“เดี๋ยวผมรอลูกพี่อยู่ที่นี่แหละ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาคุณภูริด้วยกัน”
ฉันพยักหน้าให้ ก่อนจะลงจากรถ
“โอเค ฉันไปไม่นานหรอก”
ฉันยืนอยู่หน้าประตูบ้าน สูดหายใจลึก พอคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น หัวก็เริ่มหนึบเหมือนระเบิดเวลานับถอยหลัง
แต่มันจะต้องจบ...วันนี้แหละ ทับทิมจะไม่ได้ลอยนวลอีกต่อไป
ไม่ถึงนาทีหลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ทันทีที่แม่เห็นฉัน เธอก็รีบลุกพรวดเข้ามาหา น้ำตาคลอเต็มสองตา ก่อนจะโผเข้ามากอดฉันแน่น
“วี! ลูกปลอดภัยใช่ไหม?”
ฉันยกมือกอดตอบแน่น “ไม่เป็นไรค่ะ แม่…วีไม่เป็นไร”
ไม่รอช้า ฉันเรียกรวมตัวสมาชิกภายในบ้านทันที ไม่นานคุณพิชิต ทับทิม และพลอยไพลิน ต่างทยอยกันมานั่งในห้องรับแขก บรรยากาศเงียบกริบ ตึงเครียดจนได้กลิ่นความกลัวลอยฟุ้ง
ไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ทับทิมก็เปิดปากก่อนทันที เสียงเย้ยหยันดังลั่น
“อุ๊ย ตายจริง! ได้ข่าวว่าไปทำงามหน้ามาเหรอ? ทำตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์เสียหายเป็นพันล้าน แกจะรับผิดชอบยังไงหา?!”
ฉันไม่ตอบ หันไปมองเธอนิ่ง ๆ
“เดี๋ยวผมรอลูกพี่อยู่ที่นี่แหละ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาคุณภูริด้วยกัน”ฉันพยักหน้าให้ ก่อนจะลงจากรถ“โอเค ฉันไปไม่นานหรอก”ฉันยืนอยู่หน้าประตูบ้าน สูดหายใจลึก พอคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น หัวก็เริ่มหนึบเหมือนระเบิดเวลานับถอยหลังแต่มันจะต้องจบ...วันนี้แหละ ทับทิมจะไม่ได้ลอยนวลอีกต่อไปไม่ถึงนาทีหลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ทันทีที่แม่เห็นฉัน เธอก็รีบลุกพรวดเข้ามาหา น้ำตาคลอเต็มสองตา ก่อนจะโผเข้ามากอดฉันแน่น“วี! ลูกปลอดภัยใช่ไหม?”ฉันยกมือกอดตอบแน่น “ไม่เป็นไรค่ะ แม่…วีไม่เป็นไร”ไม่รอช้า ฉันเรียกรวมตัวสมาชิกภายในบ้านทันที ไม่นานคุณพิชิต ทับทิม และพลอยไพลิน ต่างทยอยกันมานั่งในห้องรับแขก บรรยากาศเงียบกริบ ตึงเครียดจนได้กลิ่นความกลัวลอยฟุ้งไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ทับทิมก็เปิดปากก่อนทันที เสียงเย้ยหยันดังลั่น“อุ๊ย ตายจริง! ได้ข่าวว่าไปทำงามหน้ามาเหรอ? ทำตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์เสียหายเป็นพันล้าน แกจะรับผิดชอบยังไงหา?!”ฉันไม่ตอบ หันไปมองเธอนิ่ง ๆ
