Share

บทที่ 2 นิยายของหญิงอัปลักษณ์

Aвтор: เฟยหรง
last update Последнее обновление: 2025-04-03 15:30:01

หน้าเตาที่มีเหล่าเชฟฝึกหัดยืนอยู่เรียงราย กำลังขะมักเขม้นตั้งใจทำปลาต้มผักกาดดองให้เสร็จและมีรสชาติใกล้เคียงกับของอาจารย์ ซึ่งลี่หลินมีสีหน้าเป็นกังวลด้วยความตั้งใจเกินร้อยจึงทำให้กดดันตัวเอง เธอถกแขนเสื้อขึ้นอย่างทะมัดทะแมงจัดการต้มน้ำไว้รอเดือด แล้วจับปลาที่ถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งมาชำแหละเป็นชิ้น ปลายมีดแหลมคมเฉือนเนื้อปลาไปถึงก้างเพื่อเลาะเอาเนื้อปลาชิ้นสวยออกมาวางเรียง ก่อนละมือไปเตรียมอย่างอื่นต่อ

“เก่งจังเลยลี่หลิน” ปิงปิงเอ่ยชม เมื่อเห็นว่าเพื่อนทำได้คล่อง ซึ่งต่างจากเธอที่ยังเงอะงะเรียงลำดับก่อนหลังไม่ถูก จนต้องแอบชำเลืองมองเพื่อน

“เมนูนี้ฉันทำให้แม่กินบ่อยน่ะ”

“เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนทำอาหารอย่างอื่นบ้าง อาหารไทยก็น่าสนใจนะ” ปิงปิงบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย

“เราเรียนทำอาหารจีนไม่ใช่”

“ฮ่า ๆ จริงด้วย คงต้องไปหาเรียนหลักสูตรสั้น ๆ แทน”

“นี่ลี่หลิน”

“...?”

“ฉันได้หนังสือนิยายมาใหม่แหละ อยากอ่านไหม”

“มีกี่เล่มจบ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างด้วยกลัวเอาไปอ่านนาน”

“แค่ไม่กี่เล่มหรอก อ่านแป๊บ ๆ ก็จบแล้ว”

ลี่หลินชั่งใจ “งั้นฉันยืมเธออ่านก็แล้วกัน”

“ได้เลยเพื่อนรัก ว้าย!” มัวแต่คุยกันน้ำในหม้อที่ปิงปิงตั้งไว้ดันมีฟองอากาศดันขึ้นจนล้นหม้อ เธอจึงตกใจลนลานและรีบปิดก๊าซ แล้วตั้งใจทำอาหารของเธอต่อไป

ลี่หลินเห็นอย่างนั้น เธอจึงหันมาสนใจปลาต้มผักกาดต่อ และผ่านไปไม่นานทุกคนต่างทยอยกันตักต้มปลาผัดกาดดองไว้ให้อาจารย์ได้ชิม ซึ่งลี่หลินรู้ดีว่าคงไม่ได้คะแนนเต็ม เพราะเวลาในการทำที่นานเกินไปจนทำให้เนื้อปลายุ่ยไม่เป็นชิ้น

“เจ็ดคะแนน” อาจารย์เฉิงชิมแล้วให้คะแนนทันที

“ขอบคุณค่ะ” ยังดีที่ยังผ่านเกณฑ์อยู่บ้าง

“หกคะแนน”

“หา! อาจารย์คะ” ปิงปิงได้น้อยกว่าอย่างน่าเสียดาย

“น้ำซุปมันขม” และนี่คือเหตุผลของอาจารย์ที่ฟังขึ้นอยู่ไม่น้อย ก่อนเดินไปชิมถ้วยอื่นบ้าง

“ค่ะอาจารย์ครั้งหน้าจะแก้ตัวใหม่” ปิงปิงทำหน้าเซ็ง ก่อนเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงไปหยิบกระเป๋าโดยลากลี่หลินไปด้วยเพื่อไปเรียนต่อวิชาอื่นที่อัดแน่นไปจนถึงหนึ่งทุ่ม

“เหนื่อยจัง” ลี่หลินพูดอย่างหมดแรง พร้อมฟุบลงบนโต๊ะโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เธอกับปิงปิงมาทานข้าวต้มลูกเดือยด้วยกันก่อนแยกย้ายกลับหอพักของตัวเอง

