Beranda / โรแมนติก / สนมใบ้ไร้ศักด์ / แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง

Share

แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-22 07:21:55

หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก

“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”

จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา

“เชิญคุณหนู”

หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ

“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจ

เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ

“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของเจิ้งเหม่ยอิงบุตรีบุญธรรมท่านอ๋องจะงดงามเพียงใด”

เสี่ยวเจิ้งปิดปากขำกับท่าทีเกินจริงของจงหลิน ช่างวัดตัวที่เป็นหญิงวัยแก่กว่าไม่กี่มากน้อย ยิ้มย่อกายลงเสี่ยวเจิ้งจับไหล่นางไว้โบกมือห้าม

“ขอบคุณคุณหนู”

ยิ้มด้วยไมตรีจิต สายตาจับจ้องที่รูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเจิ้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยจะเห็นว่าจะมีหญิงงามคนไหนงดงามทั้งใบหน้าและรูปร่างเพียงนี้ นางไปซ่อนกายอยู่ที่ใดมา ท่านอ๋องจะรับนางเป็นลูกบุญธรรมเห็นได้ชัดว่านางงดงามเกินหญิงใดไม่แน่ว่าคำว่าลูกบุญธรรมก็เพียงใช้บังหน้าเท่านั้น อนิจจา ใครกันจะอดคิดเกินเลยไปไกลในเมื่อท่านอ๋องเองก็ยังหนุ่มแน่นไม่ได้แก่ชรา อีกทั้งหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่

“พี่สาวคุณหนูเจิ้งนางพูดไม่ได้ แต่ฟังเราพูดได้ทุกคำ ท่านก็แค่พูดกับนาง เจิ้งเหม่ยอิง ใจดีที่สุุด”

เสี่ยวเจิ้งยิ้มให้กับชือหรูด้วยความที่ไม่ถือตัว

จงหลินพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าพี่สาวช่างวัดตัวตะลึงในความงามของเสี่ยวเจิ้งเหมือนคนอื่นๆ

“เช่นนั้นคุณหนูเจิ้งโปรดเมตตาตาข้าน้อย ร้านเราถูกท่านอ๋องเรียกให้มาตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้ท่าน จึงอยากจะแอบขอให้คุณหนูให้พวกเราตัดอาภรณ์ให้มากหน่อยเพราะจะได้มีรายได้เข้าร้าน คุณหนูงดงามเพียงนี้หากมีใครถามถึงร้านที่ตัดเย็บวานคุณหนูบอกว่าเป็นร้านของเราเพื่อเป็นการโฆษณาไปในตัว”

เสี่ยวเจิ้งเลิกคิ้วสูง

“ว้าข้านี่แย่จริงคุณหนูพูดไม่ได้ จะให้บอกใครได้อย่างไรเอาแบบนี้ดีกว่าเอาเป็นว่าหากคุณหนูไม่ว่าข้าจะอาศัยเอาไปบอกหลายๆคนว่าแม้แต่คุณหนูเจิ้งเหม่ยอิงที่งดงามยังสวมอาภรณ์ที่ตัดจากร้านของเรา”

เสี่ยวเจิ้งยกนิ้วยิ้มบางๆ จงหลินหัวเราะสบตากับเสี่ยวเจิ้งขำๆ

เสียงพูดคุยด้วยความสนิทสนมดังเล็ดลอดออกมาด้านนอกอีกทั้งเสียงหัวเราะชอบใจ พูดไม่ได้แต่เสียงหัวเราะใสหวานของเสี่ยวเจิ้งช่างทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาในจวนอ๋องช่างน่าอภิรมย์เสียจริง

“ท่านอ๋อง” 

หยวนกังประสานมือเมื่อคนรับใช้เข็นรถเข็นให้กับชิงกวานอ๋องมายังห้องวัดตัว

“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง”

แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงมาแต่ไกลแต่ก็ไม่วายถามด้วยสีหน้าแช่มชื่น

“คุณหนูน่าเอ็นดูไม่น้อย นางเข้ากับทุกคนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”

ชิงกวานอ๋องซ่อนยิ้มพยักหน้าขึ้นลง ภายใต้ใบหน้าแอบซ่อนความรู้สึกเป็นสุข

“เครื่องประดับที่ข้าสั่งทำให้คุณหนูเล่า”

“ใกล้จะเรียบร้อยเแล้วขอรับรอเพียงท่านอ๋อง ติชม”

“อืมจัดเครื่องเสวยที่ห้องวัดตัวด้วย เผื่อช่างวัดตัวเพราะคงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วยาม เสี่ยวเจิ้งจะได้มีคนคอยพูดคุยแก้เหงา”

 หยวนกังประสานมือ ชิงกวานอ๋องโบกมือให้คนรับใช้เข็นรถไปเสียอีกทาง

“ท่านอ๋องจะไม่รอพบคุณหนูก่อนหรือไรในวันนี้”

“ข้าไม่อยากให้นางรู้ว่าข้ามายุ่มย่าม นางเป็นเจ้าของจวนอ๋องเช่นกัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้นางเห็น รึเจ้าว่าข้าควร เข้าไปดูนางเสียหน่อย” 

หยวนกังยิ้มบางๆ ก้มหน้าเสีย เขาพยายามที่จะให้ชิงกวานอ๋องได้เห็นว่าเสี่ยวเจิ้งแปรเปลี่ยนไปเพียงใดนางงดงามเพียงใดต่างหาก เผื่อว่าบางทีท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องทนเหงาเหมือนที่ผ่านมา

คนรับใช้เข็นรถเลยไปยังป่าไผ่ร่มครึ้ม ชิงกวานอ๋องเผลอยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เตลิดไปไกล

ทำท่าจะลุกขึ้นยืน ทว่ากับทรุดกายลงบนรถเข็น

“ตามหมอหลวง”

คนรับใช้ที่เดินตามอีกคนรีบวิ่งไปทันที

หมอหลวงพูดเสียงสั่นด้วยกลัวอาญา

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่อาจกล่าวคำนี้ได้เกรงว่าท่านอ๋องจะทรง จะทรง”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ รู้สึกอะไร”

“แม้คมกระบี่จากมือสังหารจะไม่ได้ถูกจุดสำคัญทำให้บาดเจ็บสาหัส แต่เอ็นรอยหวายที่ขาด้านซ้ายของท่านอ๋องถูกทำลาย ขะข้าน้อยรับรองจะพยายามหายา ดีมารักษา ..ให้ ..จนได้… ท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว”

ก้มศีรษะจรดพื้น

“เจ้าหมายความว่าข้า ข้าจะเดินไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    "แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    “ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    “เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จบ

    อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จบบริบูรณ์

    ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   เพื่อเจ้า

    “ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status