ฉันลุกจากเตียงอีกครั้งในช่วงสาย พลางยืดตัวบิดขี้เกียจ เสียงครางเบา ๆ หลุดจากลำคอด้วยความเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว พอหันไปมองชายที่นอนหลับสบายอยู่ข้าง ๆ ก็อดถอนหายใจไม่ได้คนอะไร...เจ็บตัวแท้ ๆ แต่ความหื่นไม่มีวันพักเลยสิน่าแม้อยากจะทิ้งตัวลงไปนอนต่อข้างเขา แต่ก็รู้ดีว่ายังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ โดยเฉพาะการติดต่อชนกันต์ยังไม่ทันคิด มือถือของภูริก็ดังขึ้นจากโต๊ะข้างเตียงสายเรียกเข้า ‘กวิน’ฉันเหลือบมองภูริที่ยังนอนหลับสนิท ไม่วี่แววจะตื่นง่าย ๆ ด้วยความเหนื่อยสะสม จึงถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วเดินออกไปที่ระเบียง“ฮัลโหล…นี่ฉันเอง”[ลูกพี่! ลูกพี่ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ!] เสียงตะโกนจากปลายสายทำฉันต้องย่นคิ้ว“นายหายหัวไปไหนมา?” ถามเสียงเข้มแต่ไม่ได้ตั้งใจจะดุ[อย่าเพิ่งด่าผมนะ พอลูกพี่โดนจับตัวไปผมก็รีบตามรอยทันที เช้าวันถัดมาคุณภูริฟื้น ผมเลยรีบรวบรวมหลักฐานแล้วก็แชร์ข้อมูลบางส่วนกับเขา แผนดีลพันล้านนั่น...ผมก็มีส่วนนะ...]เขาว่าเสียงอ่อยฉันหัวเราะเบา ๆ
"ไม่เจ็บแผลโดนยิงแล้วเหรอ..." ฉันถามเสียงพร่าเขายิ้มอีกครั้ง ดวงตาทอประกายลึกซึ้ง“ไม่เจ็บ…ตอนนี้อยากกอดมากกว่า" เขาประกบจูบฉันแนบแน่น แล้วผละออกมาช้า ๆ จ้องมองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนทุกครั้งแววตาของเขาเจ้าเล่ห์จนน่าหมั่นไส้“ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ครับ…หรือเพราะพี่เก่งเกินไป?”ฉันตีแขนเขาเบา ๆ “หยุดเลย…”“หยุดทำอะไรครับ ยังไม่ได้เริ่มจริง ๆ เลยนะ”เขาก้มลงกระซิบชิดหู น้ำเสียงกึ่งหัวเราะแต่ทุ้มลึก ปลายลิ้นแตะที่ติ่งหูฉันแผ่ว ๆ ก่อนจะลากลงที่แนวกราม“หรือว่าน้องวีเขินเพราะพี่ทำแบบนี้…”ฉันสะดุ้งเฮือก ร่างกายร้อนวูบขึ้นมาทันทีพอหันไปมองหน้าเขา ก็เหมือนโลกทั้งใบจะหยุดหมุนเพราะภาพตรงหน้า...คือภูริในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนผมเขายุ่งเล็กน้อยจากแรงจูบ เหงื่อบาง ๆ ที่หน้าผาก ลมหายใจที่ถี่และร้อนและดวงตาคู่นั้น ทั้งมืดลึก เร่าร้อน ราวกับมีเปลวไฟกำลังเต้นอยู่ข้างในเขามองฉันด้วยสายตาที่ทั้งหวง ทั้งหื่น ทั้ง
เมื่อกลับถึงคอนโด ฉันไม่รอช้า เดินตรงไปหยิบขวดไวน์ที่ภูริเก็บไว้ในตู้ พร้อมรินมันลงแก้วตัวเองเต็มขอบจากนั้นก็กระดก… รวดเดียวเกือบหมดแก้วแก้มเริ่มร้อน ตาเบลอหน่อย ๆแต่สติยังครบทุกอย่างฉันวางแก้วลงบนโต๊ะ หันไปมองเขาเต็มตา“พี่…เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไหมคะ?” ฉันแค่นยิ้ม ไม่คิดว่าจะต้องพูดประโยคนี้ให้ใครฟังอีกนอกจากชนกันต์ภูริชะงัก คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย“คำถามแปลกดีครับ แต่ตอบตามตรง...ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง”“งั้น…ถือว่าฟังนิทานเรื่องหนึ่งละกันค่ะ” ฉันสูดลมหายใจลึก“จริง ๆ แล้ววี…” ฉันชี้ตัวเอง “วีคนนี้…ไม่ใช่วราลีหรอกค่ะ”เขานิ่ง“วีเป็น…อดีตสายลับที่…ควรจะตายไปแล้ว”วินาทีนั้น ฉันเห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขาไหววูบแต่เขาไม่พูดขัด ไม่แม้แต่จะทำท่าตลกหรือแสดงความไม่เชื่อฉันเล่าต่อ...ทุกอย่าง ตั้งแต่ภาพสุดท้ายก่อนกระสุนนัดนั้นฝังเข้าที่กลางอกโดนยมทูต