“ฉันก็เหนื่อย ยืนจนขาแข็งหมดแล้วเนี่ย หน้าก็มัน ไม่รู้สิวจะขึ้นไหม” ปิงปิงบ่นอุบอิบ พร้อมหยิบกระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง

ชีวิตช่วงนี้ของลี่หลินดูน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย นอกจากเรียนหนักทั้งวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ยังดีที่มีเพื่อนอย่างปิงปิงที่ทำให้ในแต่ละวันมีเรื่องราว

“นี่เอาไปอ่าน จะได้ไม่ต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนี้” ปิงปิงหยิบหนังสือที่ถูกใส่ไว้ในกล่องเป็นเซ็ตอย่างดี

“ไหนบอกว่ามีไม่กี่เล่มไง” ลี่หลินพูดพร้อมรอยยิ้ม

“แค่ห้าเล่มสั้น ๆ”

“ไม่สั้นนะ”

“เอาไปอ่านเถอะ แล้วจะวางไม่ลง”

“ขอบใจนะ”

“อืม กินข้าวเถอะ จะได้ไปพักอ่านนิยาย ฉันมีอีกหลายเรื่องเลยนะ”

“พอก่อน อ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน”

“จ้า”

เมื่อนั่งทานข้าวจนหมดก็ถึงเวลาที่เพื่อนทั้งสองต้องแยกย้าย ลี่หลินปั่นจักรยานคู่ใจกลับไปยังหอพักรวมซึ่งอยู่หลังมหาวิทยาลัย ส่วนปิงปิงที่มีบ้านอยู่ใกล้เธอจึงกลับไปนอนอยู่ที่นั่นโดยไม่จำเป็นต้องเช่าหอ

ร่างอรชรหอบกายที่มีแต่กลิ่นอาหารติดตัวเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง พลันเปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่มีห้องโถงใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งต้องแบ่งปันกับเพื่อนอีกสามคน เธอเป็นเด็กนักเรียนดีจึงได้ทุนมาเรียน หากไม่ได้ทุนคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาด้วยบ้านของเธอยากจนเป็นอย่างมากนั่นเอง

ลี่หลินไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่ปิงปิงก็ยังไม่อาจรู้ เธอปิดบังเรื่องนี้มานานเพราะด้วยกลัวจะถูกรังแกและถูกล้อ แต่ถึงอย่างนั้นลี่หลินก็ขยันอดทนสู้มาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อหวังได้เข้าไปทำงานในโรงแรมห้าดาว

ก่อนจะพร่ำเพ้อคิดถึงความฝันไปมากกว่านี้ลี่หลินก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัวซะใหม่ เธอไม่ลืมดูแลตัวเองด้วยการมาร์กหน้าและทาครีมจนทั่วตัว พร้อมสวมชุดนอนแสนสบายปีนขึ้นเตียงชั้นสองของตัวเอง เพื่อมานอนเอนกายอ่านนิยายของปิงปิง

“มันจะวางไม่ลงขนาดนั้นเลยเหรอ” ลี่หลินไม่เชื่อคำเพื่อนด้วยชื่อเรื่องก็แสนธรรมดา ปกยังมีแต่ดอกโบตั๋นไม่มีจุดสนใจอะไรสักอย่าง มีเพียงชื่อเรื่องที่บ่งบอกถึงตัวละครหลัก ว่าคนที่กล่าวถึงในเรื่องนี้คือ หญิงอัปลักษณ์

“คงจะเหมือนเรื่องอื่นแหละมั้ง” ลี่หลินคาดเดา พล็อตนิยายวนเวียนอยู่ไม่กี่อย่างที่พอน้ำเน่า แต่คนก็ยังชอบอ่านมัน ไม่เว้นแม้แต่เธอ ถึงจะพอคาดเดาว่าตอนจบเป็นเช่นไร แต่เธอก็อยากรู้ว่าระหว่างทางมีอุปสรรคอะไรบ้าง

มือเรียวกรีดหน้าหนังสือเปิดออก เธออ่านคำโปรยเป็นอย่างแรก ซึ่งทำให้รู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อย ราวกับว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเธอจนทำให้รู้สึกจุกอกและหน่วงอยู่ในใจ

“หากข้าตายจากท่านไป ท่านจะเหลียวแลมองข้ารึไม่” นี่คือถ้อยคำที่กลั่นออกมาพร้อมหยดน้ำตาพรั่งพรูดั่งสายโลหิต ต่อหน้าสามีคนไร้ใจ ท่านแม่ทัพไม่ตอบคำใดเพียงแต่เดินมาผลักนางลงสู่ก้นเหวลึกอย่างเยือกเย็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 42 คุณชายขี่ม้าขาว

