หลิงเฟิงที่อยู่ด้านหลังคว้าตัวกอดนางอย่างชำนาญ จ้องเสิ่นหรูโจวเขม็งด้วยความขุ่นเคือง: “พระชายา! แม้สถานะของพระชายารองจะไม่ดีเท่าท่าน แต่นางก็หาใช่คนที่ท่านจะรังแกได้ไม่! ข้าจะไปเชิญท่านอ๋องมาเดี๋ยวนี้ ให้ท่านอ๋องลงความเห็นเสียหน่อย!”
ตบหน้ากลับเจ็บไปถึงหัวใจ ช่างเป็นเรื่องประหลาดในใต้หล้าเสียจริง!
เสิ่นหรูโจวส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เร่งนำเข็มเงินสองเข็มในช่องสุญญากาศออกมาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้สังเกตว่านางเคลื่อนไหวเช่นไรก็เข้าใกล้มู่หว่านหรงเสียแล้ว เพียงออกแรงหนักสองครั้งจึงได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมบาดหู…
“กรี๊ด!”
ใบหน้าของมู่หว่านหรงซีดเผือดกะทันหัน หัวใจเจ็บแปลบ เจ็บปวดจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก นางมองเสิ่นหรูโจวอย่างเหลือเชื่อ “ท่าน ท่านทำอะไรข้า!”
หลิงเฟิงคิดว่านางกำลังแสดงละครอีกรอบ ครั้นพบว่านางตัวสั่นเทาจากเจ็บปวดจึงมองเสิ่นหรูโจวด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี
“พระชายา ท่านทำอะไรกับพระชายารอง!”
เสิ่นหรูโจวยังคงยิ้มเล็กน้อย หยิบเข็มเงินกลับมาโดยไม่หลบซ่อน
“เจ้าไม่ได้มองหาเซียวเฉินเหยี่ยนเพราะเจ็บหัวใจหรอกหรือ หากหัวใจของเจ้าไม่ได้เจ็บแล้วจะตามหาเขาได้อย่างไร”
นางอยากแสดงละคร นางไม่ได้อยากเจ็บจริง!
ใบหน้าของมู่หว่านหรงบิดเบี้ยวไปตามความเจ็บปวด ดวงตาเปี่ยมโทสะขณะที่ขึงตาใส่เสิ่นหรูโจว
“ท่านรู้จักวิธีรักษาหรือไร เมื่อใดกันที่ท่านมีความสามารถทางการแพทย์!”
ที่เสิ่นหรูโจวลงมือไปถึงสองครั้งเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทำส่งเดช! เข้าใจทักษะแพทย์เป็นแน่แท้!
เมี่ยวตงเองก็อยากถามเรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่รู้ว่านี่มิใช่เวลาที่เหมาะที่ควร เช่นนั้นจึงทำเพียงหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นหรูโจวอย่างระมัดระวังเท่านั้น
มากกว่าความแปลกใจ นางกลับยิ่งรู้สึกโล่งใจ!
ยามก่อนคุณหนูยอมทุกอย่างมาเสมอจึงถูกคนกลุ่มนี้ข่มเหง ยามนี้คุณหนูไม่เสียประโยชน์ นางเห็นแล้วก็โล่งใจ!
“ท่านถือสิทธิ์อะไรมาไถ่ถามเรื่องของพระชายา อีกอย่างท่านควรเรียกคุณหนูของข้าว่า 'พระชายา' ด้วยความเคารพ! พระชายารองเป็นเพียงอนุ ไม่มีสิทธิ์สร้างปัญหาให้ผู้เป็นนายหญิง!”
“นางสาวใช้ กล้าดีเช่นไรมาพูดแบบนี้กับข้า!”
หัวใจของมู่หว่านหรงเจ็บยิ่งกว่าเมื่อถูกด่าทอ เหงื่อเย็นก่อตัวบนหน้าผาก ทว่าขยับตัวก็ขยับไม่ได้ นางจ้องเขม็งสองนายบ่าว
“เสิ่นหรูโจว ท่านเชื่อหรือไม่ หากข้าบอกว่าท่านข่มเหงข้า ท่านพี่เฉินเหยี่ยนจะลงโทษท่านเป็นแน่!”