ไม่นานนัก คนขับรถก็มาถึง เราทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังบ้านตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์ด้วยความเตึงเครียดเมื่อมาถึง แม่บ้านก็มาเชิญพวกเราให้ไปยังห้องประชุมประจำตระกูลทันที ห้องนั้นใหญ่กว้าง ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงโทนสีน้ำตาลเข้ม ตรงกลางห้อง มีโต๊ะประชุมตัวยาว สมาชิกในตระกูลนั่งกันเรียงรายกันครบทุกคนแล้ว แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทำให้บรรยากาศภายในห้องอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกพริบตาที่ฉันก้าวขาเข้าไปในห้อง พิรมลก็ลุกพรวดขึ้นตวาดเสียงแหลมใส่ทันที“นี่เธอยังกล้าโผล่หน้ามาอีกเหรอ! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่หายตัวไป ตระกูลเราคงไม่ต้องเสียดีลพันล้านให้ไอ้พวกนอกวงการนั่น!”คำพูดของเธอพุ่งมาแรงจนฉันแทบผงะไปหนึ่งก้าวแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยอะไร เตชิตก็กอดอกพยักหน้าเสริมพาขวัญยกมือขึ้นกอดอก ปรายตามองอย่างรังเกียจ“โห...นึกว่าภรรยาว่าที่ผู้นำ TP กรุ๊ป จะเจ๋งกว่านี้ ที่แท้ก็แค่ตัวถ่วง”เตชินท์ที่นั่งอยู่หัวมุมโต๊ะ หันมาสบตาฉันแล้วกล่าวอย่างเฉยชา“การตัดสินใจยกดีลให้พวกนั้นเนี่ย มันส่งผลถึงทั้งองค์กรนะ
หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จ ฉันเก็บจานลงซิงก์ ล้างเรียบร้อย ก่อนที่จะไปอาบน้ำ เตรียมกะละมังใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนู เมื่อออกมาที่ห้องนั่งเล่น ก็เจอคนเจ็บนั่งกอดอกรออยู่บนโซฟาอย่างสงบเสงี่ยมเมื่อเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าก๊อซให้เขาเสร็จ ฉันก็ปล่อยเขานอนพักบนโซฟา แล้วไปหยิบแล็ปท็อปจากกระเป๋า กลับมานั่งข้าง ๆ เขา ก่อนจะเปิดเอกสารแน่นเอียดขึ้นมาทำงานต่อ แต่ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรได้เกินสามบรรทัด...“น้องวี…”“...”“พี่เบื่อจังเลย”“พักค่ะ” ฉันตอบโดยไม่หัน“แต่พี่อยากคุยด้วย”ฉันถอนหายใจ หันไปมองเขาที่กำลังเอาคางพาดหมอนบนพนักโซฟา มองฉันเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง“พี่ภู… พี่ต้องพัก ฟื้นตัวให้เต็มที่ก่อน”เขายื่นมือมาจับชายเสื้อฉันเบา ๆ สายตาเว้าวอน“น้องวีนั่นแหละยาดีที่สุดของพี่…”โอเค...ฉันแพ้ฉันวางแล็ปท็อปไว้บนโต๊ะกลางหน้าทีวี ปล่อยให้เขาเอนศีรษะลงบนตัก“ตอนที่พี่ตื่นมา แล้วรู้ว่าน้องวีหายไป…&rdquo