    แววตาแห่งความสะใจฉายให้เห็นในความมืด อู๋ท่งยืนมองอยู่หลังกอไผ่ก่อนเดินย่างกรายออกมาเพื่อชื่นชมคนขับรถม้า“เจ้าทำได้ดีมาก นางตายแล้วรึไม่” อู๋ท่งพูดเสียงเบาราวกระซิบ“ข้ามิแน่ใจ แต่ผาสูงชันเช่นนี้หากมิตายก็คงพิการ แต่ถ้านางรอดกลับมาพวกเราจักไม่เป็นภัยดอกรึ” ชายขี้ขลาดตาขาวพูด เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรมีจิตสำนึกที่ดี“มิเป็นเยี่ยงนั้นดอก ใครจักไปเชื่อคำของหญิงอัปลักษณ์เพียงผู้เดียวกัน เจ้ากับข้ารีบกลับไปยังเรือนตระกูลกู้ก่อนเถิด มิเช่นนั้นจักโดนท่านแม่ทัพสงสัยเอาได้” อู๋ท่งพูดพร้อมเดินกลับไปยังรถม้าอย่างมิคิดกลับหลัง ทำให้ชายผู้เป็นคนลงมือตามคำสั่งต้องเร่งฝีเท้าตามไปหน้าผาชันเป็นเหวลึกแต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ร่างของหญิงอัปลักษณ์ตกลงมาบนต้นไม้ใหญ่ก่อนกลิ้งไปตามพื้นแล้วสลบลงไป เหมยลี่เจ็บและจุกกายจนขยับไปไหนมิได้ นางพยายามปรือตามองผ่านความมืดมิดก่อนที่เปลือกตาจะดับสนิทไปในไม่ช้าทางด้านเซียวจ้านที่เร่งควบม้าตามหาหญิงอัปลักษณ์ด้วยความร้อนใจ เขาได้พบกับรถม้าซึ่งมีตราประจำตระกูลกู้ติดอยู่ นั่นทำให้บุรุษบนหลังม้ารีบไปไปดักหน้าขวางทางไว้โดยพลันเสียงม้าร้องลั่นเมื่อถูกเชือกดึงรั้งอย่างกะทันหัน คนขับร

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 41 ช่วยข้าด้วย

    แม่ทัพมู่หยางเดินทางกลับมาด้วยความร้อนใจ ถึงเขาจักยินดีเมื่อได้รู้ข่าวว่าภรรยาเอกได้ตั้งครรภ์แล้วก็ตาม ทว่าอีกใจหนึ่งก็นึกอยากกลับไปถามหญิงคนลวงให้รู้แล้วรู้รอด ว่านางลวงหลอกสมอ้างเป็นบุตรสาวคนเล็กของผู้ครองแคว้นอันรึไม่เมื่อเดินทางมาถึงยังเรือนตระกูลกู้ บุรุษร่างสูงพลันจ้ำเท้าเข้าไปอย่างมิรีรอ เพื่อมุ่งหน้าไปหาหญิงอัปลักษณ์ โดยมิสนใจต้าเหนิงเลยด้วยซ้ำ“ท่านพี่จักไปที่ใดรึเจ้าคะ” ต้าเหนิงเห็นหน้าสามีที่ผ่านเลยไป ราวกับเห็นนางเป็นเพียงอากาศธาตุก็ยิ่งเจ็บแค้นใจอยู่มิน้อย ทั้งที่นางตั้งหน้าตั้งตารอถึงเพียงนี้ และในท้องของนางก็ยังมีบุตรของตระกูลอีกด้วย“ข้า...” มู่หยางมิสามารถพูดออกมาได้“ท่านพี่มิดีใจรึเจ้าคะที่ข้าตั้งท้องบุตรของเรา” ภรรยาเอกเยี่ยงนางถูกลดความสำคัญลงไปอย่างเห็นได้ชัด แล้วเยี่ยงนี้จักให้นางอยู่นิ่งเฉยได้เยี่ยงไร“ข้าดีใจ ดีใจที่สุด” มู่หยางเดินมาหาต้าเหนิง“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่ก็จงรีบไปหาท่านแม่ และขุนนางท่านอื่นที่มารอร่วมยินดีกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ” ต้าเหนิงรีบดึงแขนสามีมู่หยางปรายตามองไปยังหลังเรือนอีกหน ก่อนเดินตามภรรยาเอกไป พลางคิดว่าไม่ช้าก็เร็วเขาคงมีเวลาได้คุยกับหญิ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 40 แผนล่อลวง