“ข้าเชื่อ” เสิ่นหรูโจวยิ้มเหน็บแนม “แต่แล้วอย่างไรเล่า แม้เขาจะปกป้องเจ้า คนที่เขารักมากที่สุดก็หาใช่เจ้าอยู่ดี”
“ท่าน!” มู่หว่านหรงมองเสิ่นหรูโจวอย่างยากจะเชื่อ ใบหน้าซีดขาวลงฉับพลัน
นางรู้ได้อย่างไรว่าคนที่เซียวเฉินเหยี่ยนรักมากที่สุดมิใช่นาง!
ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ยกเว้นท่านพี่เฉินเหยี่ยนและมู่หว่านชิงพี่สาวของนาง!
เสิ่นหรูโจวยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา
“มู่หว่านหรง ท้ายที่สุดแล้วพวกเราทุกคนต่างเป็นผู้แพ้ มิว่าใครจะมีคุณธรรมสูงส่งมากกว่าใคร แต่อย่างน้อยข้าก็เป็นพระชายา เจ้าเล่า ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น”
มู่หว่านหรงโกรธมากจนหัวใจเจ็บราวถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในฉับพลัน ดวงตาของนางเบิกกว้าง จากนั้นก็หมดสติเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส
ก่อนจะหมดสติ นางได้ยินเพียงน้ำเสียงเย็นชาของเสิ่นหรูโจว “มู่หว่านหรง ถ้าเจ้ามาวุ่นวายกับข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
“พระชายารองเจ้าคะ พระชายารอง!” หลิงเฟิงทำอะไรไม่ถูกขณะที่กอดมู่หว่านหรงซึ่งหมดสติไว้
ก่อนหน้านี้เป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น ไยครั้งนี้ถึงได้เป็นลมไปจริง ๆ เล่า
นางหวาดกลัวขึ้นมาทันทีอีกทั้งไม่กล้ารับความผิด รีบแบกมู่หว่านหรงวิ่งไปราวกับกำลังหนีบางอย่าง
เสิ่นหรูโจวไม่ได้ขัดขวางเพียงมองเย็นชา กระทั่งเมี่ยวตงเอ่ยขึ้นอย่างกังวล: “คุณหนู ท่านทำเช่นนี้ หากท่านอ๋องลงโทษท่านจะทำเช่นไรเจ้าคะ ท่านเพิ่งสมรสกัน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป...”
“ความเห็นของคนอื่นไม่สำคัญ” เสิ่นหรูโจวขัดคำพูดนาง นางอดทนกับทุกสิ่งในชาติที่แล้ว แสร้งทำเป็นว่าประพฤติดีมีศีลธรรม แล้วเป็นเช่นไรต่อ
ยามตาย แม้แต่ร่างกายก็ไม่เหลือ!
ส่วนเซียวเฉินเหยี่ยน...
เสิ่นหรูโจวยิ้มหยัน: “ถ้าเขากล้ามาเอาคืนแทนมู่หว่านหรง ข้าก็จะตอบโต้เขาเช่นเดิม!”
เมี่ยวตงมองเสิ่นหรูโจวด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู เหตุใดท่านถึงเปลี่ยนไปจากเดิมเล่าเจ้าคะ”
ก่อนนี้คุณหนูแทบจะโยนตัวเองใส่ท่านอ๋อง ทว่าตอนนี้นางพูดคำจำพวกนี้ออกมา ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้มากในชั่วข้ามคืน
เมี่ยวตงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นทาบทับหน้าผากของเสิ่นหรูโจว ก็ไม่มีไข้นี่...
“ข้าสบายดี” เสิ่นหรูโจวยกมือนางออกอย่างขบขันพลางเอ่ยด้วยสายตาสงบ “ก่อนนี้ล้วนเป็นคุณหนูของเจ้าที่เลอะเลือน นับจากวันนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป พวกเราต้องตั้งใจใช้ชีวิตอย่างจริงจังและใช้ชีวิตให้ดี!”
