Share

Chapter6.คนอะไรชื่ออืออา

last update Last Updated: 2024-10-17 21:47:45

            ‘หรือบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตไปนะ’   

เหมยซิงถามตัวเองแล้วพิจารณาจากท่าทางของเขา  นางลองยกแขนของเขาขึ้นและปล่อยลง ท่อนแขนทิ้งตัวลงราวกับกิ่งไม้ร่วง  นางสบตากับดวงตาที่มีแววตื่นตระหนกคู่นั้นแล้วหันไปบอกน้อง ๆ ที่รุมล้อมอยู่ให้ถอยห่างออกไปข้างนอกก่อน  เมื่อในห้องโกโรโกโสไม่มีใครแล้ว นางจึงสูดลมหายใจลึกแล้วส่งยิ้มให้กำลังใจเขา

            “ที่นี่ไม่ผู้อื่นแล้ว เจ้าตั้งใจฟังข้าดี ๆ นะ”  นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเองประกอบคำพูด “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ ถ้าเข้าใจสิ่งที่หรือได้ยิน เจ้าพยักหน้าหนึ่งครั้งนะ”

            แม้คำพูดของนางจะฟังขัดหู แต่ซุนเว่ยหมินจำเป็นต้องทำตาม เขาฝืนพยักหน้าได้หนึ่งครั้งก็เหงื่อซึมออกมาอีกระลอก

            “ดี” นางพยักหน้ารับ  “คราวนี้ลองเปล่งเสียงซิ อา....”

            “....อ..อา...”

            “ดี”  นางยิ้มให้เขาเป็นของรางวัล “ข้าชื่อเหมยซิง เจ้าลองพูดชื่อตัวเองซิ”

            “....อือ...อา...”

            ‘คนอะไรชื่ออืออา’

นางขมวดคิ้วแต่ส่งยิ้มให้ แต่เห็นเขาพยายามเปล่งเสียงหลายครั้งก็ยังเป็นเสียงอือ ๆ อา ๆ อยู่ นางเลยเดาว่าเขาพูดได้แค่นี้ คงมิใช่ชื่อจริงของเขาหรอก

            “เอาเถอะ เจ้าเพิ่งฟื้นค่อย ๆ สภาพร่างกายอาจจะยังปรับตัวไม่ได้” นางไม่อยากให้คนป่วยต้องวิตกกังวลจนเกินไปนัก “หิวน้ำหรือไม่ เจ้าหลับไปสามวันสามคืนเชียว ตื่นมาคงจะหิวแล้วซินะ”

            ได้ยินคำว่าหิว ร่างกายก็เหมือนจะส่งสัญญาณออกไปว่าหิว ซุนเว่ยหมินที่ไม่เคยรู้จักคำว่าอดยากเวลานี้ต้องการทั้งน้ำ อาหาร และคนปรนนิบัติรับใช้อย่างยิ่ง

            “คงจะหิวจริง ๆ ดียิ่งนัก”  แสดงว่าร่างกายกำลังปรับฟื้นตัวเอง  เหมยซิงพึมพำบอกตัวเองแล้วประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นจากที่นอนเก่า ๆ  จะให้เขานั่งแต่หลังงองุ้มเหมือนคนไม่มีแรงจะทรงตัวให้หลังตั้งตรงได้  เหมยซิงเห็นเขานั่งได้โดยไม่ล้มแล้วจึงเอี้ยวตัวไปรินน้ำแล้วจ่อที่ปากของเขา  แต่มือสองข้างไม่สามารถยกขึ้นรับถ้วยน้ำได้ มันทิ้งลงข้างตัวอย่างสงบนิ่ง มีเพียงแววตาของเขาที่แสดงความรู้สึกผิดออกมา

            “ไม่เป็นไร ข้าจะป้อนให้ เจ้าค่อย ๆ ดื่ม ใช่...แบบนี้แหละ ช้า ๆ นะ”

            นางประคองถ้วยน้ำให้เขาได้ดื่มทีละนิด  เพราะความกระหายทำให้อีกฝ่ายสำลัก แต่นางไม่สนใจว่าเขาจะสำลักน้ำลายเปื้อนเปรอะตัวนาง

            “บ้านของข้าอยู่ตีนเขา ห่างไกลจากหมู่บ้านสักหน่อย  ในบ้านของเรามีพ่อบุญธรรมกับน้องชายสามคน และน้องสาวคนเล็กชื่อเหมยลี่ เจ้าพบนางแล้ว” 

            นางพูดพลางรินน้ำอีกชามแล้วค่อย ๆ ป้อนให้เขาอย่างใจเย็น อาศัยว่าตัวเองเคยทำงานพิเศษดูแลผู้ป่วยติดเตียงเมื่อโลกโน้น นางจึงไม่รู้สึกรังเกียจสิ่งที่เขาทำ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ และยังดูเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจทำอะไรได้

เหมยซิงยิ้มให้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา นางนึกถึงเมื่อครั้งที่ยังเป็น ‘พันดาว’ เพราะความจน และแม่ไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้  นางจึงทำงานพิเศษสารพัด  เพื่อนบ้านมีคุณตาที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกหลานคอยดูแลจ้างพยาบาลประจำ แต่อย่างไรไม่รู้ ลูกหลานดูแลกันเอง ตอนนั้นนางอยู่ใกล้ ๆ รั้วบ้านติดกัน แรก ๆ ก็แค่ถูกเพื่อนบ้านไหว้วานซื้อของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ จนบ่อย ๆเข้าก็ให้นางมาช่วยดูแลเป็นบางช่วงเวลาที่คนในบ้านออกไปธุระนอกบ้าน  นางจึงได้เรียนรู้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงไปด้วย แม้จะไม่ได้เรียนกับทางโรงเรียนโดยตรงแต่ก็ได้เรียนกับผู้ชำนาญที่ทำให้นางดูแลคนเจ็บป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้