    “เจ้าควรพักนะต้าเหนิง” ฮูหยินชิงชิงเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าสะใภ้เอกกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมงาน“ท่านแม่ ข้าอยากให้งานในวันนี้ออกมาดีเจ้าค่ะ อีกอย่างวันนี้ท่านพี่ก็ได้กลับมาเสียที” ต้าเหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม นางดีใจอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะต้องการเห็นสีหน้าของสามีว่าจักดีใจเช่นไรเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว“แต่เจ้ายังท้องอ่อน ๆ อยู่ มิควรขยับตัวมากมายเช่นนี้ ไปพักเสียทางนี้ข้าเป็นคนจัดการเอง”“เจ้าค่ะท่านแม่” ต้าเหนิงจำเป็นต้องเชื่อคำ นางจึงเดินเข้าไปพักในห้องของตัวเองส่วนฮูหยินชิงชิงได้เป็นคนดูแลสถานที่ให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมต้อนรับผู้มาเยือน ก่อนหันไปหานางรับใช้คนสนิทเพื่อวานบางอย่าง“เจ้าอู๋ท่ง”“เจ้าคะ?” อู๋ท่งรีบตอบรับ“หาเรื่องให้หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นออกไปให้พ้นเรือนเสีย ข้ามิอยากให้นางต้องมาขวางหูขวางตาแถวนี้ เดี๋ยวคนอื่นคงได้หวาดกลัวจนสาปแช่งเรือนข้าให้ป่นปี้”“เจ้าค่ะ แต่หากท่านแม่ทัพถามหาล่ะเจ้าคะ”“ก็จงบอกว่านางหนีตามชู้ไปแล้ว เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าต้องพานางไปให้ไกลเพียงใด”“เจ้าค่ะ”อู๋ท่งรับคำอย่างว่าง่าย แล้วรีบเดินไปหาหญิงอัปลักษณ์โดยทันที ส่วนฮูหยินชิงชิงทำพียงมองนางรับใช้แค่ห

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 39 ความจริงเริ่มปรากฏ

    สายตาคู่หนึ่งแอบจดจ้องมองสองสามีภรรยาอยู่หลังพุ่มไม้ เมื่อเห็นว่าทั้งสองคุยกันจนเสร็จพลางพากันเข้าไปในบ้าน ปลายเท้าจึงขยับออกแล้วหันหลังกลับ คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย ดวงตาเหม่อมองไปเบื้องหน้า พลางคิดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเมื่อได้ยินชื่อของสตรีผู้น้อยมาจากที่แห่งใดมู่หยางจึงแอบสะกดรอยตามจางเหว่ยมาถึงบ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั่นเอง และชื่อของหญิงผู้นี้คุ้นหูซะจนต้องสืบหาความจริงให้กระจ่าง“ข้าว่าข้าต้องรู้จักนาง” มู่หยางพึมพำกับตัวเอง พลางเดินกลับไปยังฐานทัพ เพื่อสืบหาความจริงที่ว่า มิรู้เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ถึงอยากเสาะหาความจริงในเรื่องนี้ ทั้งที่มิจำเป็นและมีสิ่งที่สำคัญกว่านั่นคือการปราบกบฏเหมือนอย่างคราวที่ไปสู้รบยังแคว้นอัน จนปราบผู้ครองเมืองได้สำเร็จ“แคว้นอัน!” เมื่อนึกถึงแคว้นอันขึ้นมา มู่หยางก็เริ่มคิดว่ากำลังใกล้ความจริงเข้ามาทุกที เขาจึงเดินไปค้นสมุดบันทึกรายชื่อวงศ์ตระกูลของแคว้นอันมากางดูสายตาคมมองตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยปลายพู่กัน จนหยุดสายตามาเจอกับชื่อหนึ่งเข้าซึ่งชื่อตรงกับสตรีผู้น้อยคนนั้นมิมีผิด “บุตรสาวคนเล็กเยี่ยงนั้นรึ” ดวงตาของท่านแม่ทัพเบิกกว้างด้วยค