…
“ท่านอ๋อง ข้ามาช้าแล้ว!”
จวินอู่ยิ้มยิงฟัน เดินกะโผลกกะเผลกจนมาถึงที่ ก่อนจะคุกเข่าตรงหน้าเซียวเฉินเหยี่ยน ยื่นหนังสือสัญญาด้วยสองมือ
เซียวเฉินเหยี่ยนเพิ่งอาบน้ำเสร็จและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากถูกพิษยาทรมาน เขานั่งหลับตาอยู่ที่โต๊ะ ผมยาวยังไม่แห้ง เศษถ้วยกระเบื้องแตกกองอยู่แทบเท้าดูซึ่งเหมือนเขาขยี้มันด้วยมือเปล่า
เขารับหนังสือสัญญามาแล้วเหลือบมองแวบหนึ่ง: “ขาของเจ้าเป็นอะไรไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จวินอู่อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ต้องนอนตัวตรงบนพื้นหินแข็งทื่อเย็นเยียบนั้นเป็นเวลานานต่างก็ต้องรู้สึกเช่นนี้!
“เป็นพระชายาที่ฝังเข็มข้าน้อย ด้วยเหตุนี้ข้าน้อยจึงเพิ่งมาพบท่านในเวลานี้ ขาก็เป็นเช่นนี้เพราะสาเหตุเดียวกัน”
คิ้วคมของเซียวเฉินเหยี่ยนมุ่นเล็กน้อย: “นางรู้วิธีฝังเข็มหรือ”
“ขอรับ และข้าน้อยเชื่อว่าพระชายาไม่น่าจะรู้ศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นที่นางน่าจะรู้คือทักษะแพทย์!”
“รู้ทักษะแพทย์เช่นนั้นหรือ” เซียวเฉินเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจในทันใด แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้ยินว่าเสิ่นหรูโจวเป็นทักษะทางการแพทย์เลย
เขาคิดเสมอว่าเสิ่นหรูโจวเป็นหญิงโง่เขลาไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไร้ทักษะอื่นใด
กลิ่นธูปหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องลอยเข้าปลายจมูกเซียวเฉินเหยี่ยน หยาดน้ำกลิ้งลงบนหน้าผากเนียน มันเตือนเขาว่าสรรพคุณทางยาที่ถูกระงับไว้เพียงชั่วครู่นั้นก็มาจากน้ำมือของตัวเสิ่นหรูโจวเอง
เขามองหนังสือสัญญาที่จวินอู่มอบให้ มีคำสามคำว่า ‘เสิ่นหรูโจว’ เขียนไว้อย่างหนักแน่น ไม่ได้อ่อนช้อยเฉกเช่นหญิงสาวทั่วไป มีความงามในแบบที่เย่อหยิ่งและใจกว้าง
ลายมือเช่นนี้เสิ่นหรูโจวสามารถเขียนออกมาได้ในอายุยังน้อยหรือ
ยิ่งกว่านั้น แต่ก่อนนางเคยเคารพเชื่อฟังเขา ทั้งยังสุภาพต่อจวินอู่ด้วยซ้ำ เหตุใดตอนนี้ถึงลงโทษจวินอู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือยามก่อนเสิ่นหรูโจวเอาแต่เคล้าคลอเขาไม่ห่าง หมกมุ่นอยู่แต่กับเขา ไม่เคยต่อต้านอย่างดุดันเช่นเมื่อคืน นับประสาอะไรกับคำที่พูดออกมาเช่นการหย่าร้าง
ตอนนั้นเขาคิดว่านางใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับ แต่หนังสือสัญญาที่ลงนามแล้วในมือทำให้เขาสับสนอีกครั้ง
คนคนหนึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร
เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วคม ด้วยการออกแรงนิ้วเล็กน้อยเลยทำให้กระดาษบางเสียรูปไปบ้าง
ในเวลานี้จู่ ๆ ก็มีคนด้านนอกเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “ท่านอ๋อง! แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาทุบตีพระชายารองจนโรคหัวใจกำเริบ หมดสติไปแล้ว——”