            หญิงสาวเผลอยิ้มคนเดียว การเป็นคนจนนี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ความจนและการถูกมารดาทอดทิ้ง เป็นสิ่งผลักดันให้นางไปข้างหน้า นางทำงานแทบทุกอย่างที่ทำได้ ขอเป็นเพียงงานที่สุจริตไม่ผิดศีลธรรม และไม่กระทบเวลาเรียน นอกจากงานสตั๊นต์เกิร์ลแล้ว งานเกมโชว์หน้ากล้องหลายรายการนางก็ทำมาแล้ว 

            ซุนเว่ยหมินลอบสังเกตหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างนางผอมบางยิ่งนัก นางรวบผมขึ้นง่าย ๆ มีเพียงปิ่นไม้ธรรมดาปักเส้นผมสีดำของนาง เสื้อผ้าก็แสนเก่าเต็มไปด้วยรอยปะชุน แต่นางกลับยิ้มได้อย่างสดใส นางผละจากเขาไปครู่หนึ่งกลับมาพร้อมผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้เขา เพราะเมื่อครู่รีบดื่มน้ำเร็วเกินไปจนสำลัก นางจึงจำเป็นต้องเช็ดลำคอ และหน้าอกให้  เมื่อดวงตาที่เป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวได้ก้มมองไปตามมือเรียวที่เคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายเขา  ชายหนุ่มถึงกับตัวเกร็งไปทันที

            “เป็นอะไรไป เจ็บรึ”  นางเอ่ยถามเมื่อรู้สึกได้ทันทีว่าเขาตัวเกร็งขึ้นมา “ไม่เป็นไรนะ ข้าจะทำเบา ๆ”

            เขาไม่รู้สึกเจ็บ แต่ที่ตระหนกตกใจเพราะเมื่อมองร่างกายส่วนที่นางเลื่อนเสื้อเนื้อหยาบออก  ผิวกายของเขาควรไม่ขาวซีดเช่นนี้ ซ้ำยังมีปานอยู่ใต้ราวนมด้านซ้ายอีก

            ‘นี่ไม่ใช่ร่างกายของเขา ร่างของเขาต้องกำยำแข็งแกร่งไม่ใช่ผอมบางเช่นนี้!’

            ซุนเว่ยหมินอยากได้กระจกเหลือเกิน เขาอยากเห็นนักว่าใบหน้านี้จะใช่ใบหน้าของ ‘ซุนเว่ยหมิน’ หรือไม่  มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่ ๆ  เขาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้.... ก่อนหน้านี้กี่วันกัน เขาไม่อาจจดจำได้แม่นยำนัก  ถ้าไม่นับรวมวันที่หมดสติไปนั้น เขาเดินทางมาที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ เขาถือราชโองการออกตรวจเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองต่าง ๆ  นานครบปีจึงได้เวลาเดินทางกลับ  ไม่คิดว่าการเดินทางที่ปลอดภัยมาตลอดนั้น จะมาถูกคนลอบสังหารเอาช่วงการเดินทางกลับนี่เอง  

            หากมิใช่เพราะถูกลอบใช้ยาพิษ ทำเอาไร้เรี่ยวแรงต่อสู้  ชายชุดดำแค่ยี่สิบสามสิบคนนั้นไม่คณามือของคนอย่างซุนเว่ยหมินเป็นแน่    สุดท้ายที่จำได้คือเสียงระเบิดดังสนั่น หินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากเขากระทบร่างของเขาตามมาด้วยความเจ็บปวดยากจะบรรยาย 

            แต่เหตุใดเมื่อลืมตาอีกครั้ง เขากลับมาอยู่ในร่างของชายผอมบางผิวขาวซีดดุจคนป่วยใกล้ตายเช่นนี้ ซ้ำยังไม่อาจขยับตัวได้อีก ได้แต่ส่งเสียงครางอืออาในลำคอเท่านั้น!

            เหมยซิงเห็นท่าทางตื่นตระหนกของอีกฝ่ายแล้วก็สงสารจับใจ  นึกถึงตัวเองตอนที่ตื่นฟื้นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหก  นางไม่รู้ว่าคนรอบข้างเป็นใครและอยู่ที่ใด  ยังโชคดีที่พ่อบุญธรรมกับน้อง ๆ เป็นคนจิตใจดี แม้นางเปลี่ยนไป จำอะไรไม่ได้ ก็มิได้รังเกียจ  แต่คนผู้นี้ขยับตัวไม่ได้ พูดจาสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง ช่างน่าเวทนากว่านางยิ่งนัก

            “ฟื้นแล้วรึ”    ติงเชาเดินเข้ามาด้วยการพยุงของเด็ก ๆ  สองสามวันมานี้อาการดีขึ้นจึงพอลุกขึ้นเดินเหินได้บ้าง แต่ก็ยังต้องมีคนช่วยประคอง ทว่าก็ยังดีกว่านอนนิ่ง ๆ อยู่บนที่นอนเช่นที่ผ่านมา 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status