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 38 ความกังวลของฟู่ฟู่

    ฟู่ฟู่นิ่งค้างไปชั่วขณะ นางมิคิดเลยว่าท่านแม่ทัพจักลั่นวาจานี้ออกมา หรือว่าเขาจักรู้แล้วว่านางคือคนจากแคว้นอัน ใบหน้านวลมีเหงื่อผุดด้วยความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นางมิรู้จักแก้ต่างว่าเยี่ยงไรดี แต่คงต้องปฏิเสธออกไปหน้าตาเฉยเพื่อมิให้อีกฝ่ายจับได้“มิใช่ข้าเกิดละโตที่นี่ ท่านอย่ามาตามตื๊อข้าให้เสียเวลาเลย ข้าขอตัว” ฟู่ฟู่รีบเดินหนี ทว่าคนขายาวขยับตัวคล่องแคล่วมายืนขวางทางนาง“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรเล่าให้ข้าฟังได้” มู่หยางมองใบหน้าสตรีอ่อนเยาว์อย่างพินิจ ขณะที่ฟู่ฟู่เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาข้าจักทำเช่นไรดีฟู่ฟู่คิดในใจนางกำลังตกที่นั่งลำบากและเหมือนถูกท่านแม่ทัพกำลังต้อนให้ติดกับหากเป็นเช่นนั้นความลับทั้งหมดคงได้แตกแน่ นางมิอยากกลับไปเป็นภรรยารองของผู้ใดในเมื่อมีจางเหว่ยอยู่แล้วทั้งคน“เจ้าคิดจักทำอันใดกับภรรยาข้า!” ในที่สุดก็มีเสียงสวรรค์เปิดทางให้นางจางเหว่ยส่งเสียงเข้มพร้อมเดินมาขวางบุรุษแปลกหน้าซึ่งเขาพินิจดูแล้วว่าเป็นผู้ใด จึงคอยกันให้ฟู่ฟู่หลบไปอยู่ด้านหลังเขา สายตาเอาเรื่องจ้องไปยังท่านแม่ทัพที่ยามนี้แต่งกายเหมือนคนธรรมดา แต่ความมีสง่าราศีปกปิดความสูงศักดิ์ไว้มิมิด“ขออภัยท่า

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 37 หญิงอันเป็นที่รัก

    เช้าวันต่อมาร่างอรชรเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาถูกวงแขนของชายอันเป็นที่รักสวมกอดไว้อย่างหลวม ๆ เมื่อคืนจางเหว่ยได้พิสูจน์แล้วว่าเขามิได้อ่อนหัดอย่างที่สตรีผู้น้อยดูถูกไว้ เขาทำให้ฟู่ฟู่หมดแรงจนยังมิลืมตา ชายเปลือยเปล่าบนเตียงจึงค่อย ๆ ขยับกาย พลางหอมไหล่มนอย่างแผ่วเบาด้วยความทะนุถนอม ต่อจากนี้จางเหว่ยต้องดูแลฟู่ฟู่ในฐานะภรรยาอันเป็นที่รักสมใจปรารถนา“อื้ม” เสียงครางเบา ๆ เอ่ย เมื่อถูกรบกวน ฟู่ฟู่ค่อย ๆ ลืมตาเพื่อรับแสงเช้าวันใหม่ แต่พอจักขยับกายกลับรู้สึกเจ็บระบมพลันทำหน้าเหยเก“เจ็บมากรึไม่ ข้าควรถนอมเจ้ามากกว่านี้” จางเหว่ยได้พรากพรหมจรรย์ไปจากนาง ร่องรอยบนเตียงยังหลงเหลือไว้ เขามิควรกระทำกับนางรุนแรงเกินไปนัก แต่อารมณ์กำหนัดทำให้บุรุษผู้นี้ขาดความยับยั้งชั่งใจ“มิเป็นอันใดดอก” ฟู่ฟู่เหนียมอายพลันหลบสายตาสามีหมาด ๆ“หญิงอันเป็นที่รักของข้า เจ้าพักผ่อนเถิดข้าจักไปหาข้าวมาให้เจ้ากิน”จางเหว่ยดึงผ้าห่มคลุมกายนางไว้เช่นเคยพลางลูบศีรษะเบา ๆ แล้วลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเดินออกไปร่างสูงเดินเข้าไปในครัวก็พบกับมารดาซึ่งกำลังทำความสะอาดเหมือนเช่นทุกวัน จางเหว่ยชั่งใจอยู่มิน้อยก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status