องลั่น ฉันแทงมีดลงมาอย่างแรง แต่ทว่าจงใจหยุดมือให้ปลายมีดคมปลาบอยู่ห่างจากดวงตาเขาแค่เซนติเมตรเดียว ฉันจ้องใบหน้าของอาทิตย์ที่กำลังกลัวสุดขีด เขาคงไม่คิดว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรมาเป็นแบบนี้ได้
ฉันลดมีดลง เดินอ้อมไปข้างหลังเก้าอี้ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงตรงมือที่ถูกมัดไว้ของอาทิตย์
“อันนี้เป็นค่ามัดจำ”
“อะไร!? แกจะทำอะ
เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบาดังคลอภายในโบสถ์หินอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้โทนขาวครีมและเขียวอ่อน สะอาดตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แสงแดดจากหน้าต่างกระจกสีที่สูงจรดเพดานสาดลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระเจ้ากำลังอวยพรฉันยืนอยู่หลังประตูไม้ของโบสถ์ ลมหายใจตื่นเต้นจนต้องกลั้นเอาไว้ มือแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา ที่วันนี้มารับหน้าที่จูงฉันเข้าไปในโบสถ์“พร้อมไหม” เขาถามเสียงเบาฉันพยักหน้า กลั้นยิ้มอย่างเกร็งนิด ๆ“พร้อมค่ะ”ประตูโบสถ์เปิดออก เสียงเปียโนท่อนแรกของ Canon in D ดังขึ้นทุกสายตาหันมามองฉันในชุดเจ้าสาวสีงาช้างที่ตัดเข้ารูปอย่างสง่างาม ผ้าคลุมยาวลากพื้นพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินคุณหญิงสมศรียิ้มกว้างสุดหัวใจ น้ำตาคลอจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบ่อยครั้ง แต่ไม่วายหันไปกระซิบกับนาลันว่า“สวยเหมือนย่าตอนสาว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ”นาลันหัวเราะเบา ๆ ยกนิ้วโป้งให้ฉันแทนคำชม ข้าง ๆ เธอ ภาวินท์และชนกันต์ยกกล้องขึ้นถ่ายช็อตสำคัญไม่หยุด ส่วนพลอยไพลินที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างแม่ฉัน ก็ยิ้มบา
แสงเจิดจ้าระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์หรูหราขนาดใหญ่ภายห้องโถงใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวกลางใจเมืองดูจะแพ้แสงแฟลชจากเหล่ากล้องสื่อมวลชนที่เข้าประจำการตั้งแต่เช้า ด้านหน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งสื่อ นักข่าว แขกผู้มีเกียรติ และหุ้นส่วนธุรกิจจากทั่วเอเชียที่ต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของ ‘ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์’ข่าวการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ TP กรุ๊ป ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านภายในตระกูล แต่คือ ‘เหตุการณ์ระดับชาติ’ สำหรับวงการธุรกิจสื่อทุกแขนงถ่ายทอดสด บรรยายตื่นเต้นราวกับกำลังดูฟุตบอลนัดชิง พาดหัวข่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งคำว่า‘ทายาทหมื่นล้านเปิดตัวอย่างสง่างาม’‘ภูริ ผู้นำอาณาจักรทรัพย์ไพศาลอนันต์สู่อนาคตใหม่’หรือแม้แต่ ‘จับตา! ยุคใหม่ของ TP กรุ๊ปจะไปทางไหนเมื่ออยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่’แต่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของตึก…โลกทั้งใบของภูริกลับเงียบงัน มีเพียงเสียงสูดหายใจลึก ๆ ของเขา กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยจัดปกสูทให้เข้าที่“แน่ใจเหรอครับว่าพี่ไม่ดูต
เสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องสีขาวสะอาดตาฉันรู้สึกถึงความเย็นของผ้าปูเตียง และกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยเข้าจมูกเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานโรงพยาบาล และแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ้าม่าน“ฟื้นแล้วเหรอครับ ลูกพี่”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ก่อนที่ใบหน้าของชนกันต์จะโผล่เข้ามาในสายตาฉันพยายามยันตัวขึ้น เขารีบช่วยประคองทันที“ใจเย็นครับ เพิ่งได้สติไม่ถึงชั่วโมงเอง”ฉันยิ้มบาง พลางหลุบตาลง“…เรา…ชนะแล้วเหรอ?”ชนกันต์พยักหน้า“ครับ พวกผมเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดหลังเสียงปืนนัดสุดท้าย ฝ่ายเราเข้าควบคุมโกดังได้หมดแล้ว พวกของจงเหวินที่เหลือถูกจับเรียบ พร้อมของกลางเป็นอาวุธเถื่อนล็อตใหญ่…ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยล่ะครับ”ฉันถอนหายใจยาว ความโล่งอกแล่นวาบไปทั่วร่างแม้จะยังอ่อนแรง“แล้ว…ภูริล่ะ?”ชนกันต์ยิ้ม“ห้องตรงข้ามนี้เองครับ พักฟื้นอยู่เหมือนกัน ผมว่าจะไปเยี่ย
สายตาฉันเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันนอนตะแคงอยู่ข้างถนน ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร...คันนั้นยังดูใช้งานได้ฉันกัดฟันแน่น ฝืนพาร่างตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยถลอกลุกขึ้นยืน มือขวากำปืนไว้แน่น ส่วนมือซ้ายลากขาเปื้อนเลือดค่อย ๆ พาตัวเองไปยังมอเตอร์ไซค์“ฟื้นตัวให้ไวนะ…ฉันยังต้องลุยต่อ” ฉันบ่นกับตัวเอง ขณะยกรถขึ้นและลองบิดเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ ขึ้นมาทันทีราวกับตอบรับฉันคว้าหมวกกันน็อกเก่า ๆ ใบหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างเบาะ สวมมันอย่างรวดเร็ว แล้วบิดคันเร่งออกตัว บนถนนที่เริ่มว่างเปล่า เป้าหมายของฉันคือ...ลินามือข้างหนึ่งของฉันล้วงเครื่องมือสื่อสาร พยายามติดต่อหาชนกันต์ด้วยเสียงหอบแฮก[ลูกพี่!?] ในที่สุดชนกันต์ก็ตอบกลับมาเสียที ฉันถอนหายใจโล่ง“กันต์…พวกมันได้ตัวพี่ภูไปแล้ว!” ฉันเร่งเสียง “ฉันติดเครื่องติดตามไว้ในเสื้อเขา ส่งพิกัดที่ได้มาให้ฉันด่วน!”[เวรเอ๊ย! พวกมันรู้ได้ยังไง!?] เขาสบถ [เดี๋ยวส่งพิกัดให้ภายในสิบวินาที]ฉันตัดสายไป แล้วเร่งเครื่องอย่างเต็มแรงฝ่าเส้นทางสลับซ
ยังไม่ทันที่เราจะได้เริ่มวางแผนอย่างจริงจัง เสียงโทรศัพท์ของภูริก็ดังขึ้นขัดจังหวะทุกคนเหลือบตาไปมองทันที...เป็นเบอร์ไม่รู้จักภูรินิ่งไปครู่หนึ่งก่อนกดรับ พร้อมเปิดลำโพงให้ทุกคนได้ยิน“ครับ?” น้ำเสียงเขานิ่งสนิทตามสไตล์[…คุณภูริ] เสียงปลายสายดังขึ้นชัดเจนจนน่าขนลุกเล็ก ๆฉันกับชนกันต์หันไปสบตากันทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายเสียงนั้นคือ ‘ลินา'[…ฉันอยากนัดพบคุณ] เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่มีความสั่นไหวเล็กน้อย […มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับจงเหวินที่คุณควรรู้]ฉันขมวดคิ้วทันที สัญชาตญาณมันตะโกนดังลั่นในหัวว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ภูริเหลือบตามองฉันฉันพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้รับนัดนั้นไว้เขากลับมาสนทนาต่ออย่างราบเรียบ“ตกลงครับ บอกสถานที่มาได้เลย”หลังวางสาย ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงต่ำ“กับดักชัด ๆ”“ผมรู้” ภูริตอบเรียบ “แต่ถ้าเธอเปลี่ยนใจมาบอกอะไรจริง ๆ เราอาจได้ข้อมูลเพิ่มก่อนถึงวันจริง…คุ้มท
“เดี๋ยวผมรอลูกพี่อยู่ที่นี่แหละ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาคุณภูริด้วยกัน”ฉันพยักหน้าให้ ก่อนจะลงจากรถ“โอเค ฉันไปไม่นานหรอก”ฉันยืนอยู่หน้าประตูบ้าน สูดหายใจลึก พอคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น หัวก็เริ่มหนึบเหมือนระเบิดเวลานับถอยหลังแต่มันจะต้องจบ...วันนี้แหละ ทับทิมจะไม่ได้ลอยนวลอีกต่อไปไม่ถึงนาทีหลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ทันทีที่แม่เห็นฉัน เธอก็รีบลุกพรวดเข้ามาหา น้ำตาคลอเต็มสองตา ก่อนจะโผเข้ามากอดฉันแน่น“วี! ลูกปลอดภัยใช่ไหม?”ฉันยกมือกอดตอบแน่น “ไม่เป็นไรค่ะ แม่…วีไม่เป็นไร”ไม่รอช้า ฉันเรียกรวมตัวสมาชิกภายในบ้านทันที ไม่นานคุณพิชิต ทับทิม และพลอยไพลิน ต่างทยอยกันมานั่งในห้องรับแขก บรรยากาศเงียบกริบ ตึงเครียดจนได้กลิ่นความกลัวลอยฟุ้งไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ทับทิมก็เปิดปากก่อนทันที เสียงเย้ยหยันดังลั่น“อุ๊ย ตายจริง! ได้ข่าวว่าไปทำงามหน้ามาเหรอ? ทำตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์เสียหายเป็นพันล้าน แกจะรับผิดชอบยังไงหา?!”ฉันไม่ตอบ หันไปมองเธอนิ่ง